เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 112
ตอนที่ 112 การคัดเลือก
“เอาล่ะ…เจ้าเล่าต่อได้แล้ว!” หลงเฉินหันไปมองเมียพร้อมกับเอ่ยบอก
“ หลังจากที่องค์ชายใหญ่ประกาศสละตําแหน่งองค์รัชทายาท ก็ได้เกิดการแก่งแย่งขึ้นระหว่างองค์ชายคนอื่นๆ ต่างคนต่างก็พยายามทําให้ตนเองได้มีสิทธิ์ในการสืบทอดตําแหน่งองค์รัชทายาทแทน!” เม่ยเล่าให้หลงเฉินฟังต่อ
“แต่คู่แข่งขันที่ดุเดือดที่สุดดูเหมือนจะเป็นองค์ชายสอง เย่วหยวน และองค์ชายสาม เย่วซุน ส่วนองค์ชายสี่ เย่วเว่ยนั้นเพิ่งจะอายุครบสิบห้าขันษาเท่านั้น!”
“องค์ชายสองได้รับการสนับสนุนจากเหล่าเชื้อพระวงศ์กว่าครึ่ง ในขณะที่องค์ชายสามเองก็ได้รับการสนับสนุนจากเชื้อพระวงศ์อีกครั้งที่เหลือเช่นกัน และถึงแม้องค์ชายสีเพิ่งจะอายุครบสิบห้าชันษา แต่เพราะท่านแม่ของพระองค์ ทําให้องค์ชายสี่มีโอกาสมากไม่น้อยเช่นกัน”
“ข้าได้ยินมาว่ามเหสีหยินซึ่งเป็นท่นแม่ขององค์ชายสี่นั้น มาจากตระกูลกู่ที่สูงส่ง และตระกูลกู่ก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดินี้นอกเหนือจากตระกูลหลงและตระกูลฉินด้วย ฉะนั้นโอกาสที่องค์ชายสี่จะได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแทนก็ย่อมมีสูงด้วยเช่นกัน!” หลงเฉินพิมพ์ในระหว่างที่ครุ่นคิดถึงสถานการณ์ภายในวังครั้งนี้
“ว่าแต่ท่าที่ของตระกูลหลงกับตระกูลฉินที่มีต่อเรื่องนี้เล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามเม่ยต่อทันที
“แน่นอนว่าตระกูลย่อมต้องสนับสนุนองค์ชายสี่ แต่อีกสองตระกูลยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดินี้ ยังคงนิ่งเฉยมิมีท่าที่ใดๆ ข้าว่าทั้งสองตระกูลอาจรอดูท่าที่หรือเส้นทางน้ําก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจก็เป็นได้” เม่ยเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
“ส่วนตัวข้าค่อนข้างมั่นใจว่าตระกูลหลง และตระกูลลิ้นจักต้องเลือกที่จะสนับสนุนองค์ชายสอง หรือไม่กี่องค์ชายสาม ทั้งสองตระกูลคงมิยอมสนับสนุนองค์ชายสี่เป็นแน่ เพราะนั่นหาได้นำประโยชน์ใดๆมาสู่ทั้งสองตระกูลไม่ แม้ว่าข้าจักมีค่อยสนใจการเมืองภายในราชสํานักมากนัก แต่เหตุการณ์ครั้งนี้น่าสนใจที่จะติดตามไม่น้อยที่เดียวว่าจะลงเอยเช่นใด?” หลงเฉินพิมพ์ออกมาในระหว่างที่ใคร่ครวญ
“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ยังมีเรื่องสําคัญอีกเรื่อง.. เพิ่งจะมีข่าวลือแพร่สะพรัดไปทั่วเมืองมังกรไม่นานมานี้” ซวี่เป็นฝ่ายตอบหลังจากที่เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
“ข่าวคราวอันใดงั้นรึ?!” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“เป็นข่าวคราวเกี่ยวกับการคัดเลือกศิษย์จากสํานักต่างๆ” ซวี่กระซิบเสียงเบา
“มีอะไรงั้นรึ?” หลงเฉินถึงกับเอ่ยถามตัวยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“เล่ามาให้ข้าฟังอย่างละเอียด!” หลงเฉินจ้องมองขวพร้อมกับกําชับอีกครั้ง
“เมื่อเจ็ดวันก่อนหน้านี้ ได้มีข่าวคราวแพร่สะพรัตออกไปทั่วทั้งเมืองหลวงว่ากันว่าสํา นักต่างๆในจักรวรรดิเฉวียนจะเปิดคัดเลือกศิษย์เข้าสํานักขึ้นพร้อมกัน ผู้ที่มีศักยภาพโดดเด่น จักได้รับการเชื้อเชิญจากหนึ่งสํานัก หรืออาจมากกว่านั้นให้เข้าร่วม พวกเขาสามารถเลือกตัดสินใจได้ ว่าจะเข้าร่วมกับสํานักใดเหมือนเช่นครั้งที่ผ่านๆมา ผู้ฝึกยุทธจากจักรวรรดิอันดับสองและสาม ก็สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้ได้เช่นกัน” ซวี่เอ่ยตอบในขณะที่จ้องมองหลงเนิน
“จริงรี! นับเป็นข่าวที่น่าตกใจไม่น้อยทีเดียว! ข้าเองก็เคยได้ยินมาว่าจักรวรรดิอันดับหนึ่งจักทําการคัดเลือกศิษย์ใหม่ทุกๆสามปี แม้ว่าครั้งนี้จักเป็นครั้งแรกที่สํานักต่างๆเปิดคัดเลือกร่วมกัน เช่นนี้ แต่ก็คงจะต้องโกลาหลวุ่นวายไม่น้อยที่เดียว”
หลงเฉินพิมพ์ออกมา แต่เขาเองก็ค่อนข้างงุนงงว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เหตุใดปีนี้ข่าวคราวจึงได้แพร่สะพรัตออกไปทั่วเมืองเช่นนี้
หลงเฉินรู้ว่า ในโลกใบนี้ จักรวรรดิ์ต่างๆจะถูกแบ่งออกเป็นสามระดับ จักรวรรดิอันดับหนึ่งจักรวรรดิอันดับสอง และจักรวรรดิอันดับสาม
จากความรู้ที่หลงเฉินได้อ่านมาจากบันทึกนั้น จักรวรรดิที่จัดอยู่ในจักรวรรดิอันดับสามนั้น ก็คือจักรวรรดิที่มิมีผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะอยู่ในอาณาจักรจุติพิภพเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนจักรวรรดอันดับสองนั้น จักต้องมีผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะที่เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพแล้วอย่างน้อยหนึ่งคน และจักรวรรดิอันดับหนึ่งนั้น นับเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุด นั่นเพราะจักต้องมีผู้ ฝึกวรยุทธบ่มเพาะที่เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพมากกว่าสิบคนขึ้นไป และมีสํานักต่างๆก่อตั้งขึ้นในดินแดนของจักรวรรดิอย่างมากมาย
จักรวรรดิซุยนับเป็นจักรวรรดิอันดับสอง เนื่องจากท่านปู่ของหลงเฉิน เป็นผู้ฝึกยุทธเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพได้แล้ว
“แต่ครั้งนี้ที่ข่าวลือแพร่สะพรัดไปเป็นวงกว้าง หาใช่เพราะการคัดเลือกศิษย์เข้าสํานักต่างๆ แต่เป็นเพราะข่าวคราวอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างหากเล่า…” เม่ยหันไปมองพี่สาวพร้อมกับเอ่ยแทรกขึ้นมาก
“ข่าวอะไรงั้นรึ?!” หลงเฉินหันไปถามเมีย
“มีข่าวลือว่าครั้งนี้บุตรสาวของผู้ฝึกวรยุทธที่เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพในจักรวรรดิเฉวียนผู้หนึ่ง ซึ่งได้ถูกคัดเลือกให้เข้าไปเป็นศิษย์ของสํานักสูงสุดในจักรวรรดินั้นเมื่อหลายปีก่อน ในฐานะที่บิดาของนางเป็นหนึ่งในอาวุโสของสํานักหนึ่งในจักรวรรดิเฉวียน นางจึงได้รับการเชื้อเชิญให้มาดูการคัดเลือก และให้มาพบกับครอบครัวของนางด้วย ข้าเองก็มิรู้ว่าข่าวลือนี้แพร่สะพรัดออกไปได้อย่างไร แต่ได้ยินมาว่านางจะเป็นผู้ที่เข้ามาดูการคัดเลือกครั้งนี้พร้อมกับพี่สาวของนาง ซี่งมาจากสํานักสูงสุดตัวย” เม่ยอธิบาย
“สํานักสูงสุด…ผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะอาณาจักรปราณนภา” หลงเฉินพิมพ์ออกมาในระหว่างที่กําลังครุ่นคิด
“น่าสนใจ…ที่ผู้คนพากันตื่นเต้นก็เพราะว่า หากฝีมือของพวกเขาโดดเด่น และดึงดูดความสนใจของหญิงสาวทั้งสองได้มากพอ พวกเขาก็จะมีโอกาสได้เข้าเป็นศิษย์สํานักของพวกนางด้วยนั่นเอง” หลงเฉินพึมพําออกมา
“ใช่แล้ว! เหล่าอัจฉริยะจากตระกูลต่างๆ ล้วนพากันฝึกฝนวรยุทธบ่มเพาะของตนเองอย่างหนัก เพื่อที่จะได้มีโอกาสถูกคัดเลือก” เม่ยเล่าต่อยิ้มๆ
“น่าสมเพช.. พวกเขาคิดว่าจะสามารถเข้าเป็นศิษย์สํานักสูงสุดได้ เพียงเพราะฝีมือเตะตาหญิงสาวทั้งสองงั้นรึ?” หลงเฉินทําเสียงขึ้นจมูกอย่างเย้ยหยัน
“นายน้อย…พวกนางหาใช่หญิงสาวธรรมดาไม่! ข้าได้ยินมาว่าทั้งตัวนางและพี่สาวของนางนั้นล้วนเป็นศิษย์ส่วนตัวของอาวุโสสูงสุดแห่งสํานักสูงสุดนี้?” ซวี่เอ่ยขัดหลงเฉินทันที
“งั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงตกใจ และคิ้วทั้งสองก็ขมวดเข้าหากัน
“หญิงสาวจากจักรวรรดิเฉวียน กลายเป็นศิษย์ส่วนตัวของใครบางคนที่อาจจะเข้าสู่อาณาจักรปราณนภาแล้วอย่างนั้นรี! เช่นนั้นแล้วพวกนางคงต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศไม่น้อยทีเดียว แม้ข้าจะนึกอัศจรรย์ใจว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร แต่นั่นก็หาใช่เรื่องที่เกี่ยวกับข้าไม่” หลงเฉินกล่าวยิ้มๆ
“นายน้อย ท่านไม่คิดที่เข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ด้วยหรอกร็ว” ซวี่เอ่ยถาม
“อีกสามเดือนกว่าที่การคัดเลือกจะเริ่มขึ้น การเดินทางไปร่วมก็กินเวลาราวสิบห้าวัน ข้ายังมีเวลามากพอที่จะใคร่ครวญเรื่องนี้ หากข้าอารมณ์ดีก็อาจจะไป ข้าคงต้องตรวจสอบดูก่อนว่าเกณฑ์ การคัดเลือกในปีนี้ จักเหมือนกับปีก่อนๆนี้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“นายน้อย…ผู้ที่จะเข้าคัดเลือกได้ต้องมีอายุน้อยกว่าสิบแปดปี และต้องเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นห้าได้แล้วเท่านั้น…” ซวี่เอ่ยตอบหลงเฉิน
“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามอีกครั้ง
“มะ…ไม่มีนายน้อย!” สาวใช้ทั้งสองหันไปมองหน้ากันพร้อมกับเอ่ยตอบตะกุกตะกัก
“งั้นรึ?! แต่ข้าได้ยินพวกเจ้าเอ่ยถึงหลิง…นางคือผู้ใดงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ เมื่อเห็นสีหน้าตกอกตกใจของสาวใช้ทั้งสอง
“นะ… นายน้อย ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?!” เม่ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก!
“เรื่องนั้นมิสําคัญ! เล่าเรื่องทั้งหมดให้ข้าฟังอย่างละเอียดเดี๋ยวนี้”
หลงเฉินจ้องมองสาวใช้ทั้งสองพร้อมกับสั่งด้วยน้ําเสียงดุดัน