เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 127
ตอนที่ 127 ฤทัยมาร
“หากข้าฝึกวิชากายาราชันย์ปีศาจได้สําเร็จก่อน ย่อมจะมีประโยชน์ต่อการฝึกวิชาดาบสายฟ้าและราชันย์ปฐพี นั่นเพราะหากมิมีกายที่แข็งแกร่งการฝึกฝนวิชาทั้งสองนี้ก็จักยิ่งลําบากมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาดาบสายฟ้า หากในช่วงรับของรางวัล ข้าได้อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการฝึกอย่างละเอียดก่อน ข้ายังสงสัยว่าตนเองจะยังจะเลือกวิชานี้อีกหรือไม่” หลงเฉินพึมพําออกมาพร้อมกับยิ้มขึ้น
“เฮ้อ.. ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว ข้าควรต้องหยุดคิดกังวลในเรื่องของวันข้างหน้า” หลงเฉินพึมพํากับตัวเอง และพยายามที่จะรวบรวมสมาธิกลับคืนมา
“ในการฝึกวิชากายาราชันย์ปีศาจนี้ ข้าจําต้องสร้างฤทัยมารขึ้นมาเสียก่อน จากนั้นจึงเชื่อมมันเข้ากับห้วงฝึกยุทธของตนเอง ฤทัยมารนี้จักทําหน้าที่เก็บพลังชี่ที่ข้าถ่ายเทไปให้ในระหว่างการฝึกฝน แล้วจึงค่อยถ่ายเทกลับพร้อมปราณปีศาจ เข้าสู่ร่างกายของข้า เพื่อสร้างกายาราชันย์ปีศาจขึ้น ข้ากังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการสร้างฤทัยมารนี้ เพราะผลกระทบที่จะตามมาคือจิตใจของข้าจักอ่อนแอลง คงต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่หากข้ามิสามารถควบคุมตนเองได้ และต้องสูญเสียความเป็นตัวเองไปในระหว่างทาง.. ข้าควรจะฝึกดีหรือไม่นะ?! หลงเฉินรําพึงรําพันกับตนเอง
“เอาล่ะ.. ต้องกล้าหาญ! การจักได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมา ย่อมต้องมีแลกมาด้วยความเสียงเช่นกัน และหากเพียงแค่ฤทัยมารของตนเองข้ายังมิอาจควบคุมได้ แล้วจักสามารถก้าวขึ้นเป็นที่สุดของโลกใบนี้ได้อย่างไรกัน? หากมิสามารถมีจิตใจที่แข็งแกร่งได้ ไฉนจักไปสู่ความเป็นนิรันดร์ได้เล่า?” หลงเฉินเอ่ยบอกตนเองด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่น
จากนั้น.. หลงเฉินจึงเริ่มลงมือฝึกวิชากายาราชันย์ปีศาจ เขาเริ่มฝึกฝนและเริ่มต้นสร้างฤทัยมารขึ้น โดยทําตามทุกขั้นตอนที่ระบุไว้ในคัมภีร์ แม้หลงเฉินจักรู้วิธีสร้างฤทัยมารนี้ทุกขั้นตอนอย่างละเอียดแล้ว แต่เขายังต้องใช้เวลานานถึงสองสามชั่วยามในการสร้างขึ้นมาจริงๆ
และเวลานี้ ภายในห้วงฝึกยุทธของหลงเฉินก็มีสี่สิ่งที่อยู่ด้านใน ซึ่งก็คือเมล็ดกฏแห่งห้วงมิติ แก่นโลหิต ฤทัยมาร และจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธซึ่งอยู่ในชุดเกราะ
ฤทัยมารที่สร้างขึ้นมานี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับหลงเฉิน สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ.. เขาทั้งสองข้างบนหน้าผาก และอาภรณ์สีแดงสดใส
หลังจากที่สร้างฤทัยมารได้สําเร็จแล้ว หลงเฉินก็เอนกายนอนลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า
โดยที่หลงเฉินเองก็ไม่รู้ เมื่อฤทัยมารก่อตัวขึ้น จิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครา หลังจากหยุดนิ่งมาเป็นเวลานาน
ทันทีที่ฤทัยมารก่อตัวขึ้นภายในห้วงฝึกยุทธ จิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธของหลงเฉินซึ่งถือดาบสีแดงโลหิต และสวมเสื้อเกราะสีทองสุกสว่างนั้น ก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น และดวงตาสีแดงโลหิตคู่นั้นก็จับจ้องอยู่ที่ฤทัยมารแน่นิ่ง หลังจากจ้องมองฤทัยมารอยู่ครู่หนึ่ง จิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธจึงหลับตาลงอีกครา คล้ายกับเห็นว่าฤทัยมารมิได้มีค่าพอที่มันจะให้ความสนใจ
ฤทัยมารสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกน่าขนลุกที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งกระดูกสันหลัง หลังจากที่กําเนิดขึ้นภายในห้วงฝึกยุทธของหลงเฉินได้เพียงไม่กี่อึดใจ มันรู้สึกราวกับว่ากําลังตกอยู่ในอันตรายยิ่ง มันค่อยๆหันหลังกลับไปมองอย่างช้าๆ และพบว่าจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธกําลังยืนอยู่ห่างออกไปโดยที่ดวงตายังคงปิดสนิท มันเหลือบมองไปรอบๆ และพบว่าแก่นโลหิตสีแดงกําลังล่องลอยอยู่เหนือศรีษะของมัน และบางสิ่งบางอย่างคล้ายเมล็ดพืช ก็กําลังล่องลอยอยู่เหนือศรีษะของจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในชุดเกราะสีทอง
มันพยายามเหลือบมองสํารวจไปทั่วบริเวณ แต่ก็มิสามารถบอกได้ว่า สิ่งใดกันที่ทําให้มันรู้สึกหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้
หลงเฉินลุกขึ้นนั่งหลังจากนอนหลับพักผ่อนไปครู่ใหญ่ จากนั้นจึงเริ่มทําการดูดซับพลังชี้ในห้วงอากาศเข้าไปอีก เขาตัดสินใจถ่ายเทพลังชี่ทั้งหมดที่ดูดซับไปนี้ให้กับฤทัยมาร เพื่อให้มันสร้างปราณปีศาจ และถ่ายเข้าสู่ร่างกายของเขา เสริมสร้างกายเนื้อที่แข็งแกร่ง หลงเฉินสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของตนนั้นได้เพิ่มมากขึ้น เขาทําเช่นนั้นอยู่นานกว่าหกชั่วยาม จากนั้นท้องของเขาจึงเริ่มร้องอีกครั้ง แต่หลงเฉินกลับยังมิยอมหยุดฝึกฝน เขายังคงฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่ออีกหกชั่วยามก่อนจะหยุดในที่สุด
“เฮ้อ.. หลังจากฝึกวรยุทธบ่มเพาะไปนานกว่าหนึ่งวัน ข้ารู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก พละกําลังของข้าดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด หากเมื่อครู่ที่ประลองกันนั้น ข้ามีพละกําลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ คงจะสามารถตบหน้ากู่หนานหลี่จนกระโหลกร้าวได้เป็นแน่ หากข้ายังคงฝึกเช่นนี้ต่อไป ข้าก็จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้ได้ ถึงเวลานั้นข้าจักสังหารทุกคนที่มันขวางทางข้าเพื่อให้ไปถึงจุดหมาย…”
“ประเดี๋ยวก่อน.. นี่ข้าคิดเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?! เหตุใดข้าจึงคิดที่จะตบผู้อื่นจนกระโหลกร้าวเช่นนี้ ความรู้สึกเช่นนี้คืออะไรกัน มันคล้ายกับความกระหายที่จะสังหารใครสักคน”
หลงเฉินพึมพําออกมาด้วยความตกใจ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความงุนงงสับสน และพยายามใคร่ครวญถึงความคิดเมื่อครู่ของตนอย่างละเอียด
“มิมีอะไรน่ากลัวนักหรอก.. น่าจะเป็นผลจากการฝึกวิชากายาราชันย์ปีศาจเป็นแน่ และเป็นเพราะความไม่พอใจที่กู่หนานหลี่พูดจาดูถูกเจ้าก่อนหน้า และเวลานี้ความไม่พอใจนั้นก็ได้ถูกฤทัยมารทําให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น” ซุนปรากฏตัวขึ้นและอธิบายให้หลงเฉินฟัง
“แต่… ข้าเพิ่งจะเริ่มฝึกฝนวิชานี้ เหตุใดจึงส่งผลต่อจิตใจของข้าในทันทีที่เริ่มฝึกเช่นนี้? มันควรจะส่งผลต่อจิตใจของข้าเมื่อข้าฝึกสําเร็จอย่างสมบูรณ์แล้วมิใช่รึ?” หลงเฉินเอ่ยถามทันที
“หาใช่เช่นนั้นไม่.. มันจะส่งผลต่อจิตใจของเจ้าตั้งแต่เริ่มฝึก และจะยิ่งเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปต่างหากเล่า” ซุนอธิบาย
“แต่คงจะมิมีอะไรน่ากลัวอย่างที่เข้าคิด.. นี่เป็นเพียงแค่อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นให้พุ่งสูงขึ้นเท่านั้น ซุน..วันหน้าหากข้ารู้สึกว่าร่างกายแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว และไม่ต้องการฝึกวรยุทธนี้ต่อเล่า?” หลงเฉินเหลือบมองซุนพร้อมกับเอ่ยถาม
“เจ้าสามารถหยุดฝึกวิชาบ่มเพาะกายานี้ได้ แต่เจ้าจักทําเช่นใดกับฤทัยมารที่ถือกําเนิดขึ้นในห้วงฝึกยุทธของเจ้าแล้วเล่า? เจ้ามิสามารถกําจัดมันออกจากห้วงฝึกยุทธของเจ้าได้ แม้เจ้าจักมิถ่ายเทพลังชี้ให้กับฤทัยมารแล้วก็ตาม การหยุดฝึกวิชาบ่มเพาะกายานี้จะนํามาซึ่งปัญหามากมายให้กับเจ้า” ซุนบอกกับหลงเฉิน
“ปัญหาอะไรบ้างรึ?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“เมื่อเจ้ามิยอมถ่ายเทพลังชี้ให้กับฤทัยมารในช่วงเวลาหนึ่ง มันก็จะเริ่มดูดซับพลังชี่ที่อยู่ภายในห้วงฝึกยุทธของเจ้า แล้วถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายของเจ้าพร้อมกับปราณปีศาจ นั่นจักส่งผลให้การกวรยุทธบ่มเพาะของเจ้าตกต่ำ และขั้นพลังบ่มเพาะลดลง ฉะนั้น เมื่อเจ้าเริ่มฝึกวิชากายาราชันย์ปีศาจแล้ว ประตูทางออกก็ได้ถูกปิดตายไปแล้ว! เจ้ามิสามารถหยุดฝึกได้ สิ่งที่เจ้าต้องทําคือทําจิตใจของตนให้แข็งแกร่ง และทําให้ฤทัยมารอยู่ในการควบคุมของเจ้า อย่าให้มันควบคุมเจ้า เจ้าต้องเป็นผู้ใช้งานมัน อย่าให้มันเป็นผู้ใช้งานเจ้า หากเจ้าใช้งานมันได้อย่างเหมาะสม เจ้าก็จักกลายเป็นผู้อยู่ยงคงกะพันผู้หนึ่ง..” ซุนเอ่ยตอบเสียงเบา
“นี่เจ้า เหตุใดเจ้าจึงมิบอกเรื่องนี้แก่ข้าก่อนเล่า!??” หลงเฉินร้องคํารามออกมาด้วยความโกรธ แต่แล้วก็รีบควบคุมตนเอง เขารู้ดีว่าเป็นฤทัยมารที่กระตุ้นให้เขาต้องโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้
“ซุน.. ข้าขอโทษที่ตะโกนใส่เจ้าเช่นนี้ เป็นความผิดของข้าเองที่มิยอมฟังคําเตือนของเจ้าตั้งแต่แรก และเป็นผู้เลือกวิชานี้โดยมิเข้าใจคําเตือนของเจ้า” หลงเฉินจ้องมองซุนพร้อมกับเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน