เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 10
ตอนที่ 10 สะใภ้?
ซือหม่าจวี้อี๋นั่งครุ่นคิดบางสิ่งบางอยู่บนเตียง แต่เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นางจึงลุกขึ้นเดินออกไปทันที เมื่อเปิดประตูออกไปจึงพบเด็กสาวใบหน้างดงามกำลังจูงมือหลงเฉินอยู่
ซือหม่าจวี้อี๋เคยพบเห็นเด็กสาวผู้นี้มาก่อน และจำได้ว่านางก็คือหลงเสวียอิ๋งบุตรสาวคนเดียวของอาวุโสใหญ่แห่งตระกูลหลง เพียงแต่นางมิอาจคาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
‘เหตุใดนางจึงมาที่นี่ มิหนำซ้ำยังจูงมือเทียนเอ๋อมาเช่นนี้?’ ซือหม่าจวี้อี๋ครุ่นคิดอยู่ในใจ
‘ทั้งคู่ชอบพอกันงั้นรึ?’ ซือหม่าจืออวี๋ยังคงคาดเดาอยู่ในใจขณะที่เหลือบมองเด็กหนุ่มสาวทั้งสอง
หลงเสวียอิ๋งเห็นซือหม่าจวี้อี๋ยืนจ้องมองตนแน่นิ่งเช่นนั้น นางจึงได้แต่นิ่งเงียบมิอาจกล่าววาจาใดออกมาได้ ทั้งที่ระหว่างทางที่เดินมานั้น นางเองได้เตรียมบทสนทนาเพื่อที่จะขอให้ซือหม่าจวี้อี๋อภัยให้ แต่ทั้งหมดกลับมลายหายไปจากห้วงความคิดของนาง
และเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า เวลานี้นางยืนจับมือหลงเฉินอยู่ต่อหน้ามารดาของเขา หลงเสวียอิ๋งจึงรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมทันที และใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ
“เอ่อ.. ท่านป้าจวี้อี๋ ความจริงคือ..” นางกล่าววาจาตะกุกตะกักในขณะที่พยายามสรรหาคำพูดมาอธิบาย
“พวกเจ้าสองคนยืนอยู่ด้านนอกทำไมกันเล่า? เข้ามาด้านในก่อน ข้าจะหาชาให้พวกเจ้าสองคนดื่ม”
ก่อนที่หลงเสวียอิ๋งจะได้กล่าววาจาใดต่อ ซื่อหม่าจวี้อี๋ก็ได้เอ่ยแทรกขึ้นเชิญชวนให้เข้าไปในห้อง หลังจากที่หลงเสวียอิ๋งและหลงเฉินเข้าไปแล้ว นางจึงรีบปิดประตูทันที
“ท่านป้าจวี้อี๋ ข้าไม่รบกวนจะดีกว่า”
หลงเสวียอิ๋งเอ่ยทัดทาน แต่ซือหม่าจวี้อี๋กลับมิยอมหยุด ล่วงไปไม่กี่อึดใจ นางจึงได้ยกน้ำชาออกมาให้หลงเสวียอิ๋ง แล้วจึงนั่งลงข้างกายนาง
“ไม่บ่อยนักที่ข้าจะได้เห็นเด็กสาวงดงามเช่นเจ้ามาที่นี่พร้อมกับเทียนเอ๋อ นี่เจ้าหลงรักเขางั้นรึ? เจ้ายังจดจำเสน่ห์ของเขาเมื่อครั้งเยาว์วัยได้หรือไม่? เทียนเอ๋อของข้ารูปงามไม่น้อย หากพวกเจ้าสองคนชอบพอกัน ข้าจะได้ให้พรกับพวกเจ้าทั้งคู่” ซือหม่าจวี้อี๋กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลงเสวียอิ๋งถึงกับหน้าแดงก่ำ ในขณะที่หลงเฉินได้แต่แอบชื่นชมท่าทีเอียงอายของนางในระหว่างสนทนา แม้จะรู้แก่ใจว่าแม่ของเขาเพียงแค่หยอกล้อนางเล่นเท่านั้น
“ข้าล้อเจ้าเล่นหยิงเอ๋อ” ซือหม่าจวี้อี๋ร้องบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เอาล่ะ บอกมาได้แล้วว่ามาหาข้าวันนี้ด้วยเหตุใด?” ซือหม่าจวี้อี๋ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านป้าจวี้อี๋.. ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านอภัยให้ แต่ความจริงมันล้วนแล้วแต่เป็นอุบัติเหตุ เช้านี้ที่โถงสมบัติ หลงเทียนเดินชนและล้มทับข้า ข้าจดจำเขามิได้จึงคิดว่าเขาจงใจทำเช่นนั้น จึงได้พลั้งมือทำร้ายเขา” หลงเสวียอิ๋งบอกเล่าด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
“เรื่องครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดของข้าเอง หาใช่ความผิดของหลงเทียนแม้แต่น้อย อีกทั้งข้าเองก็พลั้งมือทำร้ายเขา ข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอให้ท่านป้ายกโทษให้ข้าด้วย”
หลงเสวียอิ๋งกล่าวขอขมาต่อซือหม่าจวี้อี๋พร้อมกับโน้มศรีษะลง พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้นางฟังอย่างละเอียด
ซือหม่าจวี้อี๋ถึงกับตกใจอย่างมาก ผลุนผันลุกขึ้นไปดูหลงเทียนทันที นางสำรวจดูทั่วทั้งร่างด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล แต่เมื่อพบว่าบุตรชายมิได้บาดเจ็บมากมายอะไรนัก มีเพียงบาดแผลเล็กๆน้อยๆเท่านั้น นางจึงถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ ในขณะที่หลงเสวียอิ๋งเพ่งมองด้วยสีหน้าและแววตาที่รู้สึกผิด
“หยิงเอ๋อ เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย ในเมื่อเป็นเรื่องเข้าใจผิด หลงเทียนก็มิได้บาดเจ็บอะไรมากมายนัก ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่พาเขากลับมาส่ง และบอกเล่าความจริงทุกอย่างให้ข้าฟังเช่นนี้” ซือหม่าจวี้อี๋เอ่ยออกมาเพื่อให้หลงเสวียอิ๋งคลายความกังวลและความรู้สึกผิดในใจ
“อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้เขาได้พบเจอกับเด็กสาวงดงามเช่นเจ้า” ซือหม่าจวี้อี๋ยังคงหยอกเย้าหลงเสวียอิ๋ง พร้อมกับเอือมมือข้างหนึ่งไปสัมผัสแก้มของนางด้วยความอ่อนโยน
หลงเสวียอิ๋งรู้สึกโล่งใจจึงได้กล่าวขอบคุณซือหม่าจวี้อี๋ “ขอบคุณท่านป้าจวี้อี๋” หลงซวี่อิ๋งเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มงดงาม
“หยิงเอ๋อ ไม่เห็นต้องขอบคุณอะไรเลย” ซือหม่าจวี้อี๋เอ่ยห้ามปราม และจู่ๆคล้ายนึกสิ่งใดขึ้นมาได้จึงรีบเอ่ยออกไป
“หากเจ้าอยากจะขอบคุณข้าจริงๆ ยังมีหนทางอื่นที่สามารถทำได้..”
“หนทางใดรึท่านป้า?”
หลงเสวียอิ๋งเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง หลงเฉินซึ่งนั่งฟังอยู่ก็นึกประหลาดใจเช่นกัน
ซือหม่าจวี้อี๋เอี้ยวมองหลงเทียนบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองหลงเสวียอิ๋งพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“เจ้าเองก็คงรู้ดีว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนั้น เทียนเอ๋อของข้าก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตั้งแต่นั้น แม้เขาจะออกไปเที่ยวเล่นบ้าง แต่ข้าก็รู้ดีว่าเขามิได้มีสหายมากมายนัก”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ตลอดทางที่พาเขามาที่นี่ มิมีผู้ใดทักทายเขาเลยแม้แต่คนเดียว” หลงเสวียอิ๋งเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองหลงเทียน
‘ความจริงคนพวกนั้นเห็นข้าเป็นที่ระบายอารมณ์ต่างหากเล่า’ หลงเฉินได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจ
“หยิงเอ๋อ เจ้าคอยเป็นเพื่อนกับเขาจะได้หรือไม่?” ซือหม่าจวี้อี๋เอ่ยปากขอร้องพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลงเสวียอิ๋ง
“ท่านป้าคะ แม้ท่านป้าจะไม่ขอร้องข้า ข้าก็ต้องเป็นเพื่อนกับหลงเทียนอยู่แล้ว” หลงเสวียอิ๋งตอบกลับไป
หลงเสวียอิ๋งสนทนากับซือหม่าจวี้อี๋ต่ออีกครู่หนึ่ง นางจึงได้ขอตัวกลับไป
‘คงจะดีไม่น้อยหากได้หยิงเอ๋อมาเป็นสะใภ้ นางทั้งน่ารักอ่อนโยน แต่ก็มีหลิงอยู่แล้วทั้งคน หากให้เทียนเอ๋อแต่งกับเสวียอิ๋งอีก เทียนเอ๋อก็ต้องมีฮูหยินหลายคนสินะ..’
แม้ในโลกนี้การมีภรรยาหลายคนจะเป็นเรื่องปกติ และชายชาตรีที่แข็งแกร่งก็มักทำเช่นนั้น จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซุยก็มีพระสนมมากมาย แต่หลงเทียนนั้นแตกต่างกัน เวลานี้เขาไม่เพียงอ่อนแอ แต่สติปัญญายังเชื่องช้าอีกด้วย หากมีภรรยาหลายคน คงยากลำบากที่จะจัดการ ชีวิตของพวกเขาทั้งสามคงจะตึงเครียดไร้ความสุข
ซือหม่าจวี้อี๋เห็นว่า หลงเทียนควรจะต้องมีภรรยาเพียงคนเดียว เว้นเสียแต่ว่าจะเกิดปาฏิหารย์ขึ้นทำให้เขากลับสู่สภาพปกติได้เท่านั้น เมื่อนั้นนางเองก็จะมีความสุขยิ่งนักเมื่อได้เห็นหลงเทียนมีสะใภ้ให้นางหลายคน
“เหตุใดข้าจึงคิดเรื่องอะไรเช่นนี้? วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล คิดกังวลไปในตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าหลงเสวียอิ๋งอาจจะตกปากรับคำแต่งงานกับเทียนเอ๋อของข้าก็เป็นได้” ซือหม่าจวี้อี๋รำพึงรำพันออกมาขณะที่พาหลงเทียนกลับไปที่ห้องของตนเอง
หลงเฉินได้ยินมารดาของตนรำพึงรำพันออกมาเช่นนั้น ก็ได้แต่คิดว่าเขาจะร้องไห้หรือหัวเราะดี แต่เวลานี้อยู่ด้านนอกเขาจึงต้องทำสีหน้าแน่นิ่งไร้ความรู้สึกเหมือนเช่นเคย
หลังจากที่ส่งหลงเทียนกลับห้องแล้ว ซือหม่าจวี้อี๋ก็กลับไปที่ห้องของตนเอง และปล่อยหลงเทียนไว้ตามลำพัง
หลงเฉินนั่งอยู่บนเตียง และกำลังครุ่นคิดบางอย่างเกี่ยวกับตนเอง