เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 150
ตอนที่ 150 กายวิญญาณเทวะ
บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่ห่างไกลออกไป มีแคว้นหนึ่งนามว่า เอสเทอรีย แคว้นแห่งนี้รายล้อมไปด้วยสีเขียวงดงาม ดวงสุริยันต์สองดวงล่องลอยอยู่กลางท้องนภา และคอยให้ความอบอุ่นแก่ดาวเคราะห์ดวงนี้
หมิงยู่!! ตื่นได้แล้ว! เจ้าจะนอนไปถึงเมื่อไหร่กัน? นี่ก็สายมากแล้วนะ!
หญิงสาวหน้าตางดงาม ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบปลายๆ กําลังร้องตะโกนปลุกเด็กสาวคนหนึ่ง ที่กําลังนอนหลับอย่างสบายอยู่บนเตียงนอน
อืมม.. ขอข้านอนต่ออีกหน่อย แล้วข้าจะรีบตื่น.. ข้าสัญญา! หญิงสาวพึมพําตอบราวกับเด็กน้อย
เจ้าพูดเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าแล้ว ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! เมื่อไหร่เจ้าจะรู้จักความรับผิดชอบมากกว่านี้นะ? หญิงสาวบ่นพึมพําด้วยความน้ําเสียงหงุดหงิด ในขณะที่มือก็ดึงผ้าห่มออกจากร่างของเด็กสาว
เหตุใดข้าต้องมีความรับผิดชอบอะไรด้วยเล่า? ในเมื่อข้ามีท่านพ่อกับท่านแม่ที่รักใคร่ข้าเช่นนี้ ข้ามจําเป็นต้องมีความรับผิดชอบใดๆ ข้าเพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและมีความสุขเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เด็กสาวเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
แม่สาวน้อย.. ท่านพ่อของเจ้ากําลังรอคอยเจ้าอยู่นะ! หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเหนื่อยหน่าย และใบหน้าของนางก็ดูเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก
เด็กสาวได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกบกระเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียง พร้อมกับยิ้มกว้าง
แล้วเหตุใดท่านแม่จึงมิบอกข้าเล่าว่าท่านพ่อกําลังรอข้าอยู่ เด็กสาวเอ่ยตอบยิ้มๆ
นี่เจ้า หญิงสาวผู้เป็นมารดาถึงกับนิ่งอึ้งไปในคําถามยียวนของเด็กสาว
เอาล่ะ วันนี้จะมีแขกคนสําคัญมาที่นี่! ท่านพ่อของเจ้าต้องการให้พวกเราทุกคนออกไปต้อนรับกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พี่ชายของเจ้าออกไปรอต้อนรับพร้อมกับท่านพ่อของเจ้าแล้ว มีแต่เจ้ากับข้านี่ล่ะที่ยังไปมิถึงไหน รีบไปอาบน้ําแต่งตัวเร็วๆเข้า! หญิงผู้เป็นมารดาเอ่ยบอกเด็กสาวพร้อมกับจ้องมองนาง
ท่านแม่.. ข้ารู้แล้วน่า เด็กสาวตอบกลับ และรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้ววิ่งตรงไปที่ห้องแต่งตัวทันที
ไม่นานนัก เด็กสาวก็วิ่งออกมาในชุดอาภรณ์สีฟ้าสดใส ผมยาวสีเงินเงางามเป็นประกายของนาง ถูกมัดรวมกันเป็นหางม้าอยู่กลางศรีษะ ร่างสูงห้าฟุตห้านิ้วนั้นดูเหมือนจะอยู่ในวัยที่ยังไม่ถึงสิบแปดปีด้วยซ้ําไป ผิวพรรณของนางผ่องใสนุ่มนวล ท่อนขาเรียวยาวทั้งสองข้าง และดวงตายาวรีคล้ายเม็ดอัลมอนด์นั้น ยิ่งเสริมให้เด็กสาวผู้นี้งดงาม และมีเสน่ห์มากขึ้น คิ้วสองข้างโค้งมน ริมฝีปากอ่อนนุ่มเป็นสีชมพูระเรื่อ จมูกเล็กนั้นโด่งเป็นสัน ทําให้นางทั้งดูงดงาม และน่ารักน่าเอ็นดูไปพร้อมๆกัน
เร็วเข้าท่านแม่!! ท่านทําให้ข้าสายแล้ว. หมิงยู่ร้องบอกมารดาด้วยน้ําเสียงกระตือรือร้น
ข้าน่ะรึทําให้เจ้าสาย?! เจ้านี้ช่างไร้ยางอายมิต่างจากท่านพ่อของเจ้าจริงๆ! หญิงผู้เป็นมารดาหัวเราะคิกคัก พร้อมกับส่ายหน้าไปมาในขณะที่เอ่ยตอบ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนตามหญิงสาวไป
ทั้งคู่เดินไปถึงโถงใหญ่โอ่อ่า และพบเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกําลังยืนอยู่ที่นั่นพอดี
เด็กสาวร้องตะโกนเรียกพร้อมกับเดินตรงไปหาเด็กหนุ่มที่สวมใส่อาภรณ์งดงาม เด็กหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆเท่านั้น ผมของเขาเป็นสีเงินเงางามเช่นเดียวกับเด็กสาว เพียงแต่สั้นกว่าเท่านั้น..
หวัง บิดาของเจ้าอยู่ที่ใด? หญิงสาวผู้เป็นมารดาเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองเด็กหนุ่ม
ท่านพ่อกําลังรับแขกอยู่ ท่านแม่ก็น่าจะรู้ดีว่าในยามที่สหายของท่านพ่อมานั้น เขาจะ เป็นเช่นใด? อีกทั้งครั้งนี้มิได้มีเพียงสหายที่มา ศัตรูของท่านพ่อก็กําลังจะมาด้วยเช่นกัน แม้จะเป็นถึงองค์จักรพรรดิ แต่ท่านพ่อย่อมต้องออกไปเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยตนเอง.. หวังเอ่ยตอบยิ้มๆ
นั่นสินะ บิดาของเจ้ามักเป็นเช่นนี้เสมอ อีกทั้งวันนี้ยังเป็นวันพิเศษด้วย เขาจึงดูกระ ตือรือร้นมากกว่าปกติ! หญิงผู้เป็นมารดาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรกันรีท่านแม่? หมิงยู่เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
หมิงยู่… เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าแคว้นเอสเทอเรียกับแคว้นเฉียนตี้เพื่อนบ้านนั้น ต่างก็เป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองแคว้นต่างก็ทําสงครามนองเลือดกันมามากมาย หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน หญิงสาวผู้เป็นมารดาเอ่ยตอบพร้อมกับใบหน้าที่บ่งบอกว่ากําลังครุ่นคิด
จริงสิ! คนชั่วช้าเหล่านั้นก็หัวดื้อราวกับอะไรดี! หมิงยู่บ่นพึมพําออกมา
แคว้นไทรเชียนซึ่งมีดินแดนติดกับแคว้นเอสเทอเรียและแคว้นเฉียนนั้น องค์จักรพรรดิเองก็เป็นสหายกับบิดาของเจ้า ถึงแม้แคว้นไทรเชียนกับแคว้นเอสเทอเรียจะเป็นมิตรกันก็ตาม แต่แคว้นไทรเขียนก็มิเคยยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างแคว้นเอสเทอเรียกับแคว้นเฉียนตี้เลยสักครั้ง
แต่พวกเราเองต่างก็เข้าใจดีว่า องค์จักรพรรดิแห่งแคว้นไทรเชียนเองก็มิมีหนทางเลือกอื่นเช่นกัน เพราะแคว้นไทรเชียนเองก็มีความขัดแย้งกับแคว้นอื่นๆโดยรอบเช่นกัน และแคว้นเหล่ านั้นก็พร้อมที่จะโจมตีแคว้นไทรเชียนได้ทุกเมื่อ พวกเขาจึงต้องตัดสินใจมิเข้ามายุ่งเกี่ยวกับข้อขัด แย้งระหว่างแคว้นเอสเทอเรียของเรากับแคว้นเฉียนตี้ หญิงผู้เป็นมารดาอธิบายเพิ่มเติม
เรื่องนั้นข้าเองก็พอเข้าใจ พวกเขาเองก็มีดินแดนของตนที่ต้องปกป้องดูแลเช่นกัน! หมิงยู่ จ้องมองใบหน้าของผู้เป็นมารดาด้วยความเข้าใจ
แต่เวลานี้องค์จักรพรรดิแห่งไทรเขียนก็ได้ออกหน้าในเรื่องนี้แล้ว เขาได้พูดจากับจักรพรรดิแห่งเฉียนตี้ และได้ขอให้ทั้งสองแคว้นแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยการเจรจากันอย่างสันติ เพื่อยุติสงครามที่จะเกิดขึ้น ท่านพ่อของเจ้าเองก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ จึงได้ตอบตกลงทันที
วันนี้จึงเป็นวันที่จักรพรรดิแห่งไทรเชียน และจักรพรรดิแห่งเฉียนตี้จะเดินทางมาที่แคว้นของเราเพื่อเจรจาในเรื่องนี้ หญิงผู้เป็นมารดาจ้องมองหมิงยู่พร้อมกับเอ่ยบอก
ว้าว! เรื่องสําคัญเช่นนี้ เหตุใดท่านแม่จึงไม่บอกข้าก่อนเล่า? หมิงยู่เอ่ยถามด้วยน้ํา เสียงตื่นเต้น แต่ใบหน้ากลับทิ้งตึงด้วยความไม่พอใจ
หมิงยู่ ท่านแม่อาจจะบอกกับเจ้าแล้วก็ได้ แต่เจ้าเอาแต่นอนหลับอุตุไม่สนใจสิ่งใดกระมัง น้องสาวคนสวยของข้ามักเป็นเช่นนั้นเสมอมิใช่รึ? เด็กหนุ่มเอ่ยตอบพร้อมกับยกมือขึ้นหยิกแก้มของหมิงยู่ และหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
พี่ใหญ่?! นี่พี่สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้อีกแล้วรีว จู่ๆหมิงยู่ก็ร้องตะโกนถามออกมาด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น เมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง
ใช่แล้ว ฮ่าๆๆๆ ข้าเพิ่งจะเข้าสู่อาณาจักรราชันสวรรค์ได้ในวันนี้นี่เอง! เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างภาคภูมิใจในขณะที่เอ่ยตอบเด็กสาว พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของนาง
พี่ใหญ่เก่งจังเลย!! ท่านมีพรสวรรค์สูงส่งกว่าข้ามากนัก ต่างกับข้าที่มีพรสวรรค์ต่ําต้อยยิ่ง! จะดีเพียงใดหากข้ามีพรสวรรค์ได้เพียงแค่สิบส่วนของพรสวรรค์ในตัวท่าน!! เด็กสาวเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มหยันให้กับพรสวรรค์ที่ต่ําต้อยของตนเอง
นี่แม่สาวน้อย.. หยุดมองโลกในแง่ร้ายเช่นนั้นได้แล้ว พรสวรรค์ของเจ้าเองก็มิได้ด้อยไปกว่าข้าเลย ในวัยเพียงแค่สิบเจ็ดปี แต่กลับสามารถเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพขั้นสามได้แล้ว นั่นนับว่าไม่เลวทีเดียว! เด็กหนุ่มนามหวังเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียง และรอยยิ้มอ่อนโยน
ไม่เลวอะไรกัน?เมื่อครั้งที่พี่ใหญ่อยู่ในวัยสิบเจ็ดปี พี่เองก็เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพขั้นเจ็ดได้แล้ว ข้ายังห่างไกลจากท่านมากนัก!! หมิงยู่เอ่ยตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
สาวน้อย.. เจ้าอย่าได้นําตนเองมาเปรียบเทียบกับข้าเลย! อย่าลืมว่าเจ้ามีความพิเศษกว่าข้ามากมายนัก เจ้ามี กายวิญญาณเทวะ ว่ากันว่ากายพิเศษล้ําเลิศเช่นนี้ ในหลายล้านปีจึงจะปรากฏขึ้นสักครั้ง ความจริงแล้ว.. ควรเป็นข้าต่างหากที่ต้องอิจฉาเจ้า หวังเอ่ยตอบหมิงยู่พร้อมกับยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน
เชอะ.. กายโง่ๆนี้มิเห็นจะพิเศษอันใดเลย! ข้ามเห็นว่ามันจะมีประโยชน์อันใด.. หมิงยู่โต้เถียงกลับไปทันที
โอ้! สิ่งล้ําค่าเช่นนี้ เจ้ายังกล้าบอกว่าไม่พิเศษอีกงั้นรึ?! ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็บอกข้าที่แม่สาวน้อย.. คําว่า พิเศษ ของเจ้าต้องหมายถึงสิ่งใดกัน?!! เด็กหนุ่มเอ่ยตอบโต้พร้อมกับหัวเราะคิกคัก
คําว่า พิเศษ ของข้ามีความหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ ครอบครัวที่พิเศษของข้า!! ส่วนกายพิเศษอะไรนี้ ข้ายังต้องรอดูในวันข้างหน้าว่า มันจะพิเศษและดีจริงอย่างว่าหรือไม่? เพราะข้าเองก็มิอาจควบคุมเวลาให้เห็นได้ตามใจชอบ แม้จะมีเหตุการณ์แปลกๆให้ข้าได้พบเห็นอยู่บ้าง แต่นั่นก็มิได้ทําให้ข้าเข้าใจอะไรได้เลย…
หมิงยู่เอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงและสีหน้าหงุดหงิด ราวกับว่ากําลังโกรธแค้นร่างกายของตนเอง
แม่สาวน้อย.. หัดมองโลกในแง่ดีบ้าง!! ข้ามั่นใจว่าเมื่อเจ้าเติบใหญ่ขึ้น เจ้าจะสามารถ ควบคุมมันได้ดียิ่งขึ้น! หลู่หวังเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ฮ่าๆๆ นี่ช่างเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก ในที่สุดข้าก็ได้เห็นพวกท่านทั้งสองเจรจากันดีๆได้เสียที!
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังขึ้น และเสียงฝีเท้าก็ดังเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
ทันทีที่ประตูห้องโถงเปิดออก ร่างของชายในชุดนักรับทั้งสามคนก็ปรากฏขึ้นอยู่หน้าห้อง
ผู้ที่เดินนําหน้ามานั้นคือหลู่จวิ้นเว่ย – องค์จักรพรรดิแห่งแคว้นเอสเทอเรีย ผู้ที่เดินตามหลังเขามานั้นก็คือเจ้าของเสียงหัวเราะ และเสียงพูดที่ดังขึ้นก่อนหน้านี้ เขาคือจี้ฮั่นเจียน – องค์จักรพรรดิแห่งแคว้นไทรเชียน และคนสุดท้ายที่กําลังเดินตามเข้ามานั้นก็คือเฉียนเว่ย – องค์จักรพรรดิแห่งแคว้นเฉียนตี้!