เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 131
ตอนที่ 131 ของข้า-ของเจ้า
หลงเฉินอุ้มร่างของเม่ยเดินเข้าไปในห้องนอน โดยมีซวี่เดินตามเข้ามาอย่างว่าง่าย..
หลังจากที่เข้าไปในห้องนอนแล้ว หลงเฉินก็ได้วางร่างของเม่ยลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยิบอาภรณ์ที่วางอยู่ก่อนโยนออกไปบนเก้าอี้ใกล้ตัว
จากนั้นจึงหันกลับไปคว้าแขนบอบบางของซวี่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ดึงร่างของนางเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะเริ่มจุมพิตริมฝีปากหอมหวานของนางอีกครา ในขณะเดียวกันมือทั้งสองข้างของเขาก็ลูบไล้อยู่บนเนินอกทั้งสองของนาง
“ถอดอาภรณ์ของเจ้าออก!”
หลงเฉินถอนริมฝีปากออก กระซิบข้างหูซี่ด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน ทันทีที่ได้ยินคําสั่งของหลงเฉิน ซวี่ทั้งรู้สึกประหม่าและดีใจในคราเดียว หลังจากลังเลเพียงแค่ชั่วอึดใจ นางก็เริ่มถอดอาภรณ์ที่สวมใส่ออก และเวลานี้มันก็ร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่งดงามของซวี่ที่เวลานี้เหลือเพียงอาภรณ์ชั้นในปกปิดไว้เท่านั้น
“เจ้าลืมบางสิ่งบางอย่างไป..”
หลงเฉินทรุดกายนั่งลงบนเตียง จากนั้นจึงคว้าร่างของเม่ยขึ้นมานั่งบนตักของตน และเริ่มลูบไล้เนินอกอ่อนนุ่มของนางเล่น แต่สายตากลับยังคงจับจ้องอยู่ที่เรือนร่างของซวี่ และกําลังรอให้นางปลดเปลื้องอาภรณ์ชั้นในออก ในขณะที่เม่ยเอยก็จ้องมองซวี่ผู้เป็นพี่ ทําให้ซวี่ยิ่งเขินอายมากขึ้น
ซวี่ค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์ชั้นในอย่างช้าๆ ก่อนจะเผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ผุดผ่องยิ่งนัก หลงเฉินจ้องมองเรือนร่างที่งดงามนั้นพร้อมกับเลียริมฝีปากของตน
“มานี่สิ!”
หลงเฉินเอ่ยเรียกซี่ด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน นางเดินเข้าไปหาหลงเฉินด้วยขาที่สันเทา และพยายามที่จะใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปกปิดเรือนร่างเปลือยเปล่าของตนไว้
ระหว่างที่ซวี่กําลังเดินตรงเข้าไปหาหลงเฉินอย่างเชื่องช้านั้น เขาก็มิได้ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าจัดการฉีกเสื้อของเม่ยออก เพื่อทําการปลดปล่อยเนินอกทั้งสองของนางให้เป็นอิสระ
“เจ้าจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนที่เหลือของนางออกแทนข้าจะได้หรือไม่?” หลงเฉินร้องบอกซี่พร้อมกับซงี่ไปยังอาภรณ์ที่ปกคลุมเรือนร่างส่วนล่างของเม่ย
ซวี่เหลือบมองหลงเฉินก่อนจะหันไปมองเม่ยซึ่งเอาแต่ก้มใบหน้าที่แดงก่ําของตนลง ซวี่เดินเข้าไปหาเม่ย ก่อนจะคุกเข่าลงและจัดการปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนล่างของเม่ยออก ทําให้นางมิหลงเหลืออาภรณ์ปกปิดเรือนร่างอีกเลย
“ที่รัก.. เจ้าทําได้ดีมาก!” หลงเฉินเอ่ยชมพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไล้ศรีษะของซวี่
“ยังเหลือของนายน้อย..”
ซวี่เอ่ยเสียงเบาราวกับยุง ก่อนจะรวบรวมความกล้ายื่นมือออกไปปลดผ้าที่พันรอบเอวของหลงเฉินออก เผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างตั้งตระหง่านราวกับหอคอยสวรรค์
เม่ยจ้องมองแน่นิ่ง และรีบเอื้อมมือออกไปจับไว้พร้อมกับเริ่มขยับมือขึ้นลงทันที
หลงเฉินหันหน้าไปหาเม่ยพร้อมกับจุมพิตนาง ก่อนจะซุกใช้ลิ้นของตนเข้าไปหยอกเย้ากับลิ้นของนางที่อยู่ด้านใน ในขณะเดียวกันนั้นมือของเม่ยก็ยังคงเล่นอยู่กับกระบี่ของเขา
“เม่ย! ให้ข้าลองบ้างสิ?” เสียงของซวี่ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของเม่ย..
“แต่ ข้าไม่อยากให้พี่ลอง” เม่ยกระซิบเสียงเบาหลังจากที่ถอนริมฝีปากออกมา พร้อมกับเสียงหายใจดัง
“แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ข้า ข้าอยากจะลองสัมผัสดูเช่นกัน” ซวี่เอ่ยตอบเสียงเบาราวกระซิบ
“ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นนะ!”
เม่ยกระซิบบอกพร้อมกับถอนฝ่ามือออกด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เต็มใจนัก หลงเฉินจ้องมองหญิงสาวทั้งสองด้วยความรู้สึกขบขัน
ซวี่ที่ยังคงคุกเข่าอยู่ ค่อยๆคลานเข่าเข้าไปใกล้ร่างของหลงเฉินมากขึ้น เวลานี้ใบหน้าของนางอยู่ห่างจากสัญลักษณ์แห่งบุรุษของหลงเฉินเพียงแค่คืบเท่านั้น นางค่อยๆเอื้อมฝ่ามืออ่อนนุ่มของตนเข้าไปสัมผัสกระบี่ของหลงเฉิน โดยมีเม่ยกับหลงเฉินจ้องมองแน่นิ่ง จากนั้นซวี่ก็เริ่มขยับมือขึ้นลง แต่สีหน้าของหลงเฉินพลันเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่นางทําต่อจากนั้น
ระหว่างที่ซวี่กําลังขยับมือซึ่งกําสัญลักษณ์แห่งบุรุษของหลงเฉินขึ้นลงนั้น จู่ๆนางก็โน้มริมฝีปากเข้ามาใกล้ และนําเฉินน้อยเข้าไปด้านใน เสียงร้องครางเริ่มดังขึ้นเมื่อซวี่เริ่มทําการดูดสัญลักษณ์แห่งบุรุษนั้นด้วยริมฝีปากสีแดงของตน สัมผัสนั้นทําให้หลงเฉินถึงกับต้องร้องครางออกมาเบาๆ เขายกมือข้างหนึ่งวางไว้ที่หลังศรีษะของซวี่ และค่อยๆกดเข้าหาตัวเพื่อให้กระบี่ของเขาเข้าไปได้ลึกมากขึ้น
ในระหว่างที่หลงเฉินกําลังสนุกกับการกระทําของซวี่ เขาก็เริ่มจุมพิตเม่ยอีกครา ขณะที่กําลังดูดดื่มกลับลิ้นที่หอมหวานของเม่ยนั้น ฝ่ามือทั้งสองของเขาก็เคลื่อนไปสัมผัสเล่นกับกับยอดฉันทั้งสองข้างของนาง
เหตุการณ์ทั้งหมดดําเนินไปครู่ใหญ่ จากนั้นหลงเฉินจึงได้ยกร่างของเม่ยที่นั่งอยู่บนตักให้ไปนั่งบนเตียงข้างกายเขาแทน ในขณะที่ซวี่ยังคงเล่นอยู่กับเฉินน้อยคล้ายกับกําลังเปาขลุ่ยอยู่ไม่หยุด จนกระทั่งหลงเฉินต้องหยุดนางและให้นางลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อยๆโยนร่างของนางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน และตัวเขาก็ขึ้นไปค่อมอยู่บนเรือนร่างของนาง
“เจ้าเรียนรู้วิธีที่ทําเมื่อครู่มาจากที่ใดกัน?” หลงเฉินกระซิบถามข้างหูซวในขณะที่นํากระบี่ของตนเข้าไปภายในพื้นที่หุบเขาของซวี่
“ข้าได้ยินหญิงเพื่อนบ้านที่แต่งงานแล้วคุยกับสหายของนาง พวกนางสนทนาเกี่ยวกับเรื่องราวในยามค่ําคืนระหว่างพวกนางกับสามี” ซวี่พึมพําเสียงเบา
“ฮ่าๆๆๆ ดีมากที่เจ้าได้รู้มาก่อน แต่นั่นยังมิได้หมายความว่าการกระทําเช่นนั้นจะทําให้ข้าเป็นสามีของเจ้าแล้วหรอกนะ?” หลงเฉินเอ่ยบอกยิ้มๆ
“ข้ารู้ดีว่าตนเองมิได้มีค่าพอที่จะมีสามีเช่นนายน้อย เพียงแค่ข้าได้อยู่กับนายน้อยข้าก็มีความสุขมากแล้ว” ซวี่เอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“เจ้าช่างเป็นเด็กดีนัก! เวลานี้พวกเจ้าทั้งสองคนเป็นหญิงของข้าแล้ว แม้จักมิได้มีพิธีอย่างเป็นทางการ แต่จากนี้ไป ข้าก็นับว่าคือชายผู้เป็นสามีของพวกเจ้าแล้ว..”
หลงเฉินเอ่ยบอกซี่ในขณะที่สอดใส่กระบี่ของตนเข้าไปในร่างของนาง และเริ่มขยับเคลื่อนไหวร่างกาย ซวี่เผยอริมฝีปากอ้าออกทันทีที่หลงเฉินสอดใส่กระบี่ของเขาเข้าไปในร่าง แต่ในขณะที่นางกําลังอ้าปากขึ้นนั้น หลงเฉินก็รีบจุมพิตริมฝีปากของนางไว้ และแทบไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจเลย จนกระทั่งผ่านไปนานครูใหญ่ หลงเฉินจึงได้ถอนริมฝีปากของตนเออก เสียงร้องครวญครางอย่างมีความสุขจึงได้ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของนาง
เม่ยที่นั่งอยู่ข้างเตียงเฝ้ามองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยใบหน้าที่แดงก่ํา หลังจากที่ปฏิบัติอยู่เช่นนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดหลงเฉินก็ดึงกระบี่ออกจากร่างของซวี่ แล้วของเหลวสีขาวก็ได้พุ่งออกมาเต็มหน้าท้องของนาง
เม่ยเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินตรงเข้าไปที่ร่างของซวี่ และเริ่มเลียของเหลวสีขาวบนท้องน้อยของนางเข้าไปจนหมด
“ดีมากสาวน้อย.. อย่าให้เสียประโยชน์!” หลงเฉินเอ่ยบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“นายน้อย. ถึงคราวของข้าบ้าง!” เม่ยยิ้มเย้ายวนพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
หลงเฉินจ้องมองเม่ยแล้วจึงเหลือบมองกระบี่ของตน เขาเดินเข้าไปหาเม่ยที่นอนรออยู่บนเตียง จากนั้นจึงขึ้นไปค่อมอยู่บนร่างของนาง แล้วเริ่มจุมพิตริมฝีปากของนาง จากนั้นหลงเฉินจึงได้เคลื่อนริมฝีปากซุกใช้ไปตามลําคอเปลือยเปล่าของนาง ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าจากลําคอลงซุกไซ้ที่เนินอกอ่อนนุ่มและยอดถันของนางเล่นแทน บางคราก็ขบเบาๆทําให้เม่ยถึงกับต้องร้องครางออกมา หลงเฉินเล่นกับเรือนของนางอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งเห็นว่าพร้อมแล้ว..
หลงเฉินเข้าสู่ท่าเตรียมพร้อม เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของเม่ยพร้อมกับสอดใส่กระบี่เข้าไปในร่างของนาง แล้วจึงจุมพิตปิดริมฝีปากของนางไว้ หลงเฉินขยับร่างเดินหน้าถอยหลังไปมาอยู่เช่นนั้น และเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงร้องครวญครางก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง
หลงเฉินนํากระบี่ออกจากร่างของเม่ย เขาดันร่างของนางให้ลุกขึ้น และสั่งให้นางคุกเข่าลงหันหลังให้กับเขา จากนั้นจึงให้นางโน้มตัวลงไปด้านหน้าอยู่ในท่าของสัตว์สี่เท้า แล้วจึงจัดแจงร่างของนางให้อยู่ในท่าที่เหมาะเจาะ
หลังจากนั้น หลงเฉินก็ได้สอดใส่กระบี่ของตนเข้าไปในร่างของเม่ยจากด้านหลัง เขาเปลี่ยนท่าไปมาอยู่สองสามครั้ง จนกระทั่งเห็นว่าได้เวลา จึงได้ชักกระบี่ของตนออกจากร่างของเม่ย แล้วรีบเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง ก่อนจะปลดปล่อยให้ของเหลวสีขาวพุ่งใส่ใบหน้า
“เจ้ากลืนส่วนของข้าไป ครั้งนี้ข้าจะกลืนส่วนของเจ้าบ้าง”
ก่อนที่เม่ยจะทันได้ให้ใช้มือลูบไล้ใบหน้า ซวี่ก็ได้เข้าไปใกล้และใช้ลิ้นเลียของเหลวสีขาวจากใบหน้าของเม่ยจนหมด ซวี่สังเกตเห็นว่ามีบางส่วนติดอยู่ที่ริมฝีปากล่างของเม่ย นางจึงได้ใช้นิ้วลูบริมฝีปากล่างของเม่ย และกลืนของเหลวที่ติดอยู่เข้าไปเช่นกัน
หลงเฉินเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมา เขาดึงร่างของซวี่เข้ามาหาอีกครั้ง และเริ่มกิจกรรมเช่นเดิมต่อ..
ค่ําคืนผ่านไป. เสียงร้องครวญครางดังก้องไปทั่วทั้งห้องนอนของหลงเฉิน แต่นับว่าโชคดีที่ห้องของเขาค่อนข้างใหญ่โต เสียงเหล่านี้จึงมิได้ดังเล็ดลอดออกไปถึงด้านนอก
อรุณรุ่งมาเยือนอีกครา หลงเฉินเปิดเปลือกตาขึ้น และพบว่าซวีกําลังหลับไหลอย่างน่าเอ็นดูอยู่ข้างกาย เขาจึงรีบลุกขึ้นนั่งและหันมองไปอีกฝั่ง จึงพบเม่ยที่กําลังนอนหลับไหลอยู่เช่นกัน และหญิงสาวทั้งสองคนต่างก็มิได้สวมใส่อาภรณ์ติดตัว
“นี่ข้าทําบ้าอะไรลงไป!”
หลงเฉินพึมพําออกมาด้วยความตกใจ ขณะที่กําลังระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้