เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 103
ตอนที่ 103 อำลา
“แต่ประเดี๋ยวก่อนซุน.. ในเมื่อร่างจริงของข้าอยู่ที่บ้าน แล้วเหตุใดวิญญาณของข้าจึงสามารถสื่อสารกับผู้คนในโลกจริงนี้ได้?” หลงเฉินยิ่งรู้สึกงุนงงสงสัยเข้าไปใหญ่
“ร่างที่เจ้าใช้อยู่เวลานี้หาใช่ดวงวิญญาณไม่ แต่มันคือร่างที่คล้ายๆกับการโคลนนิ่ง ซึ่งเจดีย์สืบสายเลือดสร้างขึ้นเพื่อการทดสอบในครั้งนี้ เมื่อใดที่เจ้าออกจากโลกใบนี้ไป มันก็จะอันตธานหายไปทันที..” นางตอบไปตามความจริง
“นี่เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกัน?!! เหตุใดโลหิตเพียงแค่หยดเดียวกลับสามารถสร้างสรรสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้? การโคลนนิ่ง การทดสอบ โลกใหม่??” หลงเฉินร้องอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกตะลึง
“โลกนี้ซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดมากนักเจ้าหนู! และท่านอาจารย์ของข้าคือผู้ที่อยู่เหนือเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้..” ซุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“เฮ้อ.. สิ่งที่เจ้าพูดมาทั้งหมด ข้ากลับมิได้รู้สึกว่าได้รับคำตอบเลยแม้แต่น้อย..” หลงเฉินถอนหายใจ เขาหยุดพูดและหงายหลังนอนลงกับพื้น
“เหตุใดสองวันนี้จึงได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากถึงเพียงนี้นะ..” หลงเฉินรำพึงรำพันพร้อมกับสายตาจับจ้องอยู่ที่หลังคาของอาราม
“เหตุใดเจ้าจึงไม่กลับไปนอนพักผ่อนบนเตียงภายในพระราชวังเล่า?” ซุนเอ่ยถาม
“นอนพักที่นี่ก็พอแล้ว อีกไม่นานข้าก็ต้องจากโลกใบนี้ไปแล้ว” หลงเฉินเอ่ยตอบ
“ว่าแต่.. ข้ายังอยู่ที่นี่ต่อได้อีกนานเพียงใด ร่างของข้าจึงจักหายไปจากโลกใบนี้?” หลงเฉินหันไปมองซุนพร้อมกับเอ่ยถาม
“อีกครึ่งชั่วยาม..” นางจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยตอบ
“ห๊ะ.. มีเวลาเหลือมิมากนัก ข้าคงต้องรีบไปพบเท็นช่ากับคนอื่นๆเป็นครั้งสุดท้ายจะดีกว่า จะได้มีเวลากล่าวคำอำลาพวกเขาก่อนจากได้” หลงเฉินพึมพำพร้อมกับลุกขึ้นยืนทันที
“ความสามารถของลูกแก้วกฏแห่งห้วงมิติช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าสามารถเดินทางภายในระยะทางหนึ่งร้อยกิโลเมตรผ่านหวงมิติได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง แต่น่าเสียดายที่มีข้อจำกัดอยู่มากมาย” หลงเฉินบ่นพึมพำ
“ข้อจำกัดอะไรอีกงั้นรึ? เจ้าเพิ่งจะบอกข้าว่าข้อจำกัดมีเพียงแค่สองอย่าง.. คือสามารถเดินทางได้ในระยะหนึ่งร้อยกิโลเมตร และใช้ได้เพียงแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ยังมีข้อจำกัดอื่นใดอีกงั้นรึ?” ซุนเอ่ยถามด้วยความงุนงง
“ยังมีข้อจำกัดอื่นๆอีก สถานที่ที่เจ้าจักเดินทางไปด้วยห้วงมิตินี้ จักต้องเป็นสถานที่ที่เจ้าเคยไปมาก่อนแล้วเท่านั้น ยังมีอีกหนึ่งข้อ.. แม้จักมิสามารถเรียกว่าข้อจำกัดได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่กระทบกับข้ามากเลยทีเดียว เจ้ามิอาจรู้ได้ว่าสถานที่ที่ห้วงมิติแยกจักพาเจ้าไปนั้นจะตำแหน่งใดกันแน่ แม้ว่าจักเป็นตำแหน่งใกล้เคียงกับสถานที่ที่เจ้าต้องการจะเดินทางไปก็ตาม แต่ก็มิสามารถกำหนดจุดตำแหน่งที่แน่นอนได้ การเดินทางโดยห้วงมิตินี้สามารถนำเจ้าไปโผล่ในตำแหน่งที่แม้แต่เจ้าเองก็มิเคยไปมาก่อนเช่นกัน” หลงเฉินอธิบายให้ซุนฟัง
“เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ข้าเดินทางมาเผ่าแบนชี ข้าต้องการไปปรากฏตัวภายในเผ่า แต่ห้วงมิติกลับพาข้ามาโผล่นอกเผ่า และอยู่เหนือสนามรบพอดิบพอดี เรียกได้ว่าข้าสามารถเดินทางไปยังสถานที่ึ่ต้องการได้ แต่กลับมิสามารถกำหนดตำแหน่งที่ต้องการได้! นี่นับเป็นเรื่องที่แย่มากมิใช่รึ?” หลงเฉินอธิบายให้ซุนฟังพร้อมกับเอ่ยถาม
“ค่อนข้างแย่จริงๆด้วย.. ” ซุนเอ่ยตอบ
“แต่ถึงอย่างไรการเดินทางผ่านห้วงมิติก็นับเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก แม้จักมีข้อจำกัดอยู่บ้างก็ตาม..” ซุนกล่าวต่อด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง.. นั่นนับเป็นความสามารถที่เยี่ยมยอดยิ่งนัก! เอาล่ะ.. ข้าควรต้องไปจากที่นี่เสียที” หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับเหลือบมองซุน
“หายตัว!”
หลงเฉินพึมพำพร้อมกับโบกไม้โบกมืออยู่บนห้วงอากาศที่ว่างเปล่า รอยแยกค่อยๆปรากฏขึ้นและขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ หลงเฉินแทรกตัวเข้าไปด้านใน จากนั้นรอยแยกนี้ก็หายวับไป
รอยแยกภายในห้วงอากาศไปปรากฏที่เผ่าเอลเฟียแทน แล้วร่างของหลงเฉินก็ค่อยๆ มุดออกมาจากรอยแยกนั้น แต่ดวงตาของเขาก็ถึงกับโบกโพลงเมื่อมองเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
‘โอ้.. ฉิบ.. หายแล้ว’ หลงเฉินได้แต่สบถอยู่ในใจ
หลงเฉินพบว่าตนเองได้ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องห้องหนึ่ง และตรงหน้าเขาก็มีหญิงสาวกำลังยืนหันหลังให้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกอกตกใจนั้นก็คือ หญิงสาวตรงหน้ากำลังยืนเปลือยกายล่อนจ้อน หลงเฉินมองเห็นเรือนร่างงดงามนั้นเต็มสองตา แต่เขากลับมิมีเวลาคิดถึงเรื่องอื่นใดนอกจากปัญหาที่กำลังจะตามมา เพราะหญิงสาวเองก็ยืนหันหน้าเข้าหาประตูห้อง เขาจึงมิสามารถหลบหนีออกไปทางประตูได้ และไม่สามารถใช้การเดินทางผ่านห้วงมิติได้อีกครั้ง
หัวใจของหลงเฉินเริ่มเต้นแรงเมื่อเห็นร่างกายเปลือยเปล่าที่เปียกชื้นของหญิงสาว และเดาว่านางคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ สีหน้าของหลงเฉินกระอักกระอ่วนยิ่งเมื่อคิดอะไรบางอย่าง เขารู้ดีว่าชื่อเสียงที่สั่งสมมาทั้งหมดของตนคงต้องถูกทำลายลงสิ้นภายในวันนี้เป็นแน่ อีกทั้งผ้าเช็ดตัวก็แขวนอยู่ใกล้ๆกับร่างของเขาที่ยืนอยู่ หลงเฉินเดาว่าประเดี๋ยวหญิงสาวคงต้องหันมาหยิบผ้าเช็ดตัวเป็นแน่ และเวลานั้นเกียรติยศของเขาคงต้องเปื้อนมลทินอย่างแน่นอน
แล้วแล้วสิ่งที่หลงเฉินหวาดกลัวก็กลายเป็นจริง หญิงสาวหันมาพร้อมกับยื่นมือไปหยิบผ้าเช็ดตัว แต่แล้วดวงตาทั้งสองของนางก็งสงเบิกกว้างด้วยความตกใจ และรีบยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าอกทั้งสองขนตนเองไว้ ส่วนอีกข้างปิดพื้นที่สงวนเบื้องล่าง
ระหว่างที่นางกำลังจะกรีดร้องออกมานั้น หลงเฉินก็ได้พุ่งตัวเข้าประชิดพร้อมกับเอื้อมมือออกไปปิดปากของนางไว้ทันที
“เอิ่ม.. อืมมมม”
นางเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่าเป็นผู้ใด แต่เพราะถูกมือใหญ่ของตนปิดปากไว้ หลงเฉินจึงมิรู้ว่านางต้องการกล่าวอันใดแน่…
“ ม … อื้มมมมม?” เธอพูดอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร แต่เนื่องจากปากของเธอถูกปิดด้วยมือของเขาจึงไม่มีอะไรชัดเจนสำหรับหลงเฉิน
“แม่นางเซี่ย.. ข้า.. อภัยที่ข้าปรากฏตัวขึ้นในห้องน้ำของเจ้าเช่นนี้ อย่าเพิ่งร้องเอะอะโวยวายไป ข้าเพียงแค่ทดสอบความสามารถบางอย่างอยู่เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจักบังเอิญมาโผล่ที่นี่”
หลงเฉินกระซิบข้างหูของนางเบาๆ แต่เซี่ยกลับรู้สึกว่าหัวใจของตนนั้นเต้นเร็วเมื่อหลงเฉินเข้ามาใกล้ ใบหน้าของนางแดงก่ำ และเริ่มหายใจถี่เร็ว
เซี่ยผงกศรีษะ หลงเฉินจึงค่อยๆ ดึงมือของตนออกจากริมฝีปากแดงระเรื่องของนาง
“ท่านปรมาจารย์เฉิน.. ข้าเชื่อท่าน! ข้ารู้ว่าท่านคงมิได้ตั้งใจ..” เซี่ยเอ่ยตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ดวงตาของเจ้า.. นี่เจ้าร้องไห้รึ?”
หลงเฉินเห็นดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างของเซี่ย จึงอดที่จะเอ่ยถามออกไปมิได้ นางได้แต่พยักหน้าแทนการตอบรับ
“อภัยให้ข้าด้วย.. ข้าไปถึงช้าเกินไป จึงมิอาจช่วยบิดาของเจ้าไว้ได้ทัน!” หลงเฉินเอ่ยเสียงเบา
“ไม่จำเป็นที่ท่านจักต้องขอโทษข้า แล้วอสูรกายที่มันสังหารพ่อของข้าเล่า..?” เซี่ยเอ่ยถาม
“ข้าสังหารมันตายอย่างโหดเหี้ยม และอสูรกายทุกตนที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้ ก็ได้ถูกข้าสังหารตายจนสิ้น..” หลงเฉินจ้องลึกลงไปในดวงตาของเซี่ยพร้อมกับเอ่ยตอบ
“ขอบคุณท่านยิ่งนัก!” เซี่ยเอ่ยขอบคุณพร้อมกับโผเข้ากอดหลงเฉิน
“เอ่อ.. เจ้าควรต้องสวมใส่เสื้อผ้าเสียก่อน!” หลงเฉินพึมพำพร้อมกับเบนสายตาไปที่ประตูห้องน้ำแทน
หลังจากที่หลงเฉินเอ่ยเตือน เซี่ยก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองนั้นมิได้สวมใส่อาภรณ์ใดๆเลย นางจึงรีบผลักร่างของหลงเฉินออก และรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อหุ้มร่างเปลือยเปล่าเย้ายวนของตนไว้
ส่วนหลงเฉินก็รีบเปิดประตู้ห้องน้ำ และเดินออกไปทันทีโดยมิเหลียวหลังกลับมามองแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็ไปนั่งที่เก้าอี้ในห้องรอให้เซี่ยออกมา
“ข้ามาที่นี่เพื่ออำลาเจ้า ข้าจักต้องจากที่นี่ไปแล้ว และมิรู้ว่าเมื่อใดจึงจะได้กลับมาพบเจ้าที่นี่อีก ข้าอยากจะขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำให้ข้า” หลงเฉินเอ่ยขึ้นทันทีที่เซี่ยก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ..
“เอ่อ.. ข้าเองก็ต้องขอบคุณท่านที่มาที่นี่ และช่วยพวกเราไว้อีกครั้ง มนุษย์เสมือนเทพผู้ทพิทักษ์โลกใบนี้ เช่นเดียวกับท่านปรมาจารย์เทียนเฉินที่ช่วยโลกนี้ไว้เมื่อคราก่อน ส่วนครั้งนี้ท่านก็ช่วยโลกใบนี้ไว้อีก พวกเราต่างหากที่จักต้องสมควรขอบคุณท่าน..”
เซี่ยเอ่ยตอบ และพยายามปกปิดความรู้สึกจริงๆของตนเองไว้..