เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 105
ตอนที่ 105 เลือกไม่ถูก
“ฝ่าเท้าอสูร – วรยุทธต่อสู้ที่จักช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวของมนุษย์ทั่วไปให้เทียบเท่ากับสัตว์ป่า และจักยิ่งมีประสิทธิผลอันน่าอัศจรรย์เมื่อผู้มีวรยุทธบ่มเพาะได้ฝึกฝน”
ปากของหลงเฉินขมุบขมิบในระหว่างที่อ่านรายละเอียดที่บันทึกไว้ในหน้าแรกของคัมภีร์วรยุทธ์แต่ละเล่ม แต่หลงเฉินก็ไม่เสียเวลาครุ่นคิดนานนัก เขาหยิบคัมภีร์เล่มต่อไปขึ้นมา
“ก้าวกระพริบ – คือวิชาเคลื่อนไหวที่จักทำให้คนผู้นั้นสามารถเปลี่ยนตำแหน่งในระยะหนึ่งเมตรได้ภายในชั่วพริบตา วิชานี้มิได้มีประโยชน์หากต้องการเคลื่อนที่ไปเป็นระยะทางไกล แต่จักเป็นประโยชน์ยิ่งนัก หากตกอยู่ในอันตรายระหว่างความเป็นความตาย..”
หลงเฉินหยิบคัมภีร์วรยุทธต่อสู้ทุกเล่มที่อยู่บนชั้นวางตำราขึ้นมาอ่าน และพบว่าคัมภีร์ทุกเล่มล้วนเกี่ยวกับวรยุทธเคลื่อนไหวทั้งสิ้น
“ข้าเองก็ขาดแคลนวรยุทธเคลื่อนไหวเช่นกัน มีเพียงวิชาก้าวพริบตาซึ่งนับเป็นวรยุทธเคลื่อนไหวระดับต่ำ ครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดียิ่งนัก แต่วรยุทธเคลื่อนไหวภายบนชั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นวรยุทธที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง และยากที่จะตัดสินใจเลือกได้ บางวิชาหลากหลาย บางวิชามีประสิทธิภาพเฉพาะด้าน แต่ละวิชาล้วนมีจุดเด่นของตนเอง มีอยู่สองสามวิชาที่อยู่ในใจข้า”
“ราชันย์ปฐพี! แม้จักคล้ายกับวิชาก้าวพริบตา แต่หากต้องเลือก ข้าก็คงจะเลือกวิชาราชันย์ปฐพี” หลงเฉินพึมพำพร้อมกับเหลือบมองไปยังคัมภีร์ยุทธเล่มนั้น
“เจ้าตัดสินใจเลือกคัมภีร์เล่มนี้งั้นรึ?” ซุนที่ยืนอยู่ด้านหลังเอ่ยถามขึ้น
“ใช่แล้ว! วรยุทธเคลื่อนไหวนี้น่าจักเป็นประโยชน์กับข้ามากที่สุด แม้ว่าจะมิสามารถเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวได้เท่ากับวรยุทธอื่นๆ แต่มันเป็นเพียงวิชาเดียวที่จะสามารถพัฒนาให้แข็งแกร่งไปพร้อมๆกับข้าได้ วรยุทธเคลื่อนไหวนี้ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง และเพิ่มความเร็วให้กับร่างกายได้ถึงยี่สิบส่วนในคราเดียว อีกทั้งความเร็วในการเคลื่อนไหวจักเพิ่มขึ้นเมื่อพลังบ่มเพาะในกายเพิ่มสูงขึ้น ความเร็วที่ตายตัวมิอาจพัฒนาได้เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ หากเปรียบเทียบกับวรยุทธเคลื่อนไหวอื่นๆแล้ว วิชาราชันย์ปฐพีจึงนับเป็นวิชาเดียวที่สามารถพัฒนาได้เมื่อขั้นพลังบ่มเพาะสูงขึ้น”
หลงเฉินอธิบายให้ซุนฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม..
“ที่เจ้าเลือกวรยุทธเคลื่อนที่นี้เพราะมองถึงระยะยาวหรอกรึ?! ข้าว่าเจ้าคิดมากเกินไปหรือไม่? ในวันข้างหน้าเจ้าจักได้รับวรยุทธต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้อีก” ซุนหัวเราะคิกคักพร้อมกับเอ่ยบอกหลงเฉิน
“ข้าย่อมต้องมองระยะยาวไว้ก่อนอยู่แล้ว ข้ามิยอมฝากทุกสิ่งไว้กับความหวังในวันข้างหน้าเป็นแน่ อีกอย่าง.. คัมภีร์วรยุทธต่อสู้ในเจดีย์สืบสายโลหิตแห่งนี้ ก็มิได้มีเพียงแค่วรยุทธเคลื่อนที่ในชั้นนี้เท่านั้น ยังมีทางฝั่งโน้นอีก.. ข้าต้องเลือกให้ดีว่าวิชาใดจึงจะเหมาะกับข้า..” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องมองซุน
ระหว่างพูด.. หลงเฉินก็ได้เดินไปที่ชั้นตำราทางซ้ายมือ เขาหยิบคัมภีร์ขึ้นมาอ่านทีละเล่ม และวางลงหลังจากอ่านคำบรรยายในหน้าแรกจบแล้ว
“กายาเหล็ก – วิชาบ่มเพาะกายาที่จะทำให้ร่างกายของผู้ฝึกแข็งแกร่งดั่งโลหะ หากสำเร็จในขั้นแรก อาวุธในระดับมนุษย์ใดก็มิอาจแทงทะลุผิวกายได้ และเมื่อสำเร็จถึงขั้นที่สาม ผิวหนังจักสามารถต้านทานอาวุธระดับวิญญาณได้..” หลงเฉินพึมพำ
“กายางูเทวะ – วิชาบ่มเพาะกายานี้ช่วยเสริมสร้างความยืนหยุ่นให้แก่ร่างกาย โดยทำให้กระดูกภายในร่างอ่อนนุ่ม ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันตัวเองด้วย ผู้ฝึกฝนวิชานี้จักสามารถหลบหลีกการจู่โจมของคู่ต้องสู้ได้ด้วยร่างกายที่ยืดหยุ่นนี้!” หลงเฉินอ่านรายละเอียดของวิชานี้ที่บันทึกไว้ในหน้าแรก
“กายามังกร – ผู้ที่ฝึกวิชาบ่มเพาะกายานี้ จักมีผิวหนังและกระดูกที่แข็งแกร่งดั่่งมังกร แต่ดูเหมือนนี่จะมีประโยชน์อันใดมิมากนัก” หลงเฉินพึมพำออกมาพร้อมกับวางลงที่เดิม
เขาอ่านรายละเอียดในหน้าแรกของคัมภีร์วรยุทธทุกเล่มบนชั้นวางจนหมด และเหลืออีกหนึ่งเล่มสุดท้ายที่หน้าปกเขียนไว้ว่า..
“กายาราชันย์ปีศาจ – ชื่อตำรานี้ช่างสง่างามยิ่งนัก” หลงเฉินพึมพำพร้อมกับหยิบคัมภีร์ขึ้นมาอ่านรายละเอียดทันที
“กายาราชันย์ปีศาจ – ปีศาจผนึกรวมเข้าด้วยกัน ซ่อนความแข็งแกร่ง ซ่อนความอ่อนแอ หลังจากที่ฝึกคัมภีร์กายาราชันย์ปีศาจจนถึงขั้นสูงสุด ความแข็งแกร่งแห่งราชันย์ปีศาจจักไหลรวมอยู่ทั่วร่าง เพียงแค่เอ่ยนามของเจ้า ผู้คนก็จักหวาดกลัวจนตัวสั่น ทุกขั้นของการฝึกเทียบได้กับการฝึกวรยุทธบ่มเพาะชี่ วิชานี้เหมาะกับผู้ฝึกวรยุทธที่มีความอดทนสูง มีจิตใจที่สงบ และแข็งแกร่ง” หลงเฉินอ่านรายละเอียดของวิชานี้
“คำบรรยายช่างทรงพลังดั่งชื่อคัมภีร์ยิ่ง!! ซุน.. เจ้าเคยได้ยินชื่อรวรยุทธต่อสู้นี้หรือไม่?” หลงเฉินหันไปถามซูที่อยู่ด้านหลัง
“ข้าเคยได้ยินมาเพียงหนึ่งครั้ง วิชานี้เป็นคัมภีร์บ่มเพาะกายาที่ทรงพลังยิ่ง แต่ข้อเสียก็มีไม่น้อยทีเดียว..” ซุนอธิบายยิ้มๆ
“ข้อเสียอันใดรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองซุน
“เจ้ามิสะดุดกับประโยคสุดท้ายในคำบรรยายรึ? –วิชานี้เหมาะกับผู้ฝึกวรยุทธที่มีความอดทนสูง มีจิตใจที่สงบ และแข็งแกร่ง– เจ้ามิแปลกใจรึว่าเหตุใดจึงต้องระบุไว้เช่นนั้น?” ซุนเอ่ยถามด้วยสีหน้าสนอกสนใจ
“ไม่มีอะไรน่าแปลก.. อาจเป็นเพราะว่าวิชานี้ฝึกสำเร็จได้ยากในเวลาอันสั้น ฉะนั้นผู้ที่มีความอดทนสูง จึงจะสามารถฝึกฝนได้สำเร็จ!” หลงเฉินเอ่ยตอบ
“หาใช่เช่นนั้นไม่.. แม้ว่าจะเป็นความจริงที่วิชานี้เป็นวรยุทธต่อสู้ที่ฝึกฝนได้ยากยิ่งในบรรดาวรยุทธบ่มเพาะกายาทั้งหมด แต่นั่นหาใช่เหตุผลของคำเตือนนี้ไม่ มันยังมีบางอย่างซ่อนอยู่ในข้อเสียที่ข้ากำลังจะบอกกับเจ้า” ซุนตอบหลงเฉิน
“นี่.. เจ้าช่วยบอกข้ามาเลย โดยมิต้องทำให้สงสัยใคร่รู้จะได้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
“ตกลงๆ ข้าจะบอกกับเจ้าเดี๋ยวนี้ ความจริงก็คือวรยุทธต่อสู้นี้ ต่อให้ผู้ฝึกวิชานี้มิได้มีจิตใจสงบนิ่ง หรือมีความอดทนย่อมสามารถฝึกฝนได้เช่นกัน มิว่าจะเป็นผู้ที่มีจิตใจสงนิ่งหรือมีนิสัยใจคอเกรี้ยวกราด ก็ฝึกวิชานี้ได้ค่อนข้างยากพอๆกัน แต่คำเตือนที่เขียนนั้น หมายถึงหลังจากฝึกฝนวิชานี้สำเร็จต่างหากเล่า..” ซุนอธิบายพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
“นั่นเพราะผู้ที่ฝึกวิชานี้สำเร็จ จักกลายเป็นผู้ที่มิอาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เมื่อโมโหขึ้นมา ก็จักสามารถสังหารผู้คนได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่คนผู้นั้นจักมีจิตใจที่หนักแน่นเท่านั้น จึงจักสามารถควบคุมตนเองได้ ยิ่งฝึกวิชานี้สูงขึ้นไปมากเท่าใด คนผู้นั้นก็จักยิ่งควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนได้ยากขึ้น และหากมิสามารถควบคุมอารมณ์โกรธได้ ก็จักกลายเป็นปีศาจที่ทำทุกสิ่งตามใจตนเอง” ซุนอธิบายเพิ่มเติม
“โอ้ว.. นี่มัน..” หลงเฉินถึงกับร้องอุทานออกมา และไม่สามารถหาคำใดมาอธิบายได้
“แต่นอกเหนือจากข้อเสียเหล่านั้น ก็มีข้อดีมากมายเช่นกัน.. กายเนื้อของเจ้าจักแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถต่อสู้ได้โดยมิต้องอาศัยการบ่มเพาะพลัง กายของเจ้าจักเสมือนเกราะที่แข็งแกร่ง..” ซุนกล่าวต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แม้จักเป็นวรยุทธต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม แต่ผลเสียของมันก็ทำให้ข้าอดที่จะกังวลใจมิได้ ข้าเองก็มิรู้ว่าควรจักเลือกวรยุทธต่อสู้นี้ดีหรือไม่? ขอข้าดูชั้นสุดท้ายเสียก่อน” หลงเฉินหันกลับไปบอกซุน
“สรุปแล้ว.. ข้าสามารถเลือกคัมภีร์ได้ทั้งหมดกี่เล่มกันแน่?!” หลงเฉินเอ่ยถาม