เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 14
ตอนที่ 14 ผาสวรรค์
หลงซูค่อยๆสัมผัสฝ่ามือของตนลูบไล้ไปบนแผ่นหลังที่อ่อนนุ่มของถูเยว่ จากนั้นจึงค่อยโน้มใบหน้าลงไปพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของนาง ถูเยว่เองก็มิได้ห้ามปรามแต่อย่างใด ดวงตาสองข้างของนางปิดลง และเวลานี้ใบหน้าของหลงซูก็อยู่ใกล้ชิดกับใบหน้าของนางมาก จนได้ยินเสียงลมหายใจถี่เร็วของกันและกัน อีกเพียงแค่นิดเดียว ริมฝีปากของของทั้งคู่ก็จะสัมผัสกันแล้ว
และในที่สุด ทั้งคู่ก็ได้ปิดช่องว่างที่ห่างกันนั้นลง ริมฝีปากทั้งสองแนบสนิทชิดกัน หลงซูจุมพิศดูดดื่ม ในขณะเดียวกันฝ่ามืออีกข้างก็ลูบไล้อยู่บนเนินอบอวบอิ่มนั้น และทันทีที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสเข้ากับเนินอก เสียงร้องครางเบาๆก็ดังออกมาจากริมฝีปากของหญิงสาว นางเปิดริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย หลงซูจึงฉวยโอกาสนี้ฉกลิ้นอ่อนนุ่มของตนเข้าไปทันที พร้อมกับตวัดลิ้นเสาะหาลิ้นที่หอมหวานของอีกฝ่าย
หลังจากที่ปลายลิ้นของเขาสัมผัสเข้ากับลิ้นของถูเย่ว ฝ่ามือของเขาก็ค่อยๆซุกไซ้เข้าไปภายในอาภรณ์ที่ปกปิดเนินอกอวบอิ่มนั้นไว้ หญิงสาวยังคงร้องครางเบาๆอยู่ตลอด เวลานี้ไร้อาภรณ์ปิดกั้นระหว่างฝ่ามือและเนินอก หลงซูจึงเร่งหาความสุขจากอย่างเต็มที แล้วทั้งคู่ก็จมหายไปด้วยกันบนเตียง
ระหว่างที่หญิงชายกำลังเริงร่าอยู่ในห้องนอน หลงเทียนก็ยังคงนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ด้านนอก จนกระทั่งผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยาม หลงซูจึงเดินออกมาจากห้องนอนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยมีถูเย่วเดินตามออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำแต่ก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ผมเผ้าของนางรุงรังและเสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ หลังจากบอกลาหลงซูแล้ว นางก็รีบวิ่งออกไปนอกห้องทันที
“แม้นางหญิงใจง่ายผู้นี้จะมิได้งดงามดังเช่นหลงเสวียอิ๋ง แต่เรื่องบนเตียงของนางก็ติดตรึงใจข้าไม่เบา อีกทั้งเรียกใช้งานได้ง่าย แต่น่าเสียดายที่นางมิใช่หญิงในดวงใจของข้า ในใจของข้ามีเพียงหลงเสวียอิ๋งเท่านั้น แต่เอาเถอะ.. อย่างน้อยนางก็คอยสนองความต้องการของข้าได้ ”
หลงซูพึมพำเบาๆกับตัวเอง และหัวเราะออกมาเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนเตียงเมื่อครู่ หลังจากนั้นเขาก็เดินกลับไปหาหลงเทียนที่ยังคงหลับไหลอยู่
‘ยังพอมีเวลาเหลืออยู่มาก ข้าฝึกปรือต่ออีกสักหน่อยจะดีกว่า’
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลงซูจึงนั่งลงขัดสมาธิ และเริ่มฝึกฝนด้วยการดูดซับเอาชี่จากห้วงอากาศ เข้าสู่ร่างกายบ่มเพาะจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธของตนทันที
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่มีระดับพลังสู่กว่าอาณาจักรปรับกายา จิตวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเขาจะได้รับการบ่มเพาะเลี้ยงดูโดยพลังปราณในอาณาจักรผสานวิญญาณ ซึ่งจิตวิญญาณของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามลักษณะจำเพาะของพวกเขา
ในอาณาจักรผสานวิญญาณระดับหนึ่ง ขั้นแรกสุดคือการเลี้ยงดูเมล็ดวิญญาณภายในกายให้พัฒนาไปสู่อีกระดับหนึ่ง เพื่อทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรผสานวิญญาณระดับสอง
และในอาณาจักรผสานวิญญาณระดับสองเอง เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ยังต้องบ่มเพาะเลี้ยงดูอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะทะลวงขึ้นสู่ระดับสิบ ซึ่งเมล็ดวิญญาณจะเติบโตไปตามลักษณะการฝึกปรือของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นๆ
จิตวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ์ของหลงซูเองก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน แม้จิตวิญญาณของเขาจะดูแกร่งกล้ายิ่ง แต่แท้ที่จริง เขายังอยู่แค่อาณาจักรผสานวิญญาณระดับแปดเท่านั้น
หลงซูใช้เวลาฝึกปรือดูดซับชี่บ่มเพาะจิตวิญญาณของตนอยู่ครู่ใหญ่ แต่กลับรู้สึกว่าระหว่างตัวเขากับจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธของตนนั้นจะก้าวหน้าไปได้ช้ามาก
‘เฮ้อ.. ข้ารู้สึกได้ว่าคงอีกนานนักกว่าที่จะสามารถทะลวงเข้าสู่อาณาจักรต่อไปได้ ข้าคงต้องเพียรฝึกปรือให้หนักกว่านี้ เพื่อจะได้เข้าสู่อาณาจักรแก่นปราณทองคำได้โดยเร็ว เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจักได้ขอให้ท่านปู่ไปเจรจาสู่ขอหยิงเอ๋อจากท่านปู่ของนาง’ หลงซูเฝ้าครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
“เอาล่ะ ได้เวลาต้องไปแล้ว!”
หลงซูเอ่ยออกมา ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปที่ร่างของหลงเทียน เขาพยุงร่างของหลงเทียนขึ้น จับมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นพาดบ่าตนเอง ส่วนมืออีกข้างของตนก็พยุงแผ่นหลังของหลงเทียนไว้ จากนั้นจึงพยุงร่างของหลงเทียนเดินไปพร้อมกันคล้ายกับการพยุงร่างคนเมา
หลงซูพาร่างของหลงเทียนเดินไปตามเส้นทางที่เหล่าอาวุโส และสมาชิกตระกูลหลงไม่นิยมเดินผ่าน ส่วนบ่าวไพร่นั้น บ่าวคนสนิทของเขาได้จัดการมิให้มีผู้ใดเดินผ่านมาบนเส้นทางนี้ในยามนี้อย่างแน่นอน
หลังจากเดินไปตามทางครู่หนึ่ง ในที่สุดหลงซูก็มาถึงประตูด้านใต้ของตำหนักตระกูลหลง และก็เป็นดังเช่นถูเย่วบอก เวลานี้ไม่มีทหารเฝ้าเวรยามอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
เขาเหลียวมองไปรอบๆตัว ก่อนจะก้าวเดินออกไปอย่างระมัดระวัง และเมื่อพ้นจากประตูไปแล้ว หลงซูถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วเดินจ้ำตรงไปยังรถม้าที่ตระเตรียมไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากขึ้นไปแล้วเขาก็สั่งคนขับให้เคลื่อนออกจากประตูด้านใต้ทันที
ตระกูลหลงครอบครองดินแดนด้านใต้ของเมืองมังกร ในขณะที่ตระกูลฉินครอบครองดินแดนด้านตะวันออก และตระกูลกู่ครอบครองดินแดนด้านตะวันตกทั้งหมด ตระกูลหลักทั้งสามจึงมีดินแดนอยู่ภายใต้การครอบครองของตนอย่างมากมาย ในขณะที่พระราชวังหลวงตั้งอยู่บนพื้นที่กลางเมืองมังกร และเหล่าราชวงศ์ทั้งหลายก็อาศัยอยู่ที่นั่น
ทางด้านใต้ของเมืองมังกรมีหน้าผาลึกแห่งหนึ่งชื่อว่า ‘ผาสวรรค์’ ผาแห่งนี้เป็นเหวลึกที่มิเคยมีผู้ใดลงไปถึงก้นเหวมาก่อน ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเหตุใดทางด้านใต้ของเมืองมังกร จึงได้มีเหวลึกเช่นนี้อยู่ด้วย เท่าที่ทุกคนรู้เหวนี้มีมามาตั้งแต่ก่อนที่จักรพรรดิซุยจะมาสร้างเมืองที่นี่
แม้หลายคนอยากจะรู้ว่าก้นเหวนั้นสิ้นสุดที่ใด แต่ก็มิเคยมีผู้ใดลงไปถึงก้นเหวได้สำเร็จ คงจะมีเพียงผู้ฝึกยุทธที่เข้าสู่อาณาจักรปราณนภา หรือเหนือกว่านั้นที่สามารถเหาะเหินได้ จึงจะสามารถลงไปสำรวจได้
แม้ในโลกนี้จะมีผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่บรรลุอาณาจักรปราณนภาหรือแกร่งกล้ากว่านั้น แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับชั้นนี้กลับไม่มีในจักรวรรดิซุยเลย แม้แต่จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซุยเองก็หาใช่ยอดฝีมืออาณาจักรปราณนภาไม่ เช่นนั้นแล้วนับประสาอะไรกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ จึงเป็นเหตุว่าทำไมถึงไม่มีผู้ใดเหลียวแลหรือสนใจจักรวรรดิซุยเลย
ในขณะที่ยอดฝีมือที่ระดับพลังสูงกว่าเหล่าผู้คนในจักรวรรดิซุย พวกเขาย่อมหาได้สนใจผู้คนที่มีระดับชั้นต่ำกว่าเป็นธรรมดา ทั้งทรัพยากรและสมบัติภายในจักรวรรดิกล่าวได้ว่าแทบไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขาเลย จึงไม่มีผู้ใดนิยมเข้าสำรวจภายในผาสวรรค์แห่งนี้ ขณะเดียวกัน รถม้าของหลงซูก็กำลังมุ่งหน้าไปยังผาสวรรค์