เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 129
ตอนที่ 129 ท่องโลกกว้าง
“ครั้งก่อน.. นางเข้ามาในห้องนอนของข้าในขณะที่ข้ายังหลับอยู่ แล้วหลังจากนั้น” หลงเฉิน กระซิบบอกซวี่ และหยุดอยู่เพียงเท่านั้น ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“นางช่างเป็นหญิงสาวที่รอบคอบยิ่งนัก นางมิได้รบกวนการหลับนอนของข้าแม้แต่น้อย นางเพียงแค่เดินเข้าไปในห้องอาบน้ํา และเตรียมน้ําสมุนไพรให้ข้าอาบ เจ้าอยากจะรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น..” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับยิมเจ้าเล่ห์
“หลังจากนั้น” หลงเฉินมิรอคําตอบของซวี่ เขาบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องอาบน้ําให้นางฟังอย่างละเอียด
“นี่นาง นาง กลืน…”
ซวี่เอ่ยตะกุกตะกักพร้อมกับใบหน้าที่แดง…หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากของหลงเฉิน นางเหลือบมองร่างกายท่อนร่างของเขา แล้วจึงหันกลับไปมองเม่ย แต่กลับพบว่าเม่ยเองกําลังยืนก้มหน้าก้มตา ไม่มีทีท่าปฏิเสธในสิ่งที่หลงเฉินเล่าเลยแม้แต่น้อย ซวี่จึงเข้าใจและรู้ความจริงทั้งหมด
“เจ้าอยากจะทําเช่นนั้นบ้างหรือไม่เล่า? เจ้าจักได้มีประสบการณ์” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มยั่วยวน
“ข้า ข้ายินดี” ซวี่เอ่ยตอบหน้าแดง
“ถ้าเช่นนั้น.. เหตุใดเจ้าจึงไม่มาถอดกางเกงของข้าออกเล่า พวกเราทั้งสองจะได้จําลองภาพในวันนั้นกัน..” หลงเฉินเอ่ยเชิญชวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากครุ่นคิดอยู่เพียงแค่อึดใจ ซวี่ก็ตัดสินใจที่จะเรียนรู้ นางลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมแขนออกไปหาหลงเฉิน แต่ก่อนที่มือของนางจะสัมผัสเข้ากับกางเกงของหลงเฉิน เขาก็คว้ามือของนางไว้ได้ทัน นางจึงมิสามารถถอดกางเกงของเขาออกได้
“เจ้า พวกเจ้าสองคนออกไปได้แล้ว!”
หลงเฉินกัดฟันข่มความรู้สึก และพยายามที่จะควบคุมตัวเองไว้ ซวี่และเม่ยต่างก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
“นายน้อย.. ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” ซวีเอ่ยถาม
“ข้า ข้าสบายดี! พวกเจ้ารีบออกไปก่อน ข้าจะฝึกวรยุทธต่อแล้ว ข้าจะเรียกพวกเจ้าอีกครั้ง เมื่อรู้สึกหิว”
หลงเฉินรีบผละออกจากหญิงสาวทั้งสองคน แล้วรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตนเอง และปิดประตูทันที เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมศรีษะไว้แน่น เพราะรู้สึกปวดร้าวราวกับว่าศรีษะของตนกําลังจะระเบิด
“มันยากที่จะสะกดฤทัยมารงั้นรึ?!” ซุนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้าเกือบจะสูญเสียความเป็นตัวเองไป” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงหนักแน่น ในขณะที่มือทั้งสองข้างยังคงกุมศรีษะแน่น
“เจ้าเองย่อมรู้ดีแก่ใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหาใช่เป็นความต้องการของฤทัยมารไม่ ฤทัยมารเพียงแค่ทําความปรารถนาในจิตใจของเจ้าให้รุนแรงขึ้นเท่านั้น เป็นเจ้าเองต่างหากที่ปรารถนาจักทําเช่นนั้น และข้าก็ไม่คิดว่าหญิงสาวทั้งสองจะปฏิเสธเช่นกัน แล้วเหตุใดเจ้ามิทําตามความต้องการเล่า มิจําเป็นเลยที่เจ้าจักต้องทําให้ตนเองต้องเจ็บปวดทรมานเช่นนี้” ซุนจ้องมองหลงเฉินด้วยแววตาห่วงใย พร้อมกับเอ่ยบอกไป
“ข้าเป็นบุรุษ ย่อมต้องมีความปรารถนาเช่นนั้นต่อสตรี มีชายใดบ้างที่มิมีความปรารถนาเช่นนี้ ข้า ข้าชื่นชอบพวกนางทั้งสองคนก็จริง แต่ แต่ข้าก็มิต้องการให้เรื่องราวมันวุ่นวายไปมากกว่านี้ และมิต้องการพ่ายแพ้ให้แก่ฤทัยมารด้วยการทําตามความต้องการแห่งชายชาตรีนี้ หากข้าต้องการจะทําเช่นนั้น ข้าอยากจะให้เป็นตัวข้าที่ต้องการทําเช่นนั้นเอง หาใช่เพราะมีอํานาจอื่นขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง แม้ว่าฤทัยมารจะเพียงแค่กระตุ้นให้อารมณ์ความรู้สึกของข้ารุนแรงขึ้น แต่มันก็ทําให้ความมีเหตุมีผลในตัวข้าอ่อนด้อยลงด้วย..” หลงเฉินเอ่ยตอบและเขาก็กําลังพยายาม ควบคุมอาการปวดร้าวศรีษะของตน
“เจ้าคงต้องอาศัยเวลาอีกสักพักกว่าที่จะสามารถจัดการกับฤทัยมารได้ ข้าจําได้ว่า.. เจ้าบอกว่าต้องการออกไปฝึกฝนวรยุทธข้างนอก หรือเจ้าจักไปในสถานที่ที่มิมีผู้คนดี ที่ที่มีเพียงเจ้า ข้า แล้วก็การฝึกวรยุทธเท่านั้น เจ้าจักได้มีเวลาไตร่ตรองกับตัวเอง และค่อยๆทําความคุ้นเคยกับอํานาจของฤทัยมารที่ละเล็กทีละน้อย และค่อยๆเรียนรู้ที่จะควบคุมมันไปด้วย” ซุนเอ่ยแนะนําพร้อมกับยิ้มน้อยๆ
“นั่นสินะ! ข้าคงต้องไปหาที่สงบๆสักแห่งสําหรับทําการฝึกวรยุทธ อีกทั้งยังสามารถใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้อีกด้วย” หลงเฉินพิมพ์ขณะที่เอนกายนอนลงบนเตียงด้วยความรู้สึกโล่งใจ และในที่สุดอาการปวดศรีษะเมื่อครู่ก็ได้มลายหายไป
“แล้วเจ้าต้องการไปที่ใด?” ซุนเอ่ยถามด้วยสีหน้าสนอกสนใจ
“เมืองสายฟ้าซึ่งอยู่ใกล้กับจักรวรรดิหวนจื่อ นั่นจักเป็นสถานที่สําคัญในการฝึกวรยุทธบ่มเพาะของข้าเลยทีเดียว” หลงเฉินเหลือบมองซุนพร้อมกับเอ่ยตอบ
“หวนจื่อเป็นจักรวรรดิอันดับสองเช่นเดียวกับจักรวรรดิซุย อีกทั้งยังอยู่ติดกับจักรวรรดิซุยอีกด้วย หาจะเดินทางไปจักรวรรดิหวนคือจําต้องผ่านเมืองสามเมืองในจักรวรรดิซุย และเมืองอีกหลายเมืองในจักรวรรดิหวนจื่อก่อนจะถึงเมืองสายฟ้า” หลงเฉินอธิบายด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย
“เมืองสายฟ้า.. นี่เจ้าจักไปที่นั่นเพื่อฝึกวิชาดาบสายฟ้าสินะ?” ซุนจ้องมองซุนพร้อมกับเอ่ยถาม
“ถูกต้อง.. เจ้าเองก็รู้ขั้นตอนการฝึกดาบสายฟ้าอย่างละเอียดแล้วนี่ เมืองสายฟ้านับเป็นสถานที่ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการฝึกวิชานี้ อีกทั้งการเดินทางในระยะทางยาวไกลและสันโดษเช่นนี้ ย่อมช่วยให้ข้าทําความคุ้นเคยกับฤทัยมารได้มากขึ้น” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“นับเป็นแผนการที่ไม่เลวเลย.. แต่เจ้ามั่นใจหรือว่าครอบครัวของเจ้าจักยินยอมให้เจ้า เดินทางออกนอกจวนอีกครั้งรึ? สําหรับพวกเขา.. คงเห็นว่าเจ้ากําลังจักเดินไปสู่มหันตภัยเป็นแน่..” ซุนเอ่ยบอกหลงเฉินพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“หึ ข้ารู้ว่าพวกเขาย่อมมิยินยอมให้ข้าไปแน่ ข้าจึงได้คิดแผนการไว้แล้ว” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“แผนการอะไรงั้นรึ?” ซุนเอ่ยถามในขณะที่จ้องมองหลงเฉิน
“ง่ายมาก.. ก็ไปโดยไม่ต้องบอกพวกเขาอย่างไรเล่าเข้าจักทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่งบอกกับ พวกเขาว่า ข้าจักออกเดินทางไปนอกเมืองเพื่อฝึกวรยุทธสักสองสามเดือน แม้จักต้องทําให้ท่านแม่ ต้องเป็นกังวลบ้าง แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะดีต่อทุกคนในครอบครัวของข้า ข้าจักกลับมาที่นี่อีกก็ต่อ เมื่อสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้แล้วเท่านั้น” หลงเฉินพึมพําพร้อมกับจ้องมองออกไปนอกประตู
“แล้วเจ้าจักออกไปโดยมิให้พวกเขารู้ได้อย่างไรกันเล่า?” ซุนเอ่ยถามอีกครั้ง
“ซุน.. เจ้าลืมแล้วว่าเจ้ากําลังพูดอยู่กับผู้ใด?”
หลงเฉินเอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับสะบัดนิ้วมือไปมา จากนั้นภายในห้วงอากาศตรงหน้าก็ได้เกิดรอยแยกขึ้น พร้อมกับกล่าวต่อว่า “ข้าคือผู้ที่สําเร็จกฏแห่งห้วงมิติ และสามารถเดินทางทะลุไปยังสถานที่ต่างๆได้ตามใจชอบ ความสามารถพิเศษนี้ข้าได้รับหลังจากที่ศึกษากฏแห่งห้วงมิติจนเข้าใจ ทําให้ข้าสามารถเดินทางไปในสถานที่ต่างๆซึ่งอยู่ในรัศมีหนึ่งร้อยกิโลเมตรได้ในพริบตา แม้จักมีข้อจํากัดว่าข้าสามารถใช้กฎแห่งห้วงมิตินี้ได้วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถเดินทางไปได้ เฉพาะสถานที่ที่ข้าเคยไปมาก่อนแล้วเท่านั้น แต่แค่นี้ก็เพียงพอให้ข้าออกจากจวนนี้ไปโดยมิมีผู้ใดรู้เห็นได้แล้ว” หลงเฉินอธิบายยิ้มๆ
“ฮ่าๆๆ วิเศษมาก! ในที่สุดเจ้าก็รู้จักใช้มันสมองที่มีอยู่น้อยนิดของตนเองได้ ดูเหมือนพวกเรากําลังจักออกไปท่องโลกกว้างสินะ?” ซุนเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแยมดีอกดีใจ
“การท่องโลกกว้างที่มิรู้ว่าจักมีภัยอันตรายใดๆ หรือต้องผจญภัยไปกับสิ่งใดบ้าง เรื่องราวของข้ากําลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ