เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 73
ตอนที่ 73 บีบให้ต้องลงมือ!
“คืนลูกแก้วที่เจ้าขโมยคืนมาเดี๋ยวนี้!! ข้าอนุญาตให้เจ้าอาศัยอยู่ในพระราชวัง แต่เจ้ากลับขโมยสิ่งของของพวกเราเช่นนี้รึ?!”
องค์ราชินีเมี่ยร้องตะโกนเสียงดังออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ทำให้หญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ถึงกับตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว..
“ลูกแก้วอันใด? นี่ท่านกำลังกล่าวอันใดกันองค์ราชินี?! ข้าหาได้ขโมยสิ่งใดไม่!!” หลงเฉินทำสีหน้าท่าทางตกใจ และตีหน้าซื่อคล้ายมิรู้เรื่องรู้ราว
“เจ้ามาตรงนี้!”
องค์ราชินีหันไปสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้องให้เข้ามาใกล้ นางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางหวาดกลัวยิ่ง..
“มิต้องหวาดกลัวไป ข้าหาได้ลงโทษเจ้าไม่ เอาล่ะ.. เจ้าบอกข้ามาตามตรงว่า เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนหน้านี้เขาอยู่ในห้องหรือไม่?” องค์ราชินเอ่ยถาม
“ใต้ฝ่าพระบาท.. ก่อนหน้านี้เขาเดินออกจากห้องไป และเพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม” สาวใช้หันไปมองหลงเฉินเล็กน้อน ก่อนจะตัดสินใจตอบองค์ราชินีไปตามความจริง
“นี่เจ้าปล่อยให้เขาออกไปเพียงลำพังงั้นรึ? คิดไม่ถึงว่าเจ้าจักเพิกเฉยต่อคำสั่งของข้าเช่นนี้!! ตัดนิ้วของเจ้าทิ้งหนึ่งนิ้วเดี๋ยวนี้ นี่คือบทลงโทษเพื่อเจ้าจักได้หราบจำ และมิกล้าทำผิดเช่นนี้อีก!” องค์ราชินีสั่งด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“นี่ท่านเสียสติไปแล้วรึ?! ข้าเพียงแค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้น และเป็นข้าที่สั่งให้นางมิต้องติดตามไป เหตุใดท่านจึงต้องทำโทษนางเช่นนั้นด้วยเล่า?” หลงเฉินตำหนิองค์ราชินีทันที
แต่เขาก็ถึงกับตกใจสุดขีดเมื่อเห็นสาวใช้ทำการตัดนิ้วของตนเองทิ้งจริงๆ และเวลานี้น้ำตาก็กำลังไหลอาบใบหน้าของนาง ที่กำลังอดกลั้นต่อความเจ็บปวดมิกล้ากรีดร้องออกมา
“เจ้าไปได้แล้ว!” ราชินีเมี่ยสั่งสาวใช้
“กลับมาที่ท่าน.. เวลานี้ลูกแก้วทั้งสองของข้าถูกคนขโมยไป คนร้ายแปลงโฉมเป็นองค์ชายอัลตันได้อย่างแนบเนียน จนแม้แต่ทหารอารักขายังมิอาจแยกแยะได้ ความสามารถล้ำเลิศเช่นนี้ เห็นทีจักมีเพียงท่านผู้เดียวเท่านั้นที่ทำได้ อีกทั้งเวลาที่ลูกแก้วหายไปยังเป็นเวลาเดียวกับที่ท่านหายไปจากห้องด้วย”
“ข้าจักเจรจากับท่านดีๆอีกครั้ง ส่งลูกแก้วทั้งสองคืนให้แก่ข้า แล้วข้าจักมิลงโทษท่าน!”
องค์ราชินีเมี่ยกล่าวกับหลงเฉิน และเห็นได้ชัดว่านางพยายามอย่างยิ่งที่จะกดข่มความโกรธภายในใจไว้
“ก่อนอื่นข้าก็ขอยืนยันว่า.. ข้ามิได้ขโมยลูกแก้วหรือสิ่งใดในวังแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย! ข้อสอง.. ท่านกล่าวหาข้าโดยมิมีหลักฐานเช่นนี้ อาจเป็นไปได้ว่านี่เป็นแผนการของท่านที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของข้าก็เป็นได้ เพราะท่านเองก็มิได้ชอบขี้หน้าข้าเช่นกัน! และที่สำคัญที่สุด.. ท่านเองก็หาได้มีคุณสมบัติพอที่จะทำโทษข้าไม่!” หลงเฉินตอบกลับยิ้มๆ
“ในเมื่อเจ้ากล่าวหาข้าเช่นนี้ ก็มิมีเหตุผลใดที่ข้าต้องอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไปอีก ฉะนั้น.. ข้าขอลา!”
หลงเฉินกล่าวจบก็ก้าวเท้าเดินจากไปทันที..
“นี่เจ้าคิดว่าจักสามารถขโมยสมบัติของข้าแล้วจากไปง่ายๆเช่นนี้ได้งั้นรึ? เจ้าโง่เขลาเกินไปแล้ว!”
ด้วยโทสะที่ครอบงำยิ่งเวลานี้ ราชินีเมี่ยใช้ทวนน้ำแข็งในมือพุ่งเข้าจู่โจมหลงเฉินจากด้านหลังทันที หลงเฉินหันกลับมาพร้อมกับใช้ดาบสะบั้นบรรพตสะกัดกั้นไว้ และจู่โจมกลับไปเช่นกัน
“พอกันที!! อย่าได้ทำให้ข้าโกรธมากไปกว่านี้ หากมิต้องการเห็นเผ่าของเจ้าต้องถูกทำลายจนเหลือเพียงแค่ซากปรักหักพัง และซากศพ!!”
หลงเฉินร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ในขณะที่ใช้ดาบในมือผลักทวนน้ำแข็งของราชินีเมี่ยออกไป..
ราชินีเมี่ยหยิบผลึกใสก้อนหนึ่งออกมาบดขยี้ แล้วเสียงเตือนก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งเผ่า ในขณะที่ค่ายกลอักษรรูนก็เริ่มเปล่งประกายส่องแสงออกมา จากนั้นทั่วทั้งเผ่าแบนชีก็มีกำแพงโปร่งใสครอบคลุมไว้โดยรอบ
ทุกคนในเผ่าต่างก็มองไปยังกำแพงโปร่งแสง พร้อมกับเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว..
“นั่นมันค่ายกลป้องกันจักรวรรดิของเรามิใช่รึ? เป็นค่ายกลที่ป้องกันมิให้ศัตรูบุกเข้ามาในจักรวรรดิของเราได้ แต่นอกจากจะมิมีผู้ใดบุกเข้ามาได้แล้ว ก็ยังมิมีผู้ใดสามารถออกไปได้ด้วยเช่นกัน!”
“ถูกต้อง!! ค่ายกลนี้จักทรงอานุภาพอยู่ได้ราวเจ็ดวัน จากนั้นต้องอาศัยเวลานับพันปีในการรื้อฟื้นจึงจักสามารถใช้ได้อีกครั้ง แม้แต่เหล่าอสูรกายที่แข็งแกร่งยังมิอาจฝ่าทำลายค่ายกลนี้เข้ามาได้ ในมหาสงครามคราวก่อน จักรวรรดิของเราก็เคยใช้ค่ายกลนี้ในการป้องการการุรกรานของเผ่าอสูรกาย หรือพวกมันจะรุกรานจักรวรรดิของเราอีกครั้งงั้นรึ?”
“เป็นไปได้มากทีเดียว! องค์ราชินีคงมิเปิดค่ายกลนี้ใช้แน่ หากเผชิญหน้ากับศัตรูที่อ่อนแอกว่าจอมราชันย์อสูรกาย”
เวลานี้ผู้คนในเผ่าต่างก็พากันพูดคุยและออกความเห็นในเรื่องนี้..
…….
หลงเฉินเดินออกจากพระราชวังใหญ่โต และกำลังจ้องมองกำแพงใสที่ปกคลุมอยู่..
“เจ้าอย่าคิดว่าที่ข้าปล่อยให้เจ้าออกจากวังได้แล้วทุกอย่างจะจบหรอกนะ! ข้าเพียงแค่มิต้องการให้วังของข้าต้องเสียหายเท่านั้นเอง..”
เสียงขององค์ราชินีเมี่ยดังขึ้นจากด้านหลัง ในมือของนางยังคงกำทวนน้ำแข็งไว้แน่น และเวลานี้ภาพของนางก็ดูไม่ต่างจากราชินีหิมะเลยแม้แต่น้อย
องค์ราชินีเมี่ยจู่โจมหลงเฉินอีกครั้งในขณะที่เขากำลังเดินตรงไปยังกำแพงใสที่ปกคลุมอยู่ และครั้งนี้พลังในการจู่โจมก็รุนแรงกว่าก่อนหน้ามาก หลงเฉินยกดาบในมือขึ้นสะกัดกั้นไว้ได้อีกครา และผลักร่างของราชินีเมี่ยถอยห่างออกไปได้อีกครั้ง
“ดูเหมือนเจ้าคงจักมิยอมให้ข้ากลับออกไปแต่โดยดีสินะ!”
หลงเฉินเอ่ยออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าไปหาองค์ราชินี และพบว่าตนเองสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งขึ้นหลังจากที่เขาสู่อาณาจักรแก่นปราณทองคำแล้ว เขาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์โดยที่ยังมิได้ใช้วิชาตัวเบาใดๆด้วยซ้ำไป
หลงเฉินควงดาบสะบั้นบรรพตของตนใส่ราชินีเมี่ยที่กำลังใช้ทวนน้ำแข็งจู่โจมใส่ตนเช่นกัน ไอเย็นจากดาบของหลงเฉินปะทะเข้ากับไอเย็นจากทวนน้ำแข็งของราชินีเมี่ย เขารู้สัมผัสได้ถึงความเย็นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ราชินีเมี่ยถึงกับปวดร้าวไปทั่วทั้งแขนจนต้องดึงมือกลับ
หลงเฉินที่กำลังตวัดดาบในมือเข้าใส่ราชินีเมี่ยถึงกับชะงักกลางคัน และรีบกระโดดหลบไปด้านข้างทันที เมื่อจู่ๆวัตถุแหลมคมทำจากน้ำแข็งก็พุ่งปักลงมาบนตำแหน่งที่เขายืนอยู่ก่อนหน้า หากเขาไม่สามารถหลบได้ทัน ย่อมต้องถูกของแหลมนี้ทิ่มแทงเข้าใส่ร่างเป็นแน่ หลงเฉินหันหลังกลับไปมองผู้ที่จู่โจมตนเองจากด้านหลัง และพบว่าเป็นองค์ชายอัลตันที่กำลังยืนอยู่
“นี่เจ้าด้วยงั้นรึ?!” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ
“ข้าคิดว่าท่านจักเป็นคนที่น่าเคารพนับถือดังเช่นปรมาจารย์เทียนเฉิน! แต่ข้าคิดผิด! คนดีย่อมต้องไม่ทำร้ายท่านน้าของข้าเช่นนี้! เจ้าเป็นมนุษย์ที่ชั่วร้าย! เจ้าจักต้องถูกลงโทษที่กล้าทำร้ายท่านน้าของข้า!” องค์ชายอัลตันร้องตะโกนออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
เวลานี้เหล่านักรบของชนเผ่าแบนชีต่างก็พากันวิ่งตรงเข้ามาเพื่อปกป้ององค์ราชินีของตน และต่างก็พุ่งเข้าจู่โจมหลงเฉินในทันทีโดยมิต้องให้ผู้ใดออกคำสั่ง
หลงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล..
“ข้าต้องการที่จะออกจากเผ่าแบนชีไปอย่างสงบ และมิต้องการให้เกิดการเข่นฆ่าขึ้น แต่พวกเจ้ากลับบีบคั้นให้ข้าต้องลงมือ! หากพวกเจ้าบีบให้ข้าต้องเลือกเดินเส้นทางเปื้อนเลือดเช่นนี้ ข้าก็คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้!”
หลงเฉินเอ่ยขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ในขณะที่ดาบสะบั้นบรรพตในมือของเขาก็จู่โจมออกไปทันที..
“โลงศพเหมันต์!” องค์ราชินีชี้ปลายทวนเข้าใส่ร่างของหลงเฉิน และใช้วรยุทธต่อสู้ของตน กำแพงน้ำแข็งทั้งสี่ด้านปรากฏขึ้นล้อมรอบร่างของหลงเฉินไว้ทันที และได้กลืนกินร่างของเขาไว้ภายใน จากนั้นด้านบนเหนือศรีษะของเขาก็ปรากฏแผ่นน้ำแข็งปิดทับไว้ กลายเป็นห้องน้ำแข็งสี่เหลี่ยมที่ปิดมิดชิด แล้วกำแพงทั้งสี่ด้านก็ค่อยๆบีบรัดเข้าใกล้ร่างของเขาอย่างช้าๆ
“นี่คือโลงศพเหมันต์ขององค์ราชินีที่ร่ำลือกัน?? ว่ากันว่าเป็นวรยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของพระองค์เลยทีเดียว กำแพงน้ำแข็งทั้งสี่ด้านนี้ แม้แต่จอมราชันย์แห่งอสูรกายยังมิอาจทำลายได้ และสามารถถูกกำแพงน้ำแข็งนี้บีบรัดจนตายได้..”
เหล่าทหารที่เห็นเห็นต่างก็พากันซุบซิบกันด้วยความตื่นตะลึง เมื่อเห็นหลงเฉินถูกขังไว้ภายในเช่นนั้น!
“ข้าเคยได้ยินมาว่า ในมหาสงครามก่อนหน้า พระองค์ใช้วรยุทธนี้สังหารเหล่าจอมราชันย์อสูรกายตายไปตั้งมากมาย! แต่ครั้งนั้นดูเหมือนวิชานี้ก็ได้ทำร้ายพระองค์เองเกือบเสียชีวิต จนต้องพักฟื้นอยู่นานนับเดือน แต่มหาสงครามก็สิ้นสุดลงเสียก่อน..” ทหารอีกคนเอ่ยตอบ
“เจ้ามิมีทางที่จะทะลายออกมาได้แน่! เจ้าจักต้องถูกฝังทั้งเป็นอยู่ในนั้น ร่างของเจ้าจักต้องถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และนี่คือบาปที่เจ้าจักต้องชดใช้หลังจากขโมยลูกแก้วของข้าไป!”
องค์ราชินีเมี่ยยิ้มให้กับคุกน้ำแข็งสี่เหลี่ยมตรงหน้า และค่อยๆบีบกำแพงทั้งสี่ด้านให้รัดเข้าไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆฝังลงไปบนพื้นราวกับจะฝังหลงเฉินไว้ที่นี่นิจนิรันด์..