เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 21
ตอนที่ 21 ผลึกปราณ
หลังจากตัดสินใจว่าจะบินออกจากก้นเหวลึกแห่งนี้แล้ว หลงเฉินก็ได้กลับไปที่ต้นผลไม้ทองคำอีกครั้ง และทำการเด็ดผลไม้ทองคำเข้าไปเก็บไว้ในแหวนบรรจุของตน
จากนั้นหลงเฉินจึงได้เดินกลับมาที่ริมทะเลสาบ และตอนนี้ก็ได้เวลาที่เขาจักต้องกลับตระกูลหลงเสียที..
หลงเฉินเหลียวมองรอบกายอีกเป็นครั้งสุดท้าย เขาต้องการที่จะเก็บภาพภายในก้นเหวลึกแห่งนี้ไว้ในความทรงจำ เพราะอย่างน้อยที่แห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนชีวิตของเขาไปอย่างมาก
หลงเฉินเริ่มปลดปล่อยพลังชี่ออกมา และเวลานี้ปีกงดงามสองข้างก็ได้ก่อตัวขึ้นบนแผ่นหลังของเขา ด้านหนึ่งเป็นสีทองสุกสว่าง สวนอีกด้านเป็นสีดำสนิท จากนั้นหลงเฉินจึงค่อยๆขยับปีกทั้งสองโบยบินขึ้นสู่ท้องนภา ความเร็วในการบินของเขาค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเวลานี้หลงเฉินก็ได้โบยบินอยู่ในห้วงอากาศแล้ว
หลงเฉินสุขใจยิ่งนักที่จะได้กลับตระกูลหลง เขาอยากจะรู้นักว่า หากหลงซูได้เห็นเขาก้าวเท้าเข้าตระกูลหลงแล้ว มันจะมีสีหน้าเช่นใดกันแน่?
แต่เมื่อหลงซูโบยบินขึ้นไปได้ราวห้าสิบเมตร จู่ๆ ปีกมารสวรรค์ของเขาก็ได้สลายหายไป ร่างของเขาร่วงหล่นลงบนผืนดินอีกครั้ง แต่นับว่าโชคดีที่เขาเป็นผู้ฝึกยุทธในขั้นอาณาจักรผสานวิญญาณ จึงมิได้รับบาดเจ็บอันใดมากนัก
“ห๊ะ.. เพียงแค่บินขึ้นไปไม่กี่อึดใจ ก็ใช้พลังชี่ของข้าจนหมดเลยรึ?” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหงุดหงิดขุ่นเคือง
หลงเฉินบินขึ้นไปได้เพียงแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้น ปีกมารสวรรค์ก็ได้สูบเอาพลังชี่ภายในร่างของเขาไปอย่างมากมาย และเมื่อพลังชี่หมด ปีกทั้งสองก็สลายหายไปในทันที หลงเฉินจึงตระหนักได้ว่า วรยุทธต่อสู้นี้สามารถสูบเอาพลังชี่ของเขาเข้าไปจนหมดภายในเวลาเพียงแค่สองสามอึดใจ และเขาก็จะบินได้เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น
“แม้นนี่จะเป็นวิชาที่ล้ำเลิศยิ่ง แต่ก็ต้องใช้พลังชี่สูงมาก หากต้องการจะกลับตระกูลหลง ข้าจำต้องฝีกปรือให้แข็งแกร่งกว่านี้ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจึงจะมีพลังชี่เพียงพอที่จะบินไปจนถึงด้านบนได้” หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง
‘เช่นนั้นก็ดีเหมือนกัน ข้าเองก็ต้องการฝึกปรือให้แข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ เพื่อที่จะสามารถสังหารหลงซูได้!’ หลงเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง
หลงเฉินนั่งครุ่นคิดอยู่บนก้อนหินอีกครู่ใหญ่ ในเมื่อแผนการที่จะกลับตระกูลหลงต้องล่าช้าลงเพราะพลังชี่ไม่เพียงพอ เขาจึงเปลี่ยนใจลงไปว่ายน้ำเล่นในทะเลสาบแทน เพื่อให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นขึ้นกว่านี้ แล้วจึงค่อยลงมือฝึกวรยุทธบ่มเพาะ
หลงเฉินถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่ออก แล้วกระโดดลงไปในทะเลสาบทันที ระหว่างที่เขาว่ายน้ำเล่นอยู่ครู่ใหญ่นั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่แปลกตา สิ่งนี้ได้ทำให้ท้องน้ำบริเวณนั้นกลายเป็นสีน้ำเงิน
เมื่อครั้งที่หลงเฉินถูกหลงซูผลักตกจากหน้าผา และร่างร่วงหล่นลงสู่ทะเลสาบแห่งนี้นั้น เขาไม่ทันสังเกตเห็นความแปลกประหลาดนี้เพราะมัวแต่จดต่ออยู่กับการเอาชีวิตรอดเท่านั้น อีกทั้งเวลานั้นเขายังมิได้เข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณด้วย
หลงเฉินแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเลสาบ และสัมผัสได้ว่าภายใต้ผืนน้ำบริเวณนี้เปี่ยมไปด้วยพลังชี่บริสุทธิ์ที่สามารถดูดซับเข้าไปในร่างได้ และช่วยย่นเวลาในการฝึกให้กับผู้ฝึกยุทธบ่มเพาะอีกด้วย
“เหตุใดพลังชี่ภายในทะเลสาบแห่งนี้จึงได้มีมากกว่าห้วงอากาศด้านนอก?” หลงเฉินพึมพำออกมาด้วยความสงสัย
หลังจากครุ่นคิดหาเหตุผลอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดหลงเฉินก็สันนิษฐานได้ว่า ทะเลสาบแห่งนี้อาจเป็นทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็ภายในทะเลสาบแห่งนี้น่าจะต้องมีต้นกำเนิดพลังชี่ที่มีความบริสุทธิ์สูงยิ่ง แต่เขาคาดว่าข้อสันนิษฐานสุดท้ายน่าจะเป็นไปได้มากกว่า จึงตัดสินใจที่จะเสาะหาต้นกำเนิดของพลังชี่ที่บริสุทธิ์นี้
หากเขาสามารถค้นพบต้นกำเนิดของพลังชี่ภายในทะเลสาบแห่งนี้ได้ และสามารถดูดซับเอาพลังชี่บริสุทธิ์เข้าไปในร่างได้มากเท่าใด การฝึกวรยุทธบ่มเพาะของเขาก็จะยิ่งก้าวหน้าได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น ความหวังที่จะกลบตระกูลหลงก็จะยิ่งเร็วขึ้น
หลงเฉินแหวกว่ายไปไปมาเพื่อค้นหาแหล่งกำเนิดของพลังชี่บริสุทธิ์ใต้ท้องทะเลสาบ เวลานี้เขาเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณแล้ว จึงสามารถดำดิ่งอยู่ในน้ำลึกได้นานโดยมิต้องหายใจ และหลังจากที่ดำลึกลงไปได้เพียงแค่หนึ่งร้อยเมตร หลงเฉินก็พบแสงสีน้ำเงินส่องประกายสุกสว่างอยู่ไกลๆ
หลงเฉินเร่งว่ายตรงเข้าไปทางแสงสว่างนั้นทันที หลังจากดำดิ่งลึกลงไปอีกราวห้าสิบเมตร หลงเฉินจึงมองเห็นว่าแสงนั้นมาจากที่ใด ลึกลงไปด้านล่างของทะเลสาบแห่งนั้นมีผลึกแก้วใสสีน้ำเงินตกอยู่
หลงเฉินรีบดำลงไปหยิบผลึกแก้วนั้นเก็บเข้าไปไว้ในแหวนบรรจุทันที และเริ่มมองหาสิ่งอื่นอีก หลังจากดำสำรวจอยู่ครู่ใหญ่ หลงเฉินก็พบเห็นผลึกแก้วที่มีลักษณะคล้ายกับผลึกแก้วชิ้นแรกที่พบอีก เขาจึงเก็บกลับเข้าไปในแหวนบรรจุเช่นกัน จากนั้นจึงเริ่มแหวกว่ายมองหาอีก แต่หลังจากที่หาอยู่นานก็ไม่พบผลึกแก้วใดอีก และหลงเฉินก็ไม่สามารถอยู่ใต้ผืนน้ำได้นานกว่านี้อีกแล้ว
หลงเฉินจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะค้นหาต่อ แล้วว่ายกลับขึ้นไปยังผิวน้ำ หลังจากที่ขึ้นเหนือผิวน้ำได้ หลงเฉินก็รีบว่ายกลับเข้าฝั่งทันที
หลังจากสวมเสื้อผ้ากลับดังเดิมแล้ว หลงเฉินก็หยิบผลึกแก้วสีน้ำเงินขึ้นมาพินิจดูอย่างละเอียด..
“ในที่สุดข้าก็พบเจอสิ่งนี้เข้าโดยบังเอิญ ข้าย่อมจดจำมันได้ดี.. หากมีสิ่งนี้ ความหวังที่จะกลับตระกูลหลงก็จะเป็นไปได้เร็วขึ้น” หลงเฉินบอกกับตัวเอง
หลงเฉินจำได้ว่าผลึกแก้วนี้แท้จริงคือ ‘ผลึกปราณ’ ผลึกปราณนี้เกิดจากการตกผลึกของพลังชี่ในธรรมชาติ ผลึกนี้นับเป็นที่ต้องการของผู้ฝึกยุทธบ่มเพาะยิ่งนัก อีกทั้งยังสามารถใช้แทนเงินตราแลกเปลี่ยนกันในเหล่าผู้ฝึกยุทธด้วย
แต่ผลึกปราณที่หลงเฉินพบนั้นแตกต่างจากผลึกใสทั่วไป จากที่หลงเฉินเคยอ่านตำราเกี่ยวกับผลึกปราณมานั้น จึงได้รู้ว่าผลึกปราณในโลกนี้มีหลายระดับ และที่ผู้ฝึกยุทธบ่มเพาะทั่วไปใช้กันนั้นก็คือผลึกปราณระดับต่ำ สูงขึ้นไปก็คือระดับกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด
ผลึกปราณที่ผู้ฝึกยุทธบ่มเพาะทั่วไปมีนั้นล้วนเป็นผลึกปราณระดับต่ำ ส่วนผลึกปราณระดับกลางนั้นพบเจอได้น้อยมาก การแลกเปลี่ยนผลึกปราณในโลกใบนี้นั้น ผลึกปราณระดับกลางมีค่าเท่ากับผลึกปราณระดับต่ำหนึ่งพันชิ้น ผลึกปราณระดับสูงมีค่าเท่ากับผลึกปราณระดับกลางหนึ่งร้อยชิ้น
ส่วนผลึกปราณระดับสูงสุดนั้น ได้กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานไปเสียแล้ว เป็นสิ่งที่มิอาจพบเจอได้ในทุกวันนี้ นั่นเพราะผลึกปราณระดับสูงสุดชิ้นสุดท้ายที่มีผู้ฝึกยุทธได้พบเจอนั้นคือเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน และหากผู้ใดมีผลึกปราณระดับสูงสุดนี้ คงจะนำมาแลกเปลี่ยนเป็นผลึกปราณระดับสูงได้มากกว่าร้อยชิ้นเป็นแน่
และผลึกใสสีน้ำเงินที่หลงเฉินได้มานั้นก็คือ ผลึกปราณระดับสูงสุด!