เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 16
ตอนที่ 16 ภายในแหวนบรรจุ
ทันทีที่หลงเฉินได้เห็นพื้นที่ภายในของแหวนบรรจุ เขาก็ได้แต่ตกตะลึงและนึกอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ภายในพื้นที่กว้างใหญ่มากกว่าหนึ่งกิโลเมตรนั้น มีสิ่งของอยู่ด้านในเพียงแค่สองชิ้น จึงยังเหลือพื้นที่โล่งอีกมาก
ของสิ่งแรกที่เขาเห็นคือสร้อยคอเส้นหนึ่ง มีลักษณะใสเป็นประกายระยิบระยับและงดงามยิ่งนัก งดงามจนแม้แต่ตัวหลงเฉินเองยังตกตะลึง เขาเรียกสร้อยเส้นนั้นออกมาจากแหวนบรรจุ หลังจากลูบไล้สัมผัสอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจนำมาสวมที่คอ
ของชิ้นที่สองเป็นไข่รูปร่างแปลกประหลาดใบหนึ่ง หลงเฉินเพ่งมองอยู่นานจึงมั่นใจว่า ตนมิเคยพบเห็นไข่ที่่ไหนใบใหญ่เท่านี้มาก่อนเลย และไข่ใบนี้ก็มีความสูงถึงครึ่งเมตรได้..
หลงเฉินเรียกไข่ใบใหญ่นี้ออกมาจากแหวนบรรจุ หลังจากสำรวจดูอย่างละเอียด จึงพบว่าไข่ใบนี้หาได้มีสิ่งใดพิเศษนอกเหนือไปจากตัวอักษรโบราณสองสามคำบนเปลือกไข่ และดูเหมือนว่านี่จะมิใช่ไข่ของสัตว์ธรรมดาทั่วไป
หลงเฉินได้ลองถ่ายเทพลังชี่ในร่างของตนลงไปที่ไข่ใบนั้น แต่เขาก็ต้องตกใจอย่างมากเมื่อพบว่า ไข่ใบนี้ดูดเอาพลังชี่จากปลายนิ้วของเขาเข้าไปราวกับสุนัขจิ้งจอกที่หิวโหยและอดอยากมานาน
หลังจากลองถ่ายเทพลังชี่ไปเพียงแค่เล็กน้อย หลงเฉินก็ต้องหยุดทันที เพราะเกรงว่าจะถูกไข่ใบนี้ดูดเอาพลังชี่ของตนเข้าไปจนหมด และเมื่อเขาหยุดการถ่ายเทพลังชี่ให้กับไข่ใบนี้ ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นให้เห็น ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวภายในเปลือกไข่
หลงเฉินตั้งใจไว้ว่า จากนี้ไปเขาจะถ่ายเทพลังชี่ของตนลงไปในไข่ใบนี้ทุกวันครั้งละเล็กครั้งละน้อย ไม่แน่ว่าไข่ใบนี้อาจจะฟักออกมาเป็นตัวก็ได้ เขาเริ่มนึกประหลาดใจว่าภายในไข่ใบนี้จะมีอสูรชนิดใดอยู่กันแน่?
โลกใบใหญ่ที่เขาอยู่ในตอนนี้ หาใช่มีเพียงผู้ฝึกยุทธ แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆอีกหลากหลาย มีทั้งที่หลงเทียนเคยอ่านพบในตำรา และมีทั้งที่เขาไม่เคยอ่านพบมาก่อนด้วย
สิ่งมีชีวิตอื่นนอกเหนือจากมนุษย์ ก็คือสัตว์และเหล่าอสูรทั้งหลาย แม้อสูรจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับสัตว์ทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้พวกมันแตกต่างจากสัตว์ทั่วไปก็คือความแข็งแกร่ง!
เหล่าอสูรก็มีลำดับขั้นของมันเช่นกัน ระดับต่ำสุดเรียกว่าสัตว์อสูรเถื่อน แม้ว่าพวกมันจะเป็นอสูรที่อ่อนแอที่สุดในเหล่าอสูรด้วยกัน แต่มันก็แข็งแกร่งเท่ากับผู้ฝึกยุทธอาณาจักรปรับกายา และแบ่งเป็นระดับชั้นจากอ่อนด้อยที่สุดคือระดับหนึ่งไปจนถึงแข็งแกร่งที่สุดระดับสิบ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในโลกใบนี้ว่า สัตว์อสูรย่อมแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในระดับชั้นเดียวกัน
สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งไปกว่านั้นก็คือสัตว์อสูรวิญญาณ สูงกว่าสัตว์อสูรวิญญาณก็คือสัตว์อสูรแก่นทองคำ สัตว์อสูรพิภพ สัตว์อสูรนภา และสัตว์อสูรสวรรค์ตามลำดับ จะคล้ายกับขั้นอาณาจักรของเหล่าผู้ฝึกยุทธ คนในโลกนี้แบ่งประเภทของสัตว์อสูรตามความแข็งแกร่งของพวกมัน
เหล่าสัตว์อสูรยังมีระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือดเช่นกัน ระดับชั้นสถานศักดิ์ล้วนถูกจำแนกตามระดับความบริสุทธิ์ของสายเลือดพวกมัน โดยมีสายเลือดที่บริสุทธิ์น้อยที่สุดอยู่ที่ สายเลือดทั่วไป ขยับขึ้นมาเป็นสายเลือดราชา, สายเลือดจักรพรรดิ, สายเลือดเซียน และสายเลือดเทวะ
สัตว์อสูรที่มีสายเลือดเซียนนับว่าเป็นเพียงตำนานเล่าขานกันเท่านั้น จึงแทบไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรสายเลือดเทวะเลย
ระดับชั้นของสายเลือดมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวด สิ่งนี้ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพแฝงที่เหนือกว่าเท่านั้นในระดับพลังเดียวกัน แต่ยังรวมไปถึงสถานะศักดิ์ที่ต่างชั้นกันโดยพินิจจากรัศมีกลิ่นอาย
หลงเฉินสงสัยยิ่งนักว่าไข่ใบนี้มีอสูรชนิดใดอยู่กันแน่? ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งตื่นเต้นและอยากจะเห็นไข่ฟักออกมาเป็นตัวโดยเร็ว จะได้รู้ว่าเป็นอสูรตนใดอยู่ภายในกันแน่
นอกเหนือจากสองสิ่งนี้แล้ว หลงเฉินก็ไม่พบอะไรอีกในพื้นที่โล่งกว้าง เขาเรียกไข่ยักษ์สีดำใบนั้นกลับเข้าไปเก็บไว้ในแหวนบรรจุตามเดิม และเริ่มออกเดินหาผลไม้ที่กินได้อีกครั้ง
แต่หลังจากที่เดินสำรวจอยู่อีกครู่ใหญ่ เขาก็ไม่พบสิ่งใดที่พอจะกินประทังความหิวได้เลย จึงได้ตัดสินใจเดินกลับไปที่เดิม ระหว่างทางที่เดินกลับนั้น หลงเฉินยังคงผ่านต้นไม้ที่มีผลคล้ายแอบเปิ้ลสีทอง และครั้งนี้เขาตัดสินใจเด็ดมันเข้าไปเก็บไว้ในแหวนบรรจุ
และเมื่อไปถึงชายฝั่งทะเลสาบ เสื้อผ้าที่เขาตากไว้ก็เริ่มแห้งพอดี แม้จะอยู่ในป่าทึบเช่นนี้ หลงเฉินก็ไม่พอใจที่จะเดินเปลือยกายล่อนจ้อน จึงรีบสวมเสื้อผ้ากลับไปดังเดิม
หลงเฉินหย่อนก้นลงนั่งบนหินก้อนหนึ่งพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน และกำลังครุ่นคิดว่าตนเองจะขึ้นไปจากก้นเหวนี้ได้อย่างไร?
ระหว่างที่หลงเฉินกำลังเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับครุ่นคิดหาวิธีออกจากที่นี่อยู่นั้น เขามิได้ทันสังเกตเห็นว่าสร้อยคอที่เขาสวมอยู่นั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างช้าๆ
จนกระทั่งความมืดมิดมาเยือน หลงเทียนจึงเริ่มรู้สึกหิวมากขึ้น เขาจึงตัดสินใจเรียกผลไม้สีทองออกมาจากแหวนของตน
“ช่างเถอะ! จะเป็นอะไรก็ช่าง ยังไงข้าก็จะกินแล้ว!” หลงเฉินพึมพำกับตัวเองในขณะที่จ้องมองผลไม้สีทองในมือ
เขาตัดสินใจที่จะเสี่ยงกินผลไม้สีทองลูกนี้ เพราะอย่างน้อยตายเพราะพิษของมัน ก็ยังดีกว่าที่จะต้องหิวตายอยู่ที่นี่
ทันทีที่เขากัดกินเข้าไปเพียงแค่หนึ่งคำ หลงเฉินก็รู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันใด ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อครู่พลันมลายหายไปสิ้น เปลี่ยนเป็นความแข็งแกร่งเข้ามาทดแทน
“นี่มันผลไม้อะไรกัน? ข้ากัดกินไปเพียงแค่คำเดียว แต่กลับรู้สึกมีพละกำลังกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีเช่นนี้ อีกทั้งรสชาติยังเอร็ดอร่อยยิ่งนัก” หลงเฉินพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกประหลาดปนอัศจรรย์ใจ และกัดกินผลไม้สีทองนี้ต่ออย่างมีความสุข
แม้ว่าเขาจะชื่นชอบรสชาติของผลไม้ชนิดนี้มาก แต่เขาก็ตัดสินใจกินเข้าไปเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น เพราะแม้แต่ตนเองยังมิรู้ว่าจะสามารถออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร และจะต้องติดอยู่ที่ก้นเหวนี้อีกนานเพียงใด?
หลังจากกินผลไม้สีทองประทังความหิวไปได้แล้ว หลงเฉินก็เริ่มฝึกปรือยุทธตามความทรงจำที่มี และพบว่าการฝึกปรือก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วกว่าก่อนมาก
เขาสัมผัสได้ว่าตนเองจักสามารถทะลวงสู่อาณาจักรต่อไปได้อีกในไม่ช้า หลังจากฝึกวิชาอยู่ครู่ใหญ่ หลงเฉินจึงเริ่มหาที่หลับนอน เขาใช้ใบไม้ปูบนพื้นแทนเสื่อ ก่อนจะทิ้งร่างลงนอนหลับไหล
…..
หลังจากที่หลงเฉินถูกผลักตกผาสวรรค์แล้ว ผู้คนในตระกูลต่างก็พากันออกตามหากันให้จ้าละหวั่น
ซือหม่าจวี้อี๋นำข้าวปลาไปให้หลงเทียนที่ห้อง แต่พบเห็นเพียงห้องว่างเปล่า จึงคิดว่าหลงเทียนคงจะออกไปเดินเล่นเหมือนเช่นเคย แต่จนกระทั่งล่วงเข้าสู่ยามเย็น เขาก็ยังไม่กลับมา..
ซือหม่าจวี้อี๋เริ่มเป็นกังวลมากขึ้น และเริ่มออกตามหาไปทั่วทั้งเรือนแต่ก็ไม่พบหลงเทียนในที่ใดเลย ในที่สุดนางจึงตัดสินใจแจ้งให้หลงเหรินทราบ หลงเหรินที่กำลังฝึกปรือวิชาอยู่ เมื่อได้ทราบข่าวจึงรีบสั่งทุกคนให้ช่วยกันออกตามหาหลงเทียนในทันที
หลังจากที่ทุกคนช่วยกันออกตามหาครู่ใหญ่ จึงได้เบาะแสมาว่า มีผู้พบเห็นหลงเทียนเข้าไปที่หอตำรา แต่หลังจากนั้นก็มิมีผู้ใดพบเห็นเขาอีกเลย
ทุกคนต่างก็พากันออกตามหาหลงเทียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลงเสวียอิ๋งที่ดูเหมือนจะกังวลใจ และเป็นห่วงเป็นใยเขามาก แม้แต่หลงซูก็ช่วยออกตามหาหลงเทียนเช่นกัน สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความห่วงใยในตัวหลงเทียนยิ่งนัก แต่ภายในใจกลับหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข
แต่หลังจากที่ทุกคนช่วยกันตามหาจนทั่วทุกมุมของตำหนักตระกูลหลงแล้ว ก็มิมีผู้ใดหาหลงเทียนพบเลยแม้แต่คนเดียว
ภายในเรือนพักของหลงเหรินเวลานี้ หลังจากที่ช่วยกันตามหาหลงเทียนแล้ว เหล่าสมาชิกคนสำคัญของตระกูลหลงต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่มากมาย หลงเหรินนั่งนิ่งจมอยู่กับห้วงความคิด ในขณะที่ซือหม่าจวี้อวี๋เอาแต่นั่งร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย