เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 121
ตอนที่ 121 การประลอง
“น้องชาย. เจ้ามองไปที่โต๊ะตรงข้ามเช่นนั้น หรือเจ้าสนใจพี่หญิงใหญ่งั้นรึ?! เช่นนี้น้องสาวผู้น่าสงสารของข้าก็อกหักสิ โอ๊ย อีกแล้วนะ! ข้าล้อเล่น” องค์ชายเย่วหยวนหยอกเย้ากับหลงเฉิน แต่กลับถูกองค์หญิงสามหยิกเข้าอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
องค์ชายสองมิได้เบาเสียงที่เอ่ยลงเลยแม้แต่น้อย องค์หญิงใหญ่เย่วเหมียวจึงได้ยินคํากล่าวขององค์ชายสองทั้งหมด นางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะมิใส่ใจ
“องค์หญิงสามงดงามถึงเพียงนี้ ข้ามเชื่อว่าจักมีชายใดกล้าหักหาญทําให้นางอกหักได้เป็นแน่!” หลงเฉินเอ่ยยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆ น้องชาย เจ้าเป็นคนช่างเจรจา และมักหาคําพูดดีๆตอบโต้ได้เสมอสินะ หากองค์ชายสามมีคารมคมคายเช่นเจ้า เห็นที่เขาคงมิต้องมานั่งหน้าเศร้าอยู่เช่นนี้แน่!” องค์ชายเย่วหยวนหัวเราะคิกคักพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
องค์หญิงเหมียวและองค์ชายสามได้ยินคํากล่าวขององค์ชายสอง ก็ได้แต่หันไปมองคนทั้งคู่พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น
“องค์ชายเย่วหยวน ข้าขอให้เจ้าควบคุมปากของตนเองเสียหน่อย ก่อนจะกล่าววาจาใดออก มาควรต้องไตร่ตรองครุ่นคิดเสียก่อน” องค์หญิงเหมียวหันไปมององค์ชายเย่วหยวนพร้อมกับเอ่ยบอก
“ไม่เป็นไรพี่หญิง พี่สองสามารถพูดจาไร้สาระหยอกเย้าข้าเล่นได้ก็เพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆนี้เท่านั้น เขาคงรู้ตัวดีว่าหลังจากที่ข้าได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทเมื่อใด ก็คงมิมีโอกาสที่จะกล่าววาจาเช่นนี้ อีกเป็นแน่!” องค์ชายสามเย่วติงเอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับปรายตามองไปทางองค์ชายสอง
“หึ น้องสามของข้าเป็นคนที่มีอารมณ์ขันเช่นนี้เสมอล่ะ เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย!”
องค์ชายเย่วหยวนยิ้มให้หลงเฉินพร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างมิใส่ใจนัก แต่หลงเฉินสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรระหว่างพี่น้อง และเขาเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
“นอกจากข้าจะมีอารมณ์ขันแล้ว ข้ายังแข็งแกร่งมากด้วยนะพี่สอง!” องค์ชายสามเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องมองมาทางองค์ชายสอง
“ข้ามิได้กล่าวว่าเจ้าอ่อนแอเลยแม้แต่น้อยนะน้องสาม! ข้าเชื่อว่าเจ้าจักสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนออกมาได้ในการแข่งขันเล็กๆน้อยที่กําลังจักเกิดขึ้น..” องค์ชายเย่วหยวนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“การแข่งขันอันใดรี?!” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
“เจ้ายังมิรู้เรื่องนี้อีกรึ?! อ่อ..ข้าลืมไปว่านอกจากเจ้าจะเอาแต่ฝึกฝนวรยุทธบ่มเพาะโดยมิสนใจเรื่องใดๆแล้ว เจ้ายังเสียเวลาในวัยเด็กไปนานถึงเจ็ดปี” องค์ชายเย่วหยวนพึมพําออกมาในขณะที่จ้องมองหลงเฉิน
“ทุกคราที่มีการรวมตัวกันของตระกูลใหญ่ ท้ายที่สุดก็จักต้องมีการประลองเล็กๆน้อยเกิดขึ้นเพื่อดูศักยภาพและความสามารถของเหล่าทายาทรุ่นเล็ก ดูเหมือนจะเป็นการประลองเพื่อกระชับมิตร การประลองเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆจนกลายเป็นประเพณีไปแล้ว” องค์ชายเย่วหยวนหยิบผลไม้ ในจานเข้าปากพร้อมกับอธิบายให้หลงเฉินฟัง
“อ่อ.. น่าสนใจทีเดียว!” หลงเฉินยิ้มพร้อมกับเอ่ยออกมาทันทีที่ได้ฟัง
“ข้าเชื่อว่าน้องสามจักสามารถทําให้ทุกคนตื่นตระหนกตกใจได้เหมือนที่พูดเมื่อครู่ แต่มิรู้ว่าจะเป็นการตกใจที่ดี หรือไม่ดีกันแน่ คงต้องรอดูต่อไป ฮ่าๆๆ” องค์ชายเย่วหยวนเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“นี่ท่านคงคิดว่าตนเองเหนือข้าเพียงเพราะอยู่ในอาณาจักรบ่มเพาะที่สูงกว่าข้าสินะ? อีกไม่นานข้าก็จะสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นเก้าได้แล้ว ฉะนั้น จงเก็บความรู้สึกที่เหนือกว่าข้านี้ไว้ให้นานๆล่ะพี่สอง..” องค์ชายเย่วติงเอ่ยกับองค์ชายเย่วหยวนก่อนที่จะกระดกจอกเหล้าขึ้นดื่ม
“น้องสาม. ข้าจะยินดีและมีความสุขมากหากเจ้าสามารถเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นเก้านี้ได้จริงๆ พี่ชายใหญ่ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นเก้าได้ในไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะเข้าสู่วัยสิบแปดปี ส่วนข้าก็เข้าสู่อาณาจักรเดียวกันนี้ได้ในอีกสองสัปดาห์ก่อนจะครบสิบแปดปี เช่นกัน ข้าหวังว่าเจ้าจักสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นเก้านี้ได้ก่อนที่จะครบสิบแปดปีล่ะ หาไม่แล้วคงจะน่าผิดหวังยิ่งนัก!” องค์ชายเย่วหยวนเอ่ยตอบยิ้มๆ
“แล้วท่านจักได้เห็นด้วยตาตนเอง มิมีประโยชน์อันใดที่ข้าจักต้องมานั่งต่อล้อต่อเถียงกับท่าน!” องค์ชายเย่วถึงเอ่ยตอบองค์ชายสองจากนั้นจึงเริ่มกินอาหารบนโต๊ะ
งานเลี้ยงฉลองยังคงดําเนินไปเรื่อยๆ ผู้คนในงานต่างก็สนทนากันเพื่อสร้างสายสัมพันธ์กู่หลิน กับบุตรชายของเขาก่หนานหลี่ นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับองค์ชายสี่และท่านราชครูและต่างก็และสนทนาหัวเราะกันเป็นครั้งคราว
ในขณะที่องค์ชายสองกับองค์หญิงสาม ก็สนทนาอย่างสนุกสนานอยู่กับหลงเฉิน โดยมีสมาชิกตระกูลหลงเข้ามาทักทายพวกเขาเป็นครั้งคราว
ส่วนฉินโหยวและท่านแม่ของนางก็นั่งสนทนาอยู่กับชื่อหม่าจวี้อี๋ แม้นางจักเหลือบมองหลงเฉินเป็นครั้งคราว แต่ก็มิได้เดินเข้าไปทักทาย หรือร่วมสนทนาด้วย
ส่วนองค์ชายสามกับองค์หญิงใหญ่ก็ยังคงนั่งสนทนากันเองอยู่ที่โต๊ะ ดูเหมือนมิได้สนใจที่จะต้องการจะสร้างสัมพันธ์กับผู้ใดมากนัก
ดูท่าองค์ชายสองจะเข้ากันได้ดีกับหลงเทียน หากเขาถึงกับสนิทสนมกับขยะเช่นหลงเทียนได้ย่อมแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ และคงจักมิมีคุณสมบัติคู่ควรที่จะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป
หลงเว่ยครุ่นคิดอยู่ในใจพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า ในขณะที่จ้องมองหลงเฉินที่สนทนากับองค์ชายสอง และองค์หญิงสามอย่างสนุกสนาน
“ข้าเลือกอยู่ฝ่ายองค์ชายสามจักดีกว่า ข้าเชื่อว่าเขาจักต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลสูงสุดทั้งสามในจักรวรรดิเป็นแน่ และด้วยฐานะของข้าในตระกูลหลง ข้าเชื่อว่าองค์ชายย่อมยินดีที่จะผูกมิตรกับข้า และหากเขาได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิในวันข้างหน้าจริงก็จะเป็นประโยชน์ต่อข้ายิ่งนัก องค์ชายสอง.. น่าเสียดายที่ท่านเลือกผูกมิตรผิดคน จึงต้องสูญเสียโอกาสที่ดีเช่นนี้ไป”
หลงเว่ยครุ่นคิดในขณะที่เดินตรงเข้าไปที่โต๊ะขององค์ชายสาม
“องค์ชายเย่วติง องค์หญิงเหมียว.. หวังว่าท่านทั้งสองจักสนุกกับงานเลี้ยงที่ตระกูลหลงจัดขึ้นในคืนนี้!” หลงเว่ยเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“อ่อ แล้วเจ้าคือผู้ใดงั้นรึ?!” องค์ชายเย่วติงเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า มิได้สนใจที่จะผูกมิตรกับหลงเวียนัก
“ข้าคือหลงเว่ย” หลงเว่ยเอ่ยแนะตําตัวเองพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่าง องค์ชายเย่วติงเพียงแค่ขมวดคิ้วกับการกระทําของหลงเว่ย แต่มิได้เอ่ยอันใดออกมา
“หลงเว่ย.. หากข้าเดามิผิด เจ้าคงจักเป็นหนึ่งในหลานชายของท่านประมุขตระกูลหลงสินะ!” องค์หญิงเหมียวเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงนุ่มนวล
“ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณชายเว่ย ข้าเคยได้ยินได้ฟังเรื่องของท่านมาบ้าง ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องดีๆ” องค์หญิงเหมียวเอ่ยขึ้นอย่างมีมารยาท
การสนทนาของพวกเขายังคงดําเนินต่อไป แม้ว่าองค์ชายสามจักมิได้สนทนากับหลงเว่ยมากนัก แต่องค์หญิงเหมียวที่ดูเหมือนจะมีเหตุมีผล และรู้จักวิธีการสร้างพันธมิตรมากกว่า จึงได้สนทนากับหลงเว่ยด้วยดี นางเชื่อว่าหากน้องชายของนางได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหลง ย่อมต้องเป็นผลดีต่อตําแหน่งองค์รัชทายาทเป็นแน่
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า.. องค์จักรพรรดิหลงเหริน และฉินเหวิน ยังคงนั่งดื่มและสนทนากันไปเรื่อยๆ แต่แล้วจู่ๆจักรพรรดิเย่วหานก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับประกาศเสียงดัง
“เอาล่ะทุกท่าน ดูเหมือนทุกคนจะดื่มกินกันจนอิ่มหนําสําราญแล้ว ได้เวลาที่สนุกที่สุดของงานแล้ว!”
เสียงประกาศก้องของจักรพรรดิเย่วหานดึงดูดความสนใจของทุกคนในโถงรับรอง
“เอาล่ะทุกท่าน! ตามข้าไปที่โถงฝึกยุทธกันดีกว่า ได้เวลาที่เหล่าทายาทรุ่นเล็กจักต้องแสดงฝีมือของตนแล้ว!” เสียงประกาศของหลงเหรินดังขึ้นต่อจากองค์จักรพรรดิเย่วหาน
“ไปกันเร็วข้า ข้าจะนําทางพวกท่านทั้งสองไปเอง!”
หลงเฉินหันไปบอกกับองค์ชายสองพร้อมกับลุกขึ้นยืน องค์ชายสองและองค์หญิงสามเองก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน และเดินตามหลงเฉินไปทันที ไม่นานนักทุกคนต่างก็เริ่มเดินออกจากโถงรับรองไปยังโถงฝึกยุทธของตระกูลหลง
เวลานี้ทุกคนได้ยืนอยู่ภายในโถงฝึกยุทธแล้ว เก้าอี้จํานวนหนึ่งถูกนํามาตั้งไว้ให้องค์จักรพรรดิเย่วหาน หลงเหริน ฉินเหวิน และแขกสําคัญคนอื่นๆนั่ง ในขณะที่เหล่าทายาทต่างก็ยืนอยู่ด้านหลัง
“หมิงเอ๋อ. เหตุใดเจ้าไม่ลงไปแสดงฝีมือก่อน ในเมื่อเจ้าอ่อนเยาว์ที่สุด!” จักรพรรดิเย่วหานหันไปเอ่ยกับองค์ชายสี่
“น้อมรับคําสั่งพระบิดา!” องค์ชายเย่วหมิงก้าวเดินออกไปกลางลานประลอง
“ข้า เย่วหมิง! ขอท้าประลองกับผู้ใดก็ได้ เวลานี้ข้าเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นห้าแล้ว ข้ายังเยาว์วัยและไร้ประสบการณ์จึงขอท้าทายผู้ที่ยังมิเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นเจ็ด และหวังว่าจักได้รับคําชี้แนะ…” องค์ชายสี่เย่วหมิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปทางทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลง
“ข้าขอเป็นผู้ให้คําชี้แนะองค์ชายเย่วหมิงเอง!” หลงเว่ยเอ่ยตอบยิ้มๆ พร้อมกับก้าวเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าขององค์ชายสี่
“ข้าอายุสิบห้าปี และอยู่ในอาณาจักรบ่มเพาะเดียวกันกับท่าน เริ่มการประลองได้เลย” หลงเว่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางภาคภูมิใจยิ่ง