เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 151
ตอนที่ 151 การพบกันของสามจักรพรรดิ
จักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ยดูเหมือนจะอยู่ในวัยสี่สิบต้นๆ แม้ใบหน้าของเขาจะดูเป็นบุรุษอ่อนโยน แต่แววตาของเขานั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นนักรบที่ผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน ผมสีดํายาวประบ่านั้นเสริมให้เขาดูเป็นบุรุษที่มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ตรงข้ามกับจักรพรรดิเฉียนเว่ย… รูปลักษณ์ของเขาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นนักรบดุดัน และใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการสู้รบ เขาอยู่ในวัยสี่สิบปลายๆ จึงดูแก่กว่าจักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ย แผลเป็นบนใบหน้าด้านซ้ายของเขานั้น มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขาได้แผลเป็นนี้มาอย่างไร เพราะตั้งแต่พบเจอกันมาทุกคนก็ได้พบเห็นแผลเป็นนี้อยู่ก่อนแล้ว ว่ากันว่าแผลเป็นของจักรพรรดิเฉียนเวียนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เวลานี้เขาสวมเสื้อคลุมสง่างาม สวมมงกุฎอยู่บนศรีษะ และมีดาบหนักสะพายอยู่ด้านหลัง
จักรพรรดิจีฝ่ฮั่นเจียนนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ที่มีรูปลักษณ์งดงามที่สุดในบรรดาจักรพรรดิทั้งสามพระองค์ ใบหน้าของเขานั้นดูคล้ายกับชายหนุ่มในวัยเพียงแค่สามสิบต้นๆเท่านั้น จึงมิมีผู้ใดสามารถคาดเดาอายุที่แท้จริงของเขาได้ ผมยาวสีดํานั้นโบกสะบัดไปมาในอากาศระหว่างที่ก้าวเดิน ใบหน้าของเขามักปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่เสมอๆ
ตัวข้าเองยินดีที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งของสองแคว้นผ่านการเจรจาเสมอ เพียงแต่จักรพรรดิเฉียนเว่ยมเห็นด้วยกับวิธีสันติเช่นนี้ ในสายตาของเขา การเจรจาอย่างสันติแสดงออกถึงการยอมรับในความอ่อนแอ ทําให้เขาเริ่มโจมตีแคว้นของข้าหนักขึ้นกว่าเดิม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แคว้นเอสเทอเรียจะทําเช่นใดได้อีก นอกจากต้องตอบโต้เมื่อแคว้นเฉียนตี้ยกทัพมาเยือนเท่านั้นเอง.. จักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ยเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
นี่ท่านลืมไปแล้วว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร? เป็นเพราะแคว้นเอสเทอเรียของท่านต่างหากที่เริ่มก่อน ในเมื่อพวกท่านเป็นฝ่ายเริ่ม จะให้พวกเราทําเช่นใดได้อีกเล่า? ท่านจะให้ข้าเชื่อคําพูดของแคว้นที่คอยสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับแคว้นเฉียนตี้ได้อย่างไรกัน? จะให้พวกเราเชื่อคําพูดของผู้ที่ไม่รักษาคํามั่นสัญญาได้อย่างไรกัน? จักรพรรดิเฉียนเว่ยเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด
นี่ท่านทั้งสอง.. เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพียงแค่อดีตไปแล้ว!! ข้าว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องหยุดคิดเรื่องร้ายๆเหล่านี้เสียที แล้วช่วยกันสร้างยุคใหม่ซึ่งเป็นยุคแห่งสันติขึ้นมาแทน พวกท่านควรต้องทําเพื่อแคว้นของตน ทําเพื่ออนาคตของคนรุ่นใหม่ จักรพรรดิจี๋ฮั่นเจียนเอ่ยเสียงเบาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
พวกท่านทั้งสองแคว้นต่างก็สู้รบกันมานานหลายปี ยังอยากจะสู้รบกันต่อไปเช่นนี้เรื่อยๆ อย่างนั้นรึ? นี่คงจะมิใช่สิ่งที่ใครๆต้องการรวมถึงตัวข้าเองด้วย สิ่งใดที่เกิดขึ้นในอดีตมันก็ได้ผ่านไปแล้ว แม้แคว้นเอสเทอรียจะผิดคําสัญญาที่ได้ให้ไว้ต่อแคว้นเฉียนตี้ แต่พวกเราก็มิมีผู้ใดที่จะสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตได้ แต่ทุกอย่างสามารถเจรจากันเพื่อหาข้อยุติในปัญหาที่เกิดขึ้นได้มิใช่รึ? จักรพรรดิจี๋ฮั่นเจียนเอ่ยต่อ
เรื่องนี้พวกเราจะเจรจากันในลําดับต่อไป.. จักรพรรดิเฉียนเว่ยเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ในขณะที่สายตาจับจ้องไปด้านหน้าของตนแทน
อ้อ.. องค์ชายหวัง องค์หญิงหมิงยู่ พระชายาจิง พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันหมดเลยรึ?! จี๋ฮั่นเจียนเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นี่เป็นครั้งแรกที่จักรพรรดิเฉียนเวียมาเยือนแคว้นของเรา ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็ต้องออกมาต้อนรับพระองค์ที่ให้เกียรติมาเยือนในครั้งนี้ พระชายาของจักรพรรดิหลู่จขึ้นเว่ยนามซู่จิงเอ่ยตอบใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ฮ่าๆๆ พระชายาจึงกล่าวได้ถูกต้องยิ่งนัก! แต่ข้าคิดว่านี่คงต้องเป็นความคิดของพี่จวิ้นเว่ยเป็นแน่? เขาเก่งเรื่องการบ้านการเมืองยิ่งนัก! จี๋ฮันเจียนเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
พี่จวิ้นเว่ย เหตุใดเจ้าจึงไม่แนะนําทุกคนให้พวกเรารู้จักอย่างเป็นทางการอีกครั้งเล่า? จักรพรรดิจี๋ฮั่นเจียนเอ่ยบอกกับจักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ย
เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นโอรสของข้าเองนามว่าหลู่หวัง ส่วนเด็กสาวนั่นก็เป็นธิดาของข้านามว่าหลู่หมิงยู่ และนี่ซูหยิง ชายาของข้าเอง! จักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ยแนะนําทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
โอรสของท่านนั้นรึ?! เขาดูมีพรสวรรค์อย่างมากจริงๆ! จักรพรรดิเฉียนเว่ยจ้องมองหลู่หวังอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยออกความเห็น
เขาเป็นโอรสของข้านะ จะเป็นเพียงแค่ขยะไร้ซึ่งพรสวรรค์ได้อย่างไรกันเล่า?! จักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ยเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
ตรงข้ามกับธิดาของท่าน.. ดูจากศักยภาพแล้วความแข็งแกร่งของนางแล้ว ก็มิได้โดดเด่นอะไรนัก แต่ทุกอย่างก็มักเป็นเช่นนี้ ดีกับแย่มักมาคู่กันเสมอ ธิดาของข้าเองก็มีพรสวรรค์ล้ําเลิศยิ่งนัก แต่โอรสของข้ากลับมิต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง!
จักรพรรดิเฉียนเว่ยออกความเห็นอย่างตรงไปตรงมา แม้ทุกคนฟังแล้วจะถึงกับต้องขมวดคิ้ว แต่จากน้ําเสียงของเขานั้น ก็มิได้บ่งบอกว่าพยายามจะดูถูกองค์หญิงหมิงผู้ให้อับอาย เพราะเขาเองก็พูดถึงบุตรชายของตนไปตามความจริงเช่นกัน
เอ่อ.. พวกเราเข้าไปคุยกันในห้องจะมิดีกว่า?!
จักรพรรดิจี๋ฮั่นเจียนเอ่ยขัดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มกว้าง เมื่อหันไปเห็นใบหน้าบูดบึงของจักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ย..
จริงสิ.. ทั้งสองท่านตามข้ามา!
จักรพรรดิหลู่จวิ้นเว่ยเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินนําจักรพรรดิทั้งสองตรงเข้าไปด้านใน จักรพรรดิเฉียนเว่ยเดินตามไป โดยมีจักรพรรดิจี๋ฮั่นเจียนเดินรั้งท้าย แต่ในระหว่างทางนั้นจักรพรรดิจี๋ฮั่นเจียนก็ได้เดินแยกไปหาองค์หญิงหมิงยู่ พร้อมเอ่ยกับนางว่า
หมิงยู่ เจ้าอย่าได้ถือสาคําพูดของจักรพรรดิเฉียนเว่ยเลยนะ เขาเป็นคนมีอุปนิสัยจริงจัง และชอบคิดอะไรร้ายๆเสมอ เจ้าเองเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ยิ่งนัก อย่าได้นําคําพูดของเขามาใส่ใจล่ะ…
จักรพรรดิจี๋ฮั่นเจียนยกมือขึ้นลูบไล้ศรีษะของหมิงยู่ พร้อมกับยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินจากไป..
เหตุใดข้าต้องถือสาคําพูดของเขาด้วยเล่า? ในเมื่อทุกอย่างที่เขาพูดล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น ข้ารู้ตัวอยู่แล้วว่าพรสวรรค์ของตนเองมิอาจเทียบพี่ใหญ่ได้!
องค์หญิงหมิงยู่พึมพําพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากที่จักรพรรดิทั้งสามจากไปแล้ว แต่ความจริงนั้นนางได้เก็บซ่อนความเศร้าโศกไว้ภายใต้รอยยิ้มนั้น..
แม่สาวน้อย. ข้าเพิ่งจะบอกกับเจ้าก่อนหน้านี้ว่า เจ้านั้นมีความพิเศษอยู่ในตัวเอง ฉะนั้นอย่าได้รู้สึกเสียใจล่ะ! หลู่หวังเอ่ยปลอบโยนน้องสาว
ข้ารู้ องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบยิ้มๆ
ท่านแม่.. ที่จักรพรรดิเฉียนเว่ยกล่าวว่า สงครามของสองแคว้นเริ่มต้นเพราะแคว้นเอสเทอเรียของเรา มันหมายความเช่นใดงั้นรึ? แล้วเรื่องผิดคําสัญญาด้วย พวกเขาพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?! จู่ๆ องค์หญิงหมิงยู่ก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
จริงด้วย! ข้าเองก็อยากรู้เรื่องเหล่านี้เช่นกัน เหตุใดข้าจึงมิเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลยล่ะท่านแม่? หลู่หวังเอ่ยถามเช่นกัน
พวกเจ้าสองคนย่อมมิรู้เรื่องเหล่านี้เป็นแน่ เพราะมิได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของแคว้นเรา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของเราทั้งสิ้น.. ซูจิงจ้องมองสองพี่น้องในขณะที่เอ่ยตอบ
แคว้นเราผิดคําสัญญาจริงๆงั้นรึ? แต่เหตุใดเพียงแค่ผิดคําสัญญา จึงเป็นเหตุให้เกิดสงครามจนผู้คนต้องล้มตายกันมากมายเช่นนี้ด้วย? คําสัญญาเรื่องใดกันจึงได้กลายเป็นชะนวนให้เกิดความรุนแรงถึงเพียงนี้ได้? องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของมารดาด้วยความสงสัยใคร่รู้
คํามั่นสัญญานั่น เป็นเหตุให้ผู้คนล้มตาย และทําให้จักรพรรดิแห่งเฉียนในครั้งนั้น โกรธจนแทบคลุ้มคลั่ง! ซู่จิงเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงที่เบาราวกระซิบ