เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 136
ตอนที่ 136 หัวขโมย
“นั่นคือกําแพงเมืองจันทราสีเงิน! ในที่สุดข้าก็มาถึงที่นี่” หลงเฉินพึมพําออกมาระหว่างที่มองเห็นกําแพงเมือง เขาร่อนลงสู่พื้นและปีกทั้งคู่ก็พลันหายไป หลงเฉินเริ่มออกเดินทางต่อด้วยสองเท้าแทน
หลงเฉินจัดการเปลี่ยนจากอาภรณ์เปื้อนโลหิตมาสวมใส่อาภรณ์ชุดใหม่ และมิสวมเสื้อคลุมซึ่งมีสัญลักษณ์ตระกูลหลงไว้ด้านนอก เพราะมิต้องการกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน เขามิได้หวาดกลัวว่าผู้ใดจักล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของตน ในเมื่อเขาสามารถออกมาจากเมืองมังกรได้แล้ว และนั่นก็นับว่าเป้าหมายของเขาได้บรรลุแล้ว
หลังจากเดินเท้าไปได้ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลงเฉินก็เดินไปถึงหน้าประตูทางเข้าเมือง เมื่อหลงเฉินไปถึงหน้าประตู รถม้าของพ่อค้าก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา และกําลังรออยู่หน้าทางเข้าเช่นกัน หลงเฉินจึงตัดสินใจยืนรออยู่ด้านหลัง
“เจ้าต้องจ่ายค่าผ่านเข้าเมืองเป็นเงินห้าเหรียญทองแดง..” เสียงร้องตะโกนดังขึ้นจากด้านหน้าของรถม้า เสียงนั้นกําลังร้องบอกเจ้าของรถม้า
“ข้ามิคิดว่าพวกเราจักต้องเสียค่าผ่านทาง..” เจ้าของรถม้ายิ้มออกมา พร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งในกระเป๋าเสื้อออกมา
“นี่คือใบอนุญาตจากทางการอนุญาตให้ตระกูลพ่อค้าเช่นเรา สามารถเข้าออกเมืองของจักรวรรดินี้ได้โดยมิต้องเสียค่าผ่านทาง”
“เชอะ งั้นเจ้าก็เข้าไปได้เ” ชายร่างเตี้ยทําเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิด
เจ้าของรถม้าเดินกลับขึ้นรถม้าของตนไป แล้วรถม้าก็เคลื่อนเข้าไปในเมืองภายใต้สายตาที่มีพอใจของเหล่าทหาร
“ฮ่ม.. พวกเราได้โอกาสที่จะหาเงินจากค่าผ่านทางแล้วเชียว แต่หนังสืออนุญาตนั่นกลับทําลายช่องทางของพวกเราจนหมดสิ้น ช่างเป็นวันที่โชคร้ายของข้านัก! วันนี้ยังมิมีผู้คนเข้าเมืองเลย แม้แต่คนเดียว!” ทหารนายหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าและน้ําเสียงโกรธเกรี้ยว
“โอ้ มานั่นแล้วหนึ่งคนมิใช่รึ?” ทหารนายหนึ่งสังเกตเห็นหลงเฉินที่กําลังเดินตรงเข้ามาหาตนเอง จึงรีบทําสีหน้านิ่งขรึมทันที
“เจ้าต้องเสียค่าผ่านเข้าเมืองเป็นเงินสองเหรียญทองแดง.” ทหารผู้นั้นเอ่ยบอกหลงเฉินพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ข้ามมีเหรียญทองแดงเลย อีกอย่าง ค่าผ่านเข้าเมืองทุกเมืองในจักรวรรดินี้ก็แค่หนึ่งเหรียญทองแดงเท่านั้น และฝ่าบาทก็เป็นผู้กําหนดค่าผ่านทางเองมิใช่รึ? เว้นแต่ข้าจักเป็นเชื้อพระวงศ์จากเมืองหลวงเท่านั้น จึงจะสามารถเก็บมากกว่าหนึ่งเหรียญทองแดงได้” หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองทหารร่างอวบอ้วน ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ฮ่ม.. หมอนเดินเท้ามาเช่นนี้คงจักเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาแน่ หาใช่คนพิเศษแต่อย่างใดไม่ การจะเรียกเก็บค่าผ่านทางเพิ่มคงจักมิมีปัญหาอะไรแน่..” ทหารผู้นั้นจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับครุ่นคิด
“ผู้ใดบอกเจ้า?! ค่าผ่านทางนี้กําหนดโดยทหารของเมืองนี้ต่างหากเล่า!! เจ้าจักต้องจ่ายค่าผ่านทางตามจํานวน จึงจักสามารถเข้าไปได้” ทหารนายน้นเอ่ยกับหลงเฉินด้วยน้ําเสียงเย้ยหยัน
“นี่เจ้าจักมิให้ข้าผ่านเข้าไปจริงรึ?” หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับนําป้ายทองคําจากกระเป๋าเสื้อออกมา และชูให้กับทหารนายนั้นดู
“นี่ นี่มันป้ายทองคํา มีตราสัญลักษณ์มังกร. นี่มิใช่ป้ายทองคําของตระกูลหลงซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลสูงสุดหรอก” ทหารอีกนายที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นป้ายทองคําในมือของหลงเฉิน
“ใช่จริงๆด้วย! แต่ผู้ที่จักมีป้ายทองคําซึ่งมีสัญลักษณ์รูปมังกรประจําตระกูลหลงได้นั้น จะต้องเป็นทายาทตระกูลหลงซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองมังกรเท่านั้นมิใช่รึ? หากเป็นทายาทในเมืองอื่นจักได้ เพียงแค่ป้ายเงินเท่านั้น เขาคือทายาทตระกูลหลงหรอกจิ๋ว” ทหารตัวเตี้ยร้องอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่.. เป็นไปมิได้! นี่เจ้าคิดว่าข้าโง่เขลาถึงเพียงนี้เชียวรึ? นี่เจ้าคิดว่าจะหลอกข้าได้งั้นรึ?” ทหารนายนั้นร้องตะโกนเสียงดังใส่หลงเฉินด้วยน้ําเสียงดูถูกดูแคลน
“เจ้าไปเอาป้ายทองคํานี้มาจากที่ใด? เป็นไปมิได้ที่คนอย่างเจ้าจักเป็นทายาทตระกูลหลง ตระกูลหลงเป็นหนึ่งในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และร่ํารวยที่สุดในจักรวรรดินี้ ตระกูลหลงมีรถม้าหรูหรามากมาย ทายาทแต่ละคนจักมีรถม้าประจําตัว เป็นไปมิได้ที่ทายาทผู้สืบเชื้อสายตระกูลหลงจะเดินทางด้วยเท้ามาถึงที่นี่ แม้แต่ทายาทตามเมืองอื่นๆยังเดินทางด้วยรถม้า เจ้าคงมิได้คิดถึงความจริงข้อนี้ก่อนที่จะโกหกพวกข้าสินะ?”
“บอกความจริงข้ามาเดี๋ยวนี้! เจ้านําป้ายทองคํานี้มาจากที่ใด?”
นายทหารผู้นั้นแสยะยิ้มราวกับเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ดี
“หากข้านําป้ายทองคํานี้คืนให้เจ้าของได้ ข้าจักต้องได้รับรางวัลอย่างงามแน่เข้ากําลังจะรวยแล้ว!” ทหารนายนั้นได้แต่คิดอยู่ในใจคนเดียว
“อ่อ… นี่เจ้าคิดจะจับข้า! เจ้าคิดหรือว่าคนอ่อนแอเช่นข้าจักสามารถสังหารเจ้าของป้ายทองคํานี้ และขโมยมันมาได้!” หลงเฉินทําเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิด
“นี่เจ้ายังกล้าเล่นลิ้นกับข้ารีบ” ทหารนายนั้นร้องคํารามออกมาด้วยความโมโห
“เหตุใดเจ้าจึงกล้าคิดว่าการสังหารทายาทตระกูลสูงสุดเป็นเรื่องล้อเล่นเช่นนี้?! แม้กระทั่งตระกูลสูงสุดในเมืองจันทราสีเงินนี้ ยังต้องปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพยิ่ง แต่เจ้ากล้านําเรื่องของพวกเขามาล้อเล่นเช่นนี้รี!!” ทหารนายนั้นยังคงร้องตะโกนเสียงดัง และจ้องมองหลงเฉินด้วยความโกรธเกรี้ยว
จากนั้น ทหารนายอื่นๆก็เริ่มทยอยมาที่ประตูเข้าเมือง เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงต้องการเข้ามาดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่
“อย่ารีบร้อนโมโหไปนัก.. เขาจักได้มาอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่อง แต่ความจริงที่เขานําป้ายทองคําของตระกูลสูงสุดเช่นนี้มา พวกเราจะต้องจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง พยายามอย่าให้เกิดข้อผิดพลาดได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับตระกูลสูงสุด ข้าว่านําตัวเขาไปมอบให้ท่านหัวหน้าทําการสอบสวนจะดีกว่า อย่าด่วนกระทําการโง่เขลาด้วยตนเองจะดีกว่า”
ทหารอีกนายหนึ่งเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสหายของเขาเริ่มโมโหมากขึ้น และทหารนายนี้ก็มีรูปร่างตรงข้ามกับทหารร่างเตี้ยมาก เพราะเรือนร่างของเขาค่อนข้างสูงทีเดียว
“พวกเรามจําเป็นต้องสอบสวน เขาต้องขโมยมันมาจากที่ใดสักแห่งแน่ จับกุมตัวเจ้าหัวขโมย เดี๋ยวนี้!” ทหารร่างเตี้ยร้องตะโกนสั่งโดยมิฟังคําเตือนของสหายเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าต้องพยายามมากเพียงใดที่จะอยู่อย่างสงบนิ่ง ข้าหวังว่าเจ้าจักมทําให้ข้าโกรธมากไปกว่านี้ เพราะข้ามต้องการสังหารเจ้าด้วยเหตุผลโง่ๆเพียงเท่านี้!” หลงเฉินเอ่ยตอบโต้ และเขาก็เริ่มโมโหบ้างแล้ว รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาได้อันตธานหายไปในขณะที่ตอบโตทหารร่างเตี้ย
“นี่เจ้า!!” ใบหน้าของทหารร่างเตี้ยแดงก่ําด้วยความโกรธ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลงเฉิน แต่ก่อนที่จะทันได้เอ่ยอะไรต่อเสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้น..
“เกิดเหตุการณ์วุ่นวายอะไรงั้นรึ?”
เสียงร้องตะโกนดังขึ้นมาก ทุกคนต่างก็หันมองไปทางต้นเสียง จึงได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนกําลังเดินออกมาจากด้านใน สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอกประตู และนายทหารที่ยืนประจันหน้าเขาอยู่
“ข้าถามว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น?” เขาร้องตะโกนถามนายทหารผู้นั้น
“หัวหน้าเหิง!!” นายทหารทั้งสองต่างก็พากันก้มศรีษะลงทําความเคารพพร้อมกับเอ่ยออกไปพร้อมกัน และชายผู้นี้ก็คือหัวหน้าของทหารในเมืองจันทราสีเงินนี้
“ท่านหัวหน้าเหิง! คนผู้นี้แอบอ้างเป็นทายาทตระกูลหลง เขานําป้ายทองคําตระกูลหลงออกมาให้พวกเราดู เพื่อที่จะขอเข้าเมืองโดยมิต้องจ่ายค่าผ่านทาง แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่า การแอบอ้างเป็นทายาทตระกูลหลงนั้น ย่อมต้องมีมากกว่าป้ายทองคํา.. เขาเดินเท้ามาแทนที่จะมาด้วยรถม้าของตระกูลหลง” ทหารร่างเตี้ยรีบอธิบายให้หัวหน้าฟังด้วยใบหน้าบูดเบี้ยวน่าเกลียด
“ป้ายทองตระกูลหลง” ทหารผู้เป็นหัวหน้าถึงกับขมวดคิ้วในขณะที่จ้องมองหลงเฉิน