เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 145
ตอนที่ 145 ข้าเองก็รีบ!
“อย่าได้เรียนรู้มากจนเกินไป เพราะเพียงแค่นี้เจ้าก็ลําบากมากพอแล้ว” ซุนเอ่ยบอกหลง เฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..
“นั่นสินะ! จริงดังที่เจ้าว่า ข้าควรต้องศึกษาวิชาที่มีอยู่นี้ให้ครบถ้วนเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ งการหลอมกลั่นโอสถ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกวรยุทธบ่มเพาะของข้าในวันข้างหน้ายิ่งนัก!”
หลงเฉินยิ้มออกมาในขณะที่กําลังวาดฝันว่าตนเองได้หลอมกลั่นโอสถชั้นยอดได้สําเร็จ และกํา ลังกินโอสถเหล่านั้นราวกับขนมหวาน
“เอาล่ะ.. ข้าตัดสินใจที่จะฝึกหลอมกลั่นโอสถเสียที! ข้าคงต้องหาโอกาสไปหอหลอมกลั่นโอสถเพื่อหาซื้อพืชพลังวิญญาณ สมุนไพร และวัตถุดิบต่างๆที่จําเป็นต่อการหลอมกลั่นโอสถ และจะได้หาโอกาสนําสัตว์อสูรวิญญาณออกมาขายด้วย” หลงเฉินเอ่ยบอกซุนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ซุนจ้องมองสีหน้าเพ้อฝันของหลงเฉินแล้ว ก็ได้แต่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตนเอง ก่อนจะหายตัวไป..
หลงเฉินเอนกายนอนพักผ่อนเล่นๆอยู่บนเตียงกว่าครึ่งวันก่อนจะหลับไปจริงๆ เขาตื่นขึ้นมาอีกคราในยามเย็น หลังจากลุกขึ้นอาบน้ําเรียบร้อยแล้ว เขาจึงได้เริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะพลังอยู่ร่วมสองชั่วยามโดยมิได้หยุดพัก จากนั้นจึงเริ่มบ่มเพาะกายาต่อโดยใช้ฤทัยมาร หลังจากฝึกฝนวิชาไปทั้งหมดสองชั่วยามกว่าๆ หลงเฉินจึงได้หยุดลง และนําไข่ออกมาจากแหวนบรรจุ แล้วเริ่มป้อนพลังชี้ให้กับมัน
“เจ้าหนู นี่เจ้ารู้หรือไม่ว่า หากคํานวณปริมาณพลังชี่ที่ข้าป้อนให้กับเจ้าในทุกๆวัน พลังชี่จํานวนนั้นสามารถทําให้เกิดแรงระเบิดได้ไม่แพ้ระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว ข้าหวังว่าเจ้าจะฟักออกมาเป็นสิ่งที่ทําให้ข้าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งนะ!” หลงเฉินเอ่ยออกมายิ้มๆ
หลังจากทําภารกิจที่ควรต้องทําเสร็จสิ้นแล้ว หลงเฉินก็นําไข่เก็บเข้าไปไว้ในแหวนบรรจุดังเดิม ส่วนเขาเอนกายนอนหลับลงบนเตียงอีกครั้ง หลังจากนอนหลับสนิทไปยาวนาน ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้นมาในยามบ่ายของวันใหม่
“ได้เวลาออกไปทําธุระของข้าแล้ว..” หลงเฉินพึมพํากับตนเองในระหว่างที่จัดการเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ และจัดการสวมหน้ากากไว้เช่นเคย
เขาก้าวเดินออกจากห้องพักแล้วเดินออกจากโรงเตี้ยมไป เมื่อสังเกตเห็นว่าที่โรงม้าข้างๆนั้น รถม้าของเชื้อพระวงศ์แห่งจักรวรรดิหมิงซูได้หายไปแล้ว เหลือเพียงแค่ม้าที่เขาซื้อไว้เพียงตัวเดียว จึงได้แต่ยิ้มออกมา
หลงเฉินก้าวเดินตรงไปยังโรงม้า เมื่อเข้าใกล้กับม้าตัวนั้นแล้ว เขาก็พยายามที่จะสัมผัส และแตะต้องร่างของมัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะต่อต้านสัมผัสของเขา
“เจ้านี่ช่างพยศนักนะ!!”
หลงเฉินพึมพําพร้อมกับยิ้มออกมา ในระหว่างนั้นเขาก็เริ่มปลดปล่อยรัศมีพลังในขั้นจุติพิภพออกมาจากร่าง ทําให้เจ้าม้าพยศเริ่มสงบลง
“ข้าน้ํามันออกไปขี่ได้ใช่หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามผู้ดูแลคอกม้า..
“เชิญนายท่านนํามันไปได้เลย! แขกที่เป็นเจ้าของม้าตัวนี้ได้แจ้งกับข้าไว้แล้วว่า ม้าตัวนี้ได้ตกเป็นของท่านแล้ว!” ผู้ดูแลคอกม้าเหลือบมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยตอบ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าช่วยดูแลม้านี้ไว้ให้ข้าอีกสักประเดี๋ยว ข้าเสร็จธุระแล้วจะรีบมานํามันไปทันที!” หลงเฉินยิ้มให้ผู้ดูแลคอกม้าก่อนจะเดินจากไป
หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่ง ในที่สุดหลงเฉินก็ไปหยุดอยู่หน้าทางเข้าหอหลอมโอสถ ระหว่างที่ก้าวเดินเข้าไปนั้น ดูเหมือนเขาจะดึงดูดสายตาของผู้คนด้านในยิ่งนัก
“มิทราบนายท่านมีสิ่งใดให้ทางร้านรับใช้?”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ซึ่งสวมอาภรณ์ประจําหอหลอมโอสถ ได้เดินตรงเข้ามาหาหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยถาม
“ข้าอยากจะขอซื้อพืชพลังวิญญาณ สมุนไพรต่างๆ แล้วก็อีกหลายสิ่งหลายอย่างจะได้หรือไม่?”
หลงเฉินยิ้มให้กับคนของหอหลอมโอสถ แต่เนื่องจากมีหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ คนของหอหลอมโอสถจึงมิมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มของเขา
“ย่อมต้องได้เป็นแน่! ขอเชิญนายท่านขึ้นไปเลือกซื้อวัตถุดิบที่ต้องการด้านบนได้เลย ข้าจะนํานายท่านไปเอง!”
คนของหอหลอมโอสถเอ่ยตอบหลงเฉินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ท่าทางของหลงเฉินจะทําให้เขารู้สึกลังเลสงสัย แต่คนของหอหลอมโอสถดูเหมือนจะได้รับการฝึกฝนอบรมมาเป็นอย่างดี จึงมิได้ใส่ใจต่อการแต่งตัวของหลงเฉิน และให้บริการเขาอย่างมืออาชีพ
หลงเฉินเดินตามคนผู้นั้นขึ้นไปชั้นบนทันที
“นายท่านสามารถเลือกสมุนไพรและโอสถที่ต้องการได้ทางด้านโน้น แม่นางเมียจักเป็นผู้คอยแนะนําและดูแลท่านเอง”
คนผู้นั้นผายมือชี้ไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าโถงใหญ่ และกําลังสนทนาอยู่กับใครบางคน จากนั้นจึงเดินกลับไปยังชั้นล่างดังเดิม หลงเฉินเดินตรงเข้าไปหญิงสาวผู้นั้นทันที
“แม่นาง.. ข้าต้องการซื้อพืชพลังชีวิต และสมุนไพร” หลงเฉินเอ่ยบอกหญิงสาวทันทีที่เข้าไปใกล้นาง
หญิงสาวเหลือบมองหลงเฉินเล็กน้อย แต่แล้วก็หันไปสนทนากับชายหนุ่มตรงหน้าต่อ แล้วจึงหันมาบอกหลงเฉินด้วยน้ําเสียงหงุดหงิดมิพอใจ
“นี่ท่านมิเห็นว่าข้ากําลังให้บริการแขกคนสําคัญอยู่หรอก?! ได้โปรดรอประเดี๋ยว!”
หญิงสาวผู้นั้นเอ่ยตอบหลงเฉินโดยมีแม้แต่จะปรายตามองกลับมาด้านหลัง
“ข้าเองก็รีบเช่นกัน!” หลงเฉินตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่หงุดหงิดรําคาญเช่นกัน
“แล้วอย่างไร.. ก็ข้าไม่ว่าง!!” นางร้องตะโกนตอบหลงเฉินกลับโดยที่ยังคงไม่หันหลังกลับมามอง
“หอหลอมโอสถต้อนรับแขกเช่นนี้เข้ามิรู้มาก่อนว่า หากมิใช่คนสําคัญหรือมีชื่อจักมิได้รับการต้อนรับ!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจอย่างชัดเจน
“นี่ท่าน..” ทันทีที่ได้ยินคํากล่าวประชดประชันเช่นนั้นของหลงเฉิน หญิงสาวถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยน้ําเสียงที่ไม่พอใจเช่นกัน
“อย่าได้แสดงท่าทีที่มิให้เกียรติผู้อื่นเช่นนี้!
ชายหนุ่มที่กําลังสนทนากับหญิงสาวผู้นั้นเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นในที่สุด ดูจากรูปลักษณ์ของเขาแล้วน่าจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ และมาจากตระกูลที่ดี
“งั้นรึ?! ข้าต่างหากที่ถูกใครบางคนแสดงกิริยาที่มิให้เกียรติ!” หลงเฉินเอ่ยตอบโต้กลับไปทัน
“น้ําเสียงของท่านทําให้ข้ามชอบใจนัก! ขอเชิญท่านออกจากหอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้ พวกเรามต้องการให้บริการกับท่าน!” ชายหนุ่มเอ่ยบอกหลงเฉินด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“หึ นี่เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกันจึงได้กล้าขับไล่ข้าออกจากที่นี่เช่นนี้ ไปเรียก หัวหน้าหอหลอมกลั่นโอสถสาขานี้ออกมาพบข้าที!” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงดุดันเช่นกัน
“แล้วเจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน?! เหตุใดท่านกู่จึงต้องออกมาจับเจ้าโยนออกจาก หอนี้ด้วยตนเอง? คุณชายฉ่เป็นศิษย์ของท่าน และศึกษาเรื่องการหลอมกลั่นโอสถอยู่กับท่าน คําพูดของเขาย่อมเสมือนคําพูดของท่านกู่ และถือเป็นคําสั่งของหอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้!”
หญิงสาวผู้นั้นเป็นฝ่ายเอ่ยตอบโต้หลงเฉินด้วยน้ําเสียงโกรธเกรี้ยว ในขณะที่หันกลับมาจ้องมองหลงเฉินด้วยแววตาขุ่นเคือง
“หึ ข้าต้องการที่จะออกจากเมืองนี้ไปโดยมิต้องมีความขัดแย้งใดๆ แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาของข้าจักมิอาจหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้สินะ! ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่า ผู้ใดกันที่จะสามารถทําให้ข้าออกจากหอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้ได้!”
หลงเฉินเอ่ยยิ้มๆ สายตาพลันเหลือบไปเห็นเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ จึงได้ทรุดกายลงนั่งพร้อมกับรอยยิ้มที่นึกสนุกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ข้าจักเป็นผู้รับคําท้าของท่านเอง!”
ต้วนฉู่เดินตรงเข้าไปหาหลงเฉินทันที และเมื่อเข้าไปใกล้เขาก็ได้พุ่งฝ่ามือออกไปหมายคว้าคอเสื้อของหลงเฉินไว้ เพื่อกระชากร่างของเขาให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลงเฉินเพียง แค่เบี่ยงกายหลบไปทางขวามือ จากนั้นเสียงก็ดังสนั่นกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง
ร่างของต้วนลู่ลอยละลิ่วออกไปกลางห้วงอากาศก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้น แก้มขวาของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ ก่อนจะค่อยๆบวมเปล่ง และมีรอยฝ่ามือประทับอยู่บนแก้มอย่างเห็นได้ชัด
“ช่วยด้วย! มีคนเข้ามาก่อเรื่องภายในหอหลอมกลั่นโอสถ!!”
หญิงสาวร้องตะโกนเสียงดังไปทั่วทั้งหอแห่งนี้ จากนั้นทหารหลายนายต่างก็พากันวิ่งขึ้นมาชั้นสอง และพุ่งตรงเข้าไปหาหลงเฉินหมายจับตัวเขา
“ข้าว่าเจ้าควรรีบร้องขอชีวิตจากคุณชายรู่ ก่อนที่จะถูกจับหักกระดูก!”
หญิงสาวแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดในขณะที่จ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยเย้ยหยันเขา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทําให้ทุกสิ่งในหัวของนางกลับตาลปัตรไปหมด นั่นเพราะเวลานี้ทหารทั้งหมดที่พุ่งเข้ามา ได้ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นเพียงชั่วพริบตา และกําลังส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดศึกก้องไปทั่วทั้งห้อง
“เจ้าต้องการให้ข้าหักกระดูกส่วนใดของเจ้าดีล่ะ?! กระดูกแขนดีหรือไม่?!”
หลงเฉินเอ่ยถามในขณะที่ก้าวเดินเข้าไปหาต้วนฉู่ พร้อมกับใช้เท้าเหยียบแขนของเขาอย่างแรงจนกระดูกแตกละเอียด ทําให้ต้วนฉู่ถึงกับร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด