เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 81
ตอนที่ 81 ขอความช่วยเหลือ
เหล่าขุนนางระดับเชื้อพระวงศ์ต่างก็เดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยสีหน้าท่าทางกระวนกระวายใจ และตื่นตระหนกยิ่ง
“เหตุใดพวกท่านจึงมีสีหน้าท่าทางกระวนกระวายใจเช่นนั้น?” องค์ราชินีเอ่ยถามออกไป
“ใต้ฝ่าพระบาท.. หน่วยสอดแนมของเรารายงานข่าวที่น่าสะพรึงกลัวมา! พวกเขาแจ้งว่าเวลานี้กองทัพอสูรกายกำลังมุ่งหน้ามายังจักรวรรดิแบนชีของเรา พวกมันจักมาถึงที่นี่ในราวอีกสามวัน!!” หนึ่งในนั้นรีบรายงานองค์ราชินี
องค์ราชินีเมี่ยได้ฟังถึงกับผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจทันที!!
“คงมิมีช่วงเวลาใดเลวร้ายกว่าช่วงเวลานี้อีกแล้ว! ปราการป้องกันก็ได้พังทลายลง พวกเรามิสามารถใช้มันเพื่อยื้อเวลาได้อีก ฉะนั้น.. รีบไปสั่งทุกคนให้เตรียมพร้อมเข้าสู่การทำสงครามโดยเร็ว พวกเรามีเวลาเตรียมตัวไม่มากนัก จัดการส่งสาส์นแจ้งเรื่องนี้ให้กับผู้นำเผ่าอื่นๆรับรู้ด้วยพร้อมขอความช่วยเหลือ อย่าลืมย้ำลงไปในสาส์นด้วยว่า หากเผ่าอสูรกายสามารถเอาชนะจักรวรรดิแบนชีได้ พวกเขาก็จักเป็นรายต่อไปที่จะต้องถูกกองทัพอสูรกายบุกไปทำลายล้างเช่นกัน!”
องค์ราชินี่เมี่ยหันไปสั่งหญิงสาวที่สวมใส่อาภรณ์หรูหรา นางคือคนสนิทขององค์ราชินี และเป็นที่ปรึกษาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ นางคือผู้มีตำแหน่งรอจากองค์ราชินีและองค์ชายอัลตันที่เพิ่งล่วงลับไป หญิงสาวผู้นั้นรีบออกไปจัดการตามคำบัญชาขององค์ราชินีทันที
“ส่วนเจ้าไปจัดการตรวจตราเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ของเหล่าทหารให้พร้อม! นี่เป็นสงครามเพื่อความอยู่รอดของจักรวรรดิเรา จัดการเตรียมกองกำลังและอาวุธหนักไปตั้งฐานอยู่ที่ทางเข้า กองทัพอสูรกายบุกเข้ามาเมื่อใด จักได้จัดการถล่มพวกมันได้ทันที!” องค์ราชินีเมี่ยหันไปสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคน
“ส่วนเจ้าไปจัดหาช่างก่ออิฐฝีมือดีในเผ่าให้ช่วยกันจัดทำกับดักสังหารพวกมัน พวกเราจำเป็นต้องสร้างความสูญเสียให้กับกองทัพอสูรกายให้มากที่สุดก่อนที่พวกมันจะเข้าใกล้ดินแดนของเรา ต้องให้มั่นใจว่ากับดักนั้นจะสังหารพวกมันให้ตายได้ในทันที!” องค์ราชินีเมี่ยหันไปสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคน
“เจ้า! จัดการนำเด็กในจักรวรรดิแบนชีทั้งหมดไปที่เผ่าเอลเฟีย พวกเขานับว่าแข็งแกร่งที่สุดรองจากจักรวรรดิของเรา อีกทั้งมนุษย์ผู้นั้นก็น่าจักต้องอยู่ที่นั่นเช่นกัน! เด็กๆอยู่ที่เผ่าเอลเฟียจักปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่” องค์ราชินีหันไปสั่งผู้ใต้บังคับอีกคนที่มีน้ำตาไหลนองหน้า
หลังจากที่สั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็เดินออกจากท้องพระโรงไป เหลือเพียงองค์ราชินีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เพียงลำพัง และกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
“ข้าทำผิดพลาดอย่างมหันต์ที่เปิดค่ายกลป้องกันขัดขวางมนุษย์ผู้นั้น หากเวลานี้มีปราการป้องกัน พวกเราก็คงจะมีเวลาเตรียมตัวอีกมาก ข้ามิควรปล่อยให้ตนเองถูกความโกรธครอบงำจนทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนั้นเลย..”
องค์ราชินีเมี่ยนั่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เหตุการณ์ก่อนหน้ายังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของนาง..
“ข้าเองก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกัน!” ราชินีเมี่ยลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากบัลลังก์ไป
ผู้ส่งสาส์นให้กับเผ่าเอลเฟียออกเดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืน เพราะต้องการส่งสาส์นขอความช่วยเหลือนี้ไปให้ถึงจุดหมายปลายทางโดยเร็วที่สุด ระหว่างทางที่ผ่านไปนั้น ก็ได้มอบสาส์นจากเผ่าแบนชีให้กับเผ่าอื่นๆไปด้วย เพื่อขอให้ทุกเผ่าช่วยกันต่อสู้กับกองทัพอสูรกายที่กำลังบุกมา
ทุกเผ่าที่ได้รับสาส์นต่างก็พากันส่งนักรบของตนเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ด้วย นั่นเพราะพวกเขารู้ว่าหากตนเองมิส่งนักรบของเผ่าไปช่วย วันหน้าหากเผ่าแบนชีสามารถเอาชนะกองทัพอสูรกายได้ เผ่าแบนชีจักต้องกลับมาแก้แค้นเผ่าของตนเป็นแน่ และต่อให้เผ่าแบนชีพ่ายแพ้ให้แก่เหล่าอสูรกาย สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น ดีที่สุดพวกเขาก็ต้องกลายเป็นข้ารับใช้ของเผ่าอสูรกาย ฉะนั้น.. พวกเขาจึงได้ตัดสินใจเข้าร่วมรบกับกองทัพอสูรกายพร้อมเผ่าแบนชี
เข้าสู่วันที่สองนับตั้งแต่ผู้ส่งสาส์นของเผ่าแบนชีเดินทางออกจากเผ่า เพื่อที่จะนำสาส์นขอความช่วยเหลือไปส่งให้เผ่าเอลเฟียตามประสงค์ขององค์ราชินี นางรู้ดีว่าเวลานี้เผ่าเอลเฟียแข็งแกร่งที่สุดรองจากเผ่าของนาง อีกทั้งมนุษย์ผู้ทำลายปราการศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าแบนชีก็อยู่ที่เผ่าเอลเฟียด้วย หากพวกเขายอมช่วยเหลือ เผ่าแบนชีก็ย่อมมีโอกาสรอด ฉะนั้น.. ในสาส์นที่ส่งออกไปให้กับเผ่าเอลเฟียซึ่งเขียนขึ้นโดยผู้ช่วยของนางนั้น จึงใช้ถ้อยคำที่สุภาพยิ่ง
“ข้ามีสาส์นด่วนจากองค์ราชินีเมี่ยมามอบให้กับท่านหัวหน้าเผ่าเท็นช่า! นี่เป็นเรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย ได้โปรดนำสาส์นนี้ไปให้ท่านหัวหน้าเผ่าทันทีด้วยเถิด!”
ผู้ส่งสาส์นเอ่ยกับผู้อารักขาประตูทางเข้าเผ่าเอลเฟีย หลังจากที่ตรวจสอบตราประจำเผ่าซึ่งประทับอยู่บนสาส์นแล้ว หนึ่งในนั้นจึงรีบเข้าไปรายงานให้เท็นช่าซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าทราบทันที
เวลานี้เท็นช่านั่งอยู่ในห้องโถงและกำลังเล่นบอร์ดเกมอยู่กับรองหัวหน้าเผ่าซู ในขณะที่เทอร่าบุตรชายของเขา และเซี่ยบุตรสาวของซูก็นั่งอยู่ในห้องโถงด้วยเช่นกัน
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ทันทีที่เขากลับมาก็เข้าไปเก็บตัวในอารามโดยมิคิดที่จะมาพบหน้าพวกเราสองคนก่อน! ข้าเพิ่งจะรู้ว่าพวกเรามิได้สนิทสนมกับเขามากถึงเพียงนั้น แต่หลังจากที่ได้เดินทางไปด้วยกันระยะหนึ่งเช่นนั้น การที่เขาไม่มาพบพวกเราสองคนเช่นนี้ นับเป็นเรื่องที่ไร้มารยาทสิ้นดี!” เทอร่าเอาแต่บ่นพึมพำกับเซี่ยที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เหตุใดเขาจึงต้องเสียเวลากับพวกเราเช่นนั้นด้วยเล่า? ในเมื่อพวกเราต่างก็อยู่กันคนละโลก ข้าเชื่อว่าเขาคงมีเรื่องที่เร่งด่วนและสำคัญกว่าเราสองคน!” เซี่ยเอ่ยตอบยิ้มๆ พร้อมกับจ้องมองไปทางที่ตั้งของอาราม
“ก็อาจเป็นเช่นนั้น แต่ข้าก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า เขาควรจักต้องมาพบหน้าพวกเราสักครั้งก่อน ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเหตุใดเขาจึงกลับมาเร็วเช่นนี้ หรือเขาจักมิชื่นชอบเผ่าแบนชี? หรือเป็นเพราะเขาคิดถึงมิตรภาพภายในเผ่าเอลเฟียของเรา? เหตุใดเมื่อมาถึงจึงรีบร้อนไปอยู่ที่อารามตามลำพังเช่นนั้น? ในเมื่ออยู่ที่เผ่าแบนชีเขาก็สามารถทำเช่นนั้นได้ เหตุใดยังต้องกลับมาที่นี่ด้วย.. ข้าว่ามันแปลกๆ” เทอร่ายังคงพึมพำกับตัวเอง
“เจ้ามิจำเป็นต้องนั่งครุ่นคิดอยู่เช่นนี้ รอให้เขาออกมาเมื่อใดเจ้าจึงค่อยสอบถามจากเขาก็ได้! เขาคงจักมิอยู่ในอารามนั่นชั่วชีวิตเป็นแน่..” เซี่ยออกความเห็นพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
แต่แล้วจู่ๆเสียงเคาะประตูห้องโถงก็ดังขึ้น เทอร่าเดินไปเปิดประตู และพบชายชราผมขาวโพลนยืนอยู่ด้านนอก ชายชราเดินเข้าไปพร้อมกับจ้องมองเท็นช่า
“ท่านหัวหน้าเผ่า ผู้ถือสาส์นจากเผ่าแบนชีกำลังรออยู่ด้านนอก เขาบอกว่ามีสาส์นสำคัญเกี่ยวกับความเป็นความตายจะมามอบให้” ชายชรากล่าว
“รีบไปนำตัวเขาข้ามาที่นี่ หากมิมีเรื่องคอขาดบาดตายจริง เผ่าแบนชีคงจักไม่ส่งคนนำสาส์นมาให้เผ่าของเราเป็นแน่..”
หลังจากที่ครุ่นคิดเล็กน้อย เท็นช่าก็ได้สั่งให้ชายชราไปนำตัวผู้ส่งสาส์นจากเผ่าแบนชีเข้าพบ และหลังจากที่ชายชราเดินออกไปจากห้อง ไม่นานนักก็มีเด็กหนุ่มผมสีขาวดูคล้ายกับอยู่ในวัยราวสิบหกปีเดินเข้ามา
“เรียนท่านเท็นช่าหัวหน้าเผ่าแบนชี! นี่คือสาส์นจากองค์ราชินีของจักรวรรดิเรา หวังว่าท่านจักยอมรับและอ่านสาส์นนี้ในทันที และขอได้โปรดใคร่ครวญตัดสินใจอย่างเร่งด่วนด้วย…” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก
“ส่งสาส์นมาให้ข้า!” เท็นช่าออกคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เด็กหนุ่มผมขาวรีบยื่นสาส์นในมือให้กับเท็นช่าทันที!
เท็นช่ารับมาเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“ในสาส์นเขียนว่าอย่างไรงั้นรึ?” ซูเอ่ยถามอย่างรวดเร็วเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเท็นช่า
“ราชินีเมี่ยส่งสาส์นขอความช่วยเหลือจากเผ่าของเรา!” เท็นช่าเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด