เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 115
ตอนที่ 115 ขยะ
ด้านตะวันออกของเมืองมังกรมีจวนใหญ่แห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ รถม้าหรูหราประดับสัญลักษณ์มังกรเคลื่อนเข้าไปจอดหน้าจวนใหญ่นั้น
หนึ่งในทหารอารักขาประตูเห็นรถม้าของเหลงเหรินเข้ามาจอด จึงรีบเข้าไปรายงานใครบางคนด้านในทันที
“ฮ่าๆๆ เฒ่าเหริน วันนี้ลมอะไรหอบท่านมาถึงที่นี่ได้?”
ชายชราผู้มีผมและหนวดเคราขาวโพลน สวมอาภรณ์สีเขียวสง่างาม เดินออกมาด้วยท่าทางกระตือรือร้น ด้านหลังมีชายวัยกลางคนในวัยสามสิบปีผมสีดําขลับ เดินติดตามออกมาด้วย
“ฮ่าๆๆ ท่านยังคงทําอะไรรวดเร็วไม่เปลี่ยนเลย แก่เฒ่าขนาดนี้แล้ว ข้าเพิ่งจะมาถึงจวนของท่าน ท่านก็ออกมาถึงที่นี่ทันที!”
หลงเหรินหัวเราะเสียงดัง เขาก้าวเดินออกจากรถม้า และรีบเดินตรงเข้าไปหาชายชราชุดเขียวทันที
“คนเก่งกาจเช่นท่านมาหาข้าทั้งที ข้าจะมออกมาต้อนรับด้วยตัวเองได้อย่างไรกันเล่า? ฮ่าๆๆ” ชายชราเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะออกมา
“เฒ่าเหวิน.. ท่านกล่าวเกินไปแล้ว ความสามารถของพวกเราสองคนก็หาได้แตกต่างกันมากนัก” หลงเหงินตอบกลับยิ้มๆ
“ท่านกล่าวได้ถูกต้องนัก!! เวลานี้ข้าแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าก่อนนัก ข้าจักพิสูจน์ให้ท่านเห็นในการประลองคราวหน้า ครั้งล่าสุดท่านสามารถเอาชนะข้าได้ ทําให้ตนเองกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอันดับสองของจักรวรรดิรองจากฝ่าบาท แต่ครั้งหน้า ท่านไม่มีทางเอาชนะข้าได้เป็นแน่”
ชายชราในชุดสีเขียวสง่างามเอ่ยตอบหลงเหงินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และแววตามุ่งมั่น!
“แล้วพวกเราจะได้พิสูจน์กันอีกครั้งเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่วันนี้ที่ข้ามาพบท่าน หาใช่เพราะเรื่องนี้ไม่…” หลงเหรินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“มีเรื่องอันใดงั้นรึ?! เชิญท่านเข้าไปคุยด้านในจวนจะดีกว่า พวกเราสองคนจะได้ค่อยๆสนทนากันไปด้วย!”
ชายชราชุดเขียวเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความอยากรู้อยากเห็น
“เฒ่าเหวิน.. อภัยที่วันนี้ข้ามสามารถนั่งสนทนากับท่านได้ ข้ายังต้องไปอีกหลายแห่ง ที่ข้ามาพบท่านในวันนี้ก็เพื่อจะมาแจ้งข่าวคราวน่ายินดีให้ท่านทราบ หลงเทียนหลานชายของข้าได้ตื่นขึ้นมาแล้วหลังจากนอนหลับไหลไปนานถึงสามปี ข้าจึงต้องการจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้น ข้ามาพบท่านในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาเชิญท่าน และสมาชิกตระกูลฉินไปร่วมงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้” หลงเหรินเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ชายชราที่หลงเหรินกําลังสนทนาด้วยนั้นนามว่าฉินเหวิน เขาคือประมุขของตระกูลฉินซึ่งเป็นหนึ่งในสามตระกูลสูงสุดของจักรวรรดิซุย และตระกูลฉินก็ครอบครองดินแดนทาด้านตะวันออกทั้งหมด แม้ผู้นําทั้งสองตระกูลจะมีการโต้แย้งกันบ้างในบางเรื่อง แต่ก็ยังมิเคยมีเรื่องบาดหมางถึงขั้นแตกหักระหว่างตระกูลฉินและตระกูลหลง..
“โอ้.. หลงเทียนตื่นขึ้นแล้วรี? เฒ่าเหริน ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ในเมื่อท่านมาเชื้อเชิญพวกเราด้วยตัวเองเช่นนี้ พวกเราย่อมต้องไปร่วมงานเลี้ยงยินดีในครั้งนี้เป็นแน่!” ฉินเหวินตกปากรับคําด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“ขอบคุณท่านมากเฒ่าเหวิน ข้าต้องขอตัวก่อน ยังต้องไปดินแดนด้านตะวันตกอีก..” หลงเหรินเอ่ยตอบพร้อมกับเหลือบมองไปทางทิศตะวันตกของเมืองมังกร
“ท่านจักไปเชื้อเชิญตระกูลด้วยงั้นรึ? ข้าคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกท่านสองตระกูลจะมิสู้ดีนัก?” ฉินเหวินเอ่ยถามพร้อมกับทําสีหน้าครุ่นคิด
“เรื่องความขัดแย้งบาดหมางก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ข้าคงมิอาจเชื้อเชิญตระกูลอื่นๆ โดยมิเชื้อเชิญตระกูลกู่ได้ หาไม่แล้วเฒ่าเฉียนคงจะร้องเรียนฝ่าบาทเป็นเด็กๆ แล้วคนทั่วทั้งจักรวรรดิก็จะมองว่าข้าทําไม่ถูกเป็นแน่” หลงเหรินตอบยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆ เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง เจ้าควรต้องเชื้อเชิญพวกเขาด้วยเช่นกัน!” ฉินเหวินหัวเราะเสียงดังพร้อมกับร้องตอบหลงเหริน
“เอาล่ะ ข้าคงต้องไปจริงๆแล้ว พบกันที่จวนของข้าในวันพรุ่งนี้ อย่าไปช้าเหมือนที่เคยอีกล่ะ” หลงเหรินหัวเราะเสียงดังพร้อมกับเดินขึ้นรถม้าของตนไป
รถม้าของหลงเหรินขับออกจากจวนตระกูลฉิน และมุ่งหน้าไปยังดินแดนด้านตะวันตกของเมืองมังกร
“ท่านพ่อ!! พวกเราจะไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลหลงจริงๆรึ?” ชายวัยกลางคนที่นิ่งเงียบมาตลอดเป็นฝ่ายเอ่ยถามฉินเหวิน
“พวกเราต้องไป! ในเมื่อหลงเหรินมาเชื้อเชิญด้วยตัวเองเช่นนี้ หรือเจ้าคิดว่าข้าจะสามารถปฏิเสธได้งั้นรึ? อีกอย่าง.. ข้าต้องการไปดูหน้าอัจฉริยะที่เคยเปล่งประกาย แต่กลับดับสลายไปของเมืองมังกรด้วยตาตัวเอง น่าขัน ที่เฒ่าเหรินจักต้องดีอกดีใจถึงเพียงนี้”
ฉินเหวินเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม..
“พวกเราคงไม่สามารถพาทุกคนในตระกูลไปหมดได้ ว่าแต่ท่านพ่อจะพาผู้ใดไปด้วยดี?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม
“พวกเราจะไปกันเพียงแค่สี่คนเท่านั้น ข้า เจ้า ภรรยา และบุตรสาวของเจ้า” ฉินเหวินตอบกลับ
“น้อมรับคําสั่งท่านพ่อ ข้าจะไปบอกกับพวกนาง” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบ จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปในจวน ในขณะที่ฉินเหวินเองก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน
รถม้าของหลงเหรินไปถึงหน้าจวนตระกูลอู่ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของเมืองมังกร จวนแห่งนี้ใหญ่โตอลังการพอๆกับจวนตระกูลฉิน และจวนตระกูลหลง
หลงเหรินเดินลงจากรถม้า และพบชายหนุ่มผมดําเดินออกมาจากจวนพร้อมด้วยบ่าวไพร่และทหารอารักขาที่ติดตามมาด้วย ชายผู้นี้ดูเหมือนจะอยู่ในวัยสี่สิบปี รูปร่างท้วมลงพุงเข้ากับใบหน้าเจ้าเนื้อนั้น
“กู่หลิน.. ท่านพ่อของเจ้ามิอยู่รึ? ข้ามาที่นี่เพราะต้องการพบเขา” หลงเหรินเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นหน้าของชายวัยกลางคน เขาก็คือคู่หลินเป็นบุตรของท่านประมุขตระกูล
“อาวุโสเหริน อภัยที่ข้ามิอาจให้ท่านพบท่านพ่อได้ เวลานี้ท่านพ่อเข้าห้องเก็บตัวฝึกฝนวรยุทธ ข้ามิอาจไปรบกวนท่านพ่อได้ หากอาวุโสเหรินมีธุระอันใด ขอเชิญท่านบอกกล่าวกับข้าได้…” ชายวัยกลางคนเอ่ยบอกหลงเหรินด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ได้สิหลานชาย! เรื่องนี้ก็มิได้สําคัญจนต้องรอบอกกับท่านพ่อของเจ้าเท่านั้น ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญสมาชิกตระกูลกู่ ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองที่ตระกูลหลงของข้าจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ หลานชายของข้าที่นอนหลับไหลไปนานถึงสามปี เวลานี้ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว”
หลงเหรินเอ่ยตอบพร้อมกับยื่นจดหมายเชิญในมือให้กับชายวัยกลางคน..
“ขอบคุณอาวุโสสําหรับคําเชิญ พวกเราต้องส่งคนไปร่วมแสดงความยินดีกับท่านแน่” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“เอาล่ะ ข้ารบกวนเจ้าเท่านี้ ข้ายังต้องไปเชิญคนสําคัญอีกมากมาย” หลงเหรินเอ่ยตอบยิ้มๆ จากนั้นจึงเดินกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วรถม้าก็แล่นออกไปทันที
“หลานชายของเขาตื่นขึ้นหลังจากหลับไหลไปนานถึงสามปี? มีอันใดน่ายินดีงั้นรึ?! เขานอนหลับไหลไปนานเช่นนั้น ย่อมต้องมิได้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะมานาน ฉะนั้นแล้วจักต่างจากขยะชิ้นหนึ่งได้อย่างไรกัน ป่านนี้เด็กหนุ่มคนอื่นๆ คงจะมีฝีมือเหนือเกว่าขาอย่างมากมาย หากข้ามีบุตรชายเช่นนี้ ข้าคงจะมิยินดีเป็นแน่!”
ชายวัยกลางคนพึมพําออกมาเสียงเบา ในระหว่างที่สายตาจับจ้องอยู่ที่รถม้าซึ่งแล่นห่างออกไป
“กระทั่งเศษขยะหนึ่งชิ้น พวกเขาถึงกับเฉลิมฉลองกันเชียวรึ?! เรื่องนี้หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับข้าไม่”
ชายวัยกลางคนบ่นพึมพําพร้อมด้วยสีหน้าเฉยเมย ในขณะที่เดินกลับเข้าไปในจวนพร้อมกับบ่าวไพร่..
และในวันนั้นตลอดทั้งวัน รถม้าของหลงเหรินก็ได้แล่นไปทั่วทั้งเมืองมังกร และเมืองอื่นๆ …