เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 6
ตอนที่ 6 ศึกแรก
หลงเทียนย่างตรงเข้าไปยังโรงฝึกซ้อมด้านใน หลังจากเดินเข้าไปได้สักพัก ก็เริ่มมีใครบางคนสังเกตเห็น
“ฮ่าๆ พวกเราทุกคน วันนี้โชคดีมากที่มีโอกาสได้เห็นยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเรา เขาคือนายน้อยหลงเทียน! ฮ่าๆๆ…”
เสียงพูดจาถากถาง และเสียงหัวเราะเยาะจากใครบางคนพลันดังกึกก้อง คนผู้นี้นามว่าหลงมั่นเทียน เป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลหลงเช่นกัน แต่มาจากสาขาย่อย
ตระกูลหลงนั้นมีสาขาย่อยกระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งจักรวรรดิ และสาขาหลักอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ หล่าตระกูลสาขาย่อยทั่วจักรวรรดิ จะมีเพียงสมาชิกบางคนที่โดดเด่นเข้าตาจริงๆเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ย้ายเข้ามาในตระกูลหลงสาขาหลักได้ เพื่อทรัพยากรและสถานที่การฝึกปรือที่เหนือชั้นกว่า
หลงมั่นเทียนเป็นหนึ่งในตระกูลสาขาย่อย หน้าตาหาได้ดีมากไม่ มีผมสั้นดำเข้ม ปลายจมูกกลม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา เพียงแค่พบเห็นครั้งแรกก็รู้ว่ามิได้มีอะไรดี แม้พรสวรรค์ของเขาจะมิอาจเทียบเท่าเหล่าสมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลหลัก แต่การที่เขาสามารถช่วงชิงโอกาสเข้ามาฝึกปรือที่นี่ได้ ก็นับว่ามิอาจประมาทคนผู้นี้ได้
เมื่อเข้ามาถึง หลงมั่นเทียนเข้าตีสนิทกับหลงอัน และกลายมาเป็นผู้ติดตามเขาในที่สุด จนกระทั่งอายุเข้าสิบสี่ปีแล้ว แต่ก็ยังอยู่แค่อาณาจักรปรับกายาระดับสิบขั้นต้นเท่านั้น
“นายน้อยเทียน ไฉนวันนี้จึงได้แต่งตัวหล่อเหลาเสียเช่นนี้? หรือวันนี้เจ้าจะแต่งงานรึ? แม่นางคนใดกันที่โชคร้ายถึงเพียงนี้? เจ้าก็รีบๆไปแต่งงานกับนางเสีย ก่อนที่นางจะทำใจมิได้และฆ่าตัวตายไปเสียก่อน! ฮ่าๆๆ”
หลงมั่นเทียนระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่น
‘คำดูถูกเด็กๆพื้นๆแบบนี้ คิดว่าจะยั่วโมโหข้าได้หรือไง?’ หลงเฉินแอบครุ่นคิดภายในใจ ขณะที่เห็นหลงมั่นเทียนเดินตรงเข้ามาใกล้
“หรือว่าเจ้าจะไปร่วมรบมหาศึกชิงสวรรค์หรืออย่างไร? อย่างเจ้าคงได้เป็นแม่ทัพกระมัง? ฮ่าๆๆ… หากต้องประมือกับศัตรู เจ้าจะทำเยี่ยงใด? จ้องมองแน่นิ่งจนอีกฝ่ายต้องขอยอมแพ้รึ?”
ขณะที่หลงมั่นเทียนระเบิดเสียงหัวเราะเยาะออกมานั้น เขาก็ได้เดินตรงเข้าไปตบบ่าทั้งสองข้างของหลงเทียน พร้อมกับดึงร่างของเขาให้เดินตามไปในกลุ่มของเหล่าเยาวชนคนอื่นๆ
ความทรงจำผุดขึ้นมาในหัวของหลงเฉิน ทำให้เขารู้ว่านี่คือตนที่ชอบรังแกเขาที่สุด!
‘ไว้ฉันจะหาโอกาสสั่งสอนแกให้หราบจำบ้าง!’ หลงเฉินครุ่นคิดกับตัวเองไปขณะที่ปล่อยให้หลงมั่นเทียนลากตนเองไ
ขณะที่พวกเขาทั้งคู่เดินผ่านเหล่าเยาชนที่กำลังฝึกปรือนั้น บางคนเหลือบมองหลงเทียนด้วยแววตาสมเพช ในขณะที่บางคนยิ้มเย้ยและเป็นสุขกับความทุกข์ของผู้อื่น
และยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่แม้แต่เหลือบมองด้วยซ้ำไป ก็แค่เด็กปัญญาอ่อนคนหนึ่งไหนเลยมีค่าให้ผู้ใดสนใจ..
“นายน้อยอัน ดูสิข้าพาใครมาพบ… นายน้อยเทียน ลูกพี่ลูกน้องของท่านไงเล่า”
หลงมั่นเทียนลากหลงเทียนเข้าไปหาหลงอัน เพื่อที่จะนำตัวเขามากระทืบเล่นสักสองสามที สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกบันเทิงใจได้เสมอ
“อย่าเรียกไอ้สวะนี่ว่าลูกพี่ลูกน้องข้า สวะอย่างมันไม่มีคุณสมบัติจะยืนต่อหน้าข้าด้วยซ้ำ พามันออกไปแล้ว วันนี้ข้าไม่มีอารมณ์กระทืบมัน อยากจะเล่นก็ไปเล่นคนเดียวเถอะ ข้าจะฝึก!”
หลงอันเอ่ยปากกล่าวโดยไม่แลมองด้วยซ้ำ ยามนี้เขายังคงร่ายกระบวนฝึกซ้อนอย่างหนักต่อไป
‘หึ ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะดูถูกเหยียดหยามข้าไม่น้อยเลย อืม…มันมีทุนรอนที่จะหยิ่งผยอง ตอนนี้ข้าหาใช่อัจฉริยะอีกต่อไป ยามนี้ข้าไม่สามารถต่อสู้กับมันได้จริงๆ’ หลงเฉินพลางครุ่นคิดภายในใจ
“เอาล่ะ เช่นนั้นนายน้อยอันตั้งใจฝึก ข้าจะลากไอ้สวะนี่ออกไปสั่งสอนเสียหน่อย”
หลงมั่นเทียนระเบิดหัวเราะขณะลากหลงเทียนออกไป แต่ภายในใจก็รู้สึกเศร้าสร้อยเช่นกันที่คราวนี้หลงอันมิได้ออกไปเล่นกับตน ถึงอย่างไรเขายังคงนำหลงเทียนออกไปยังด้านนอก
หลังจากลากหลงเทียนออกไปยังพื้นที่เปลี่ยว หลงมั่นเทียนเหลียวซ้ายแลขวาเล็กน้อยเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถวๆนั้น ก่อนจะผลักอีกฝ่ายจากด้านหลัง แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงมากแค่ไหน กลับไม่สามารถผลักหลงเทียนให้ล้มได้เลย
หลงเฉินเตรียมพร้อมหยิบใช้กลอุบายเล็กๆน้อยๆรับมือกับอีกฝ่ายไว้นานแล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไรเขา ยามนี้โคจรพลังแผ่กระจายออกไปทั่วร่างเพื่อค้ำยันให้หนักแน่นดุจหินผา
หลงมั่นเทียนตกใจอย่างมากที่ตนไม่สามารถผลักอีกฝ่ายให้ล้มได้ ไม่สิ…แม้แต่ขยับเขยื้อนสัดนิดยังทำไม่ได้ ถึงขั้นสำแดงใช้ขุมพลังอาณาจักรปรับกายาระดับสิบก็แล้ว
ในทางตรงข้าม หลงเฉินแทบมิได้หยิบใช้พลังอะไรมากมายเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า แม้ก่อนหน้านี้เขาจะกลายมาเป็นคนปัญญาอ่อน แต่ระดับพลังของหลงเทียนยังคงเสถียรอยู่ที่อาณาจักรปรับกายาระดับสิบขั้นสุด ถึงแม้เขาจะหยุดอยู่ที่ระดับชั้นนี้นานกว่าสี่ปีแล้ว แต่ที่เขายังคงรักษาระดับนี้ไว้ได้ เป็นเพราะโอสถจำนวนมากมายที่แม่ของเขาให้กินลงไป
ในขณะที่หลงมั่นเทียนอยู่แค่อาณาจักรปรับวิญญาณระดับสิบขั้นต้นเท่านั้น กล่าวได้ว่าเขาอ่อนด้อยกว่าหลงเฉินมาก
หลงมั่นเทียนพยายามผลักเขาออกสุดกำลังแต่กลับไม่เกิดผลใดๆ ขณะที่หลงเฉินระเบิดหัวเราะเยาะอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดหย่อน
“ไอ้สวะนี่! เจ้ากล้าหัวเราะเยาะข้างั้นรึ?!!”
หลงมั่นเทียนคำรามลั่นด้วยความโกรธจัด พร้อมกระชับกำปั้นซัดเข้าไปที่หน้าท้องของหลงเทียน โดยพลังทั้งหมดที่มีปลดปล่อยออกไป
หลงเฉินเห็นกำปั้นนั้นที่พวยพุ่งเข้ามาอย่างชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงหมัดที่เร็วมาก แต่อยู่ต่อหน้าเขากลับช้าราวกับเต่าคลาน ดังนั้นแล้ว หลงเฉินเร่งเร้าพลังปราณภายในร่างควบแน่นผลึกเป็นเกราะลมปราณห่อหุ้มร่างทันที
เสี้ยวอึดใจต่อมา กำปั้นหนักของหลงมั่นเทียนอัดกระแทกเข้ากับเกราะลมปราณสุดแกร่งกล้าอย่างจัง พร้อมคลื่นความเจ็บปวดที่โฉบแล่นขึ้นมาผ่านกำปั้นนั้นแทน ราวกับยกอัดกำแพงเหล็กเล่น ทันทีทันใด ร่างของหลงมั่นเทียนดีดเด้งกระเด็นออกไปกว่ายี่สิบฉื่อโดยตรง ยามนี้รู้สึกได้ทันทีว่ากระดูกมือของตนกำลังแตกร้าว เขาพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากยิ่ง และเห็นว่าหลงเทียนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าประชิดกายรออยู่แล้ว
หลงเทียนกระชักคอเสื้อของเขาและยกขึ้นลอยเคว้งกลางอากาศ หลงมั่นเทียนพยายามดิ้นคลายออกจากการเกาะกุม แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผล
“อ่า…อ่า…นายน้อยเทียน ท่าน…ท่าน…ปล่อยข้าเถิด ข้าผิดไปแล้ว ยกโทษให้ข้าด้วย! อย่าฆ่าข้าเลยนายน้อยเทียน! ข้า…ข้าขอเป็นทาสของท่าน ข้าขอเป็นทาสของท่าน!”
หลงมั่นเทียนเผยสีหน้าหวาดดกลัวจัดพร้อมรีบกล่าวขอขมาทันที
หลงเฉินแสยะยิ้มฉีกกว้างให้อีกฝ่าย แต่สำหรับหลงมั่นเทียนแล้ว รอยยิ้มนี้เสมือนรอยยิ้มของปีศาจก็ไม่ปาน…