เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 93
ตอนที่ 93 ถูกสังหารมิรู้ตัว
จอมราชันย์พยัคฆ์ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยฝุ่น พร้อมกับไอแค่กๆ และพ่นฝุ่นออกมาเต็มปาก มันจ้องมองเท็นช่าด้วยแววตาโกรธแค้นยิ่งนัก!!
“เจ้าต้องตายสถานเดียว!!”
จอมราชันย์พยัคฆ์ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้นยิ่ง ร่างของมันพุ่งทะยานเข้าใส่เท็นช่าพร้อมกับกำปั้น เท็นช่ากำหมัดและชกสวนกลับเช่นกัน และครั้งนี้ก็เป็นดังเช่นครั้งก่อนหน้า เถาวัลย์ปรากฏขึ้นในอึดใจสุดท้าย และพยายามที่จะกระชากข้อมือของจอมราชันย์พยัคฆ์ให้เปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง
“วิธีของเจ้าไม่มีทางใช้ได้ผลอีกเป็นครั้งที่สองแน่!”
จอมราชันย์พยัคฆ์ร้องคำรามออกมา และรอบๆกำปั้นของมันก็ปรากฏเปลวเพลิงร้อนแรงขึ้น ทันทีที่เถาวัลย์เลื้อยรัดข้อมือหมายที่จะกระชากให้หมัดของมันเบี่ยงเบนทิศทางนั้น จอมราชันย์พยัคฆ์ก็ได้ใช้กฏแห่งความแข็งแกร่งฉีกเถาวัลย์ขาดสะบั้น และใช้กฏแห่งไฟเผาเถาวัลย์เหล่านั้นจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
จากนั้นหมัดของจอมราชันย์พยัคฆ์ก็ได้ปะทะเข้ากับหมัดของเท็นช่าอย่างรุนแรง และร่างของเท็นช่าก็ได้ลอยละลิ่วออกไปไกลราวกับว่าวที่หลุดลอย ก่อนจะร่วงหล่นลงไปกองกับพื้นจนแน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง เสื้อผ้าของเท็นช่าฉีกขาด และเริ่มมีโลหิตไหลออกมาให้เห็นจากบาดแผลบนแผ่นหลัง
“ช่างสมดังคำร่ำลือยิ่งนัก.. ความแข็งแกร่งของจอมราชันย์อสูรกายช่างสูงส่งยิ่ง!” เท็นช่าเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ็บปวด เขาพยายามที่จะลุกขึ้นยืน และแสร้งทำเป็นว่ายังแข็งแกร่งอยู่..
“เจ้าควรต้องภาคภูมิใจที่ได้ตายด้วยน้ำมือของจอมราชันย์อสูรกายเช่นข้า ชาติที่แล้วเจ้าคงทำแต่สิ่งดีๆไว้มากมาย วันนี้จึงได้มีโอกาสที่ดีเช่นนี้!” จอมราชันย์พยัคฆ์จ้องมองเท็นช่าพร้อมกับเอ่ยบอก
“ถูกต้องแล้ว.. ชาติที่แล้วข้าคงทำแต่เรื่องดีๆไว้จริง เพียงแต่ชาตินี้ข้าคงจักทำผิดหลายสิ่งหลายอย่าง.. ข้ามิควรไปหลับนอนกับแม่ของเจ้าเลย คิดไม่ถึงว่านางจักตั้งท้องง่ายดาย และให้กำเนิดตัวอะไรเช่นเจ้าออกมาได้!!” เท็นช่าตอบกลับด้วยน้ำเสียเย้ยหยัน
“นี่เจ้า!!! เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงกล้าเอ่ยถึงมารดาผู้เป็นที่เคารพของข้าเยี่ยงนี้!! เจ้า.. เจ้าต้องตาย!!!” จอมราชันย์พยัคฆ์ร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด
“ไฟอสูรโลกันตร์!!”
จอมราชันย์พยัคฆ์กำหมัดพุ่งทะยานออกไป แต่ครั้งนี้กลับมิใช่พุ่งใส่ร่างของเท็นช่า แต่พุ่งลงไปยังผืนปฐพีแทน ทันทีที่หมัดของจอมราชันย์พยัคฆ์กระแทกกับพื้นดิน รอยแยกขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น และเริ่มขยายออกไปบริเวณโดยรอบ เปลวเพลิงร้อนแรงพวยพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกเหล่านั้น และยิ่งรอยแยกขยายวงกว้างขึ้นมากเท่าใด เปลวเพลิงก็ยิ่งลุกโหมกระพือมากขึ้นเท่านั้น
เปลวเพลิงทั้งหมดที่ลุกโชนขึ้น ได้หลอมรวมกันอยู่ตรงหน้าของจอมราชันย์พยัคฆ์ และเริ่มก่อตัวเป็นรูปอสูรกายพยัคฆ์ เปลวเพลิงนี้มีรูปร่างคล้ายกับพยัคฆ์ แต่บนศรีษะกลับมีเขาสองเขางอกออกมา และมีหางถึงสองหางงอกอยู่ที่ก้น ยิ่งดูก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น อสูรกายพยัคฆ์ตนนั้นกำลังจ้อมองเท็นช่าพร้อมกับแยกเขียวยาวทั้งสองข้างเข้าใส่
“ในที่สุดเขาก็ใช้วรยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของตนแล้วสินะ! หมอนั่นคงตายแน่ๆคราวนี้ ข้าคงไม่มีโอกาสได้ต่อสู้กับมันอีกแล้ว!” จอมราชันย์โครงกระดูกเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียดาย
“ครานี้เจ้าได้ตายสมใจแน่!!” จอมราชันย์พยัคฆ์เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม พร้อมกับจ้องมองเท็นช่าด้วยแววตาเดือดดาลยิ่ง
‘ฉิบหายแล้ว!! ดูเหมือนข้าจะทำให้มันโกรธมากจนเกินไป!!’ เท็นช่าครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่ก็ยังคงยืนตระหง่านอย่างกล้าหาญ
พยัคฆ์เพลิงร้องคำรามลั่นขณะที่กระโดดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และตรงไปยังทิศทางที่เท็นช่ายืนอยู่..
“ผู้พิทักษ์พงไพร!!”
เท็นช่าพึมพำออกมา และสองมือก็เคลื่อนไหวเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวสว่างขึ้นมาในบัดดล
จู่ๆต้นไม้ใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอยู่กลางสนามรบกั้นระหว่างพยัคฆ์เพลิงกับร่างของเท็นช่าไว้ ต้นไม้นั้นค่อยๆเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กิ่งก้านของมันงอกออกมาประหนึ่งแขนทั้งสองข้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงแค่อึดใจสั้นๆ สถานที่ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นเพียงพื้นที่โล่ง เวลานี้กลับมีต้นไม้ใหญ่รูปร่างคล้ายมนุษย์ปรากฏขึ้น..
“เมื่อพยัคฆ์เพลิงพุ่งเข้ามาใกล้ต้นไม้ใหญ่ มันก็เหวี่ยงอุ้งเท้าข้างหนึ่งตะปบเข้าใส่ทันที ร่างของพยัคฆ์เพลิงถูกต้นไม้ใหญ่ผลักออกไป และในขณะที่ร่างของมันร่อนลงสู่พื้นดินนั้น กิ่งก้านที่เสมือนมือของต้นไม้ก็เริ่มมีเปลวไฟลุกไหม้ขึ้น ต้นไม้ใหญ่รีบทำการสะบัดมือข้างที่ถูกเปลวเพลิงลุกไหม้ทิ้งทันที ก่อนที่เปลวเพลิงจักลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ หลังจากท่อนแขนนั้นถูกสะบัดหล่นลงพื้นแล้ว ก็ได้ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน แต่แล้วก็มีกิ่งก้านเสมือนแขนใหม่งอกขึ้นมาแทนที่แขนเดิมก่อนหน้านี้
“นี่เจ้าคิดว่าของเล่นเด็กๆ เช่นนี้จักสามารถปกป้องคุ้มครองเจ้าได้งั้นรึ?” จอมราชันย์พยัคฆ์เอ่ยเย้ยหยัน
พยัคฆ์เพลิงยังคงพุ่งจู่โจมเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ที่กำลังทำหน้าที่ปกป้องผู้เป็นนายอย่างเต็มที แต่พยัคฆ์เพลิงใช้เวลาไม่นานนัก ก็สามารถเอาชนะผู้พิทักษ์พงไพรได้ มันใช้เวลาไม่นานนัก ก็สามารถเผาไหม้ทำลายต้นไม้ใหญ่ให้เหลือเพียงแค่รากได้ แต่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เปลวไฟของพยัคฆ์เพลิงก็ได้จางคลายลงเล็กน้อย
จากนั้นพยัคฆ์เพลิงก็ได้พุ่งทะยานเข้าใส่ร่างของเท็นช่าอย่างรวดเร็ว กรงเล็บของมันกางออกหมายตะปบเข้าที่หน้าอกของหัวหน้าเผ่าเท็นช่า..
“ปราการนิรมิตร!”
เท็นช่าร้องคำรามออกมาเสียงดัง แล้วปราการสีเขียวสุกสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ทันทีที่กรงเล็บของพยัคฆ์เพลิงสัมผัสเข้ากับปราการนี้
เท็นช่าร้องคำรามออกมา และปราการสีเขียวสุกสว่างก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ทันทีที่กรงเล็บของพยัคฆ์เพลิงสัมผัสเขากับปราการนั้น เปลวเพลิงของมันพลันหรี่ลงทันที แต่ถึงกระนั้นปราการนิรมิตรก็มิอาจทนรับการจู่โจมได้นานนัก ผ่านไปครู่หนึ่งปราการนี้จึงแตกออก แม้เท็นช่าจักก้าวถอยหลังออกไปแล้ว แต่กรงเล็บของพยัคฆ์เพลิงก็ยังสามารถตะปบเข้าใส่ร่างของเขาจนล้มลงกระแทกกับพื้นดิน และโลหิตสีแดงก็เริ่มไหลออกมาจากแผ่นอก..
เปลวไฟของพยัคฆ์เพลิงหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก่อนที่ร่างของมันจะจางหายไปนั้น พยัคฆ์เพลิงก็ได้พุ่งเข้าใส่ร่างของเท็นช่าอีกครั้ง และหมายที่จะขย้ำศรีษะของเขาให้ได้ แต่แล้วเถาวัลย์จำนวนมากก็ได้ปรากฏขึ้น และเลื้อยรัดร่างของพยัคฆ์เพลิงตนนี้ไว้ แต่ท้ายที่สุดเถาวัลย์ทั้งหมดก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน เพียงแค่เวลาช่วงสั้นๆนี้ ก็เพียงพอแล้วสำหรับเท็นช่า จากนั้นร่างของพยัคฆ์เพลิงก็ได้อันตธานหายไปอย่างสมบูรณ์
“ศักดิ์ศรีของหัวหน้าเผ่าเอลเฟียอยู่ที่ใด? นี่เจ้ายังจะนอนเล่นอยู่ท่ามกลางสงครามอีกรึ?” เสียงร้องตะโกนดังออกมาจากบริเวณใกล้เคียง..
เท็นช่าหันมองไปทางน้ำเสียงนั้นพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาพยายามตะเกียกตะกายที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุดก็ได้ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
“เฒ่าซู.. นี่ท่านช่วยข้าไว้หรอกรึ!!” เท็นช่าเอ่ยขึ้นในขณะที่จ้องมองซู
“เฮ้อ.. ไม่ว่าเจ้าจะอ่อนหัดเพียงใด เจ้าก็ยังเป็นหัวหน้าเผ่าของเราอยู่ดี!!” รองหัวหน้าเผ่าซูทำเสียงเย้ยหยันหยอกเย้า..
ในขณะที่ซูกำลังเดินตรงเข้าไปหาเท็นช่า เพื่อที่จะช่วยพยุงร่างของเขาให้ลุกขึ้นยืนนั้น จู่ๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง มีบางสิ่งบางอย่างเจาะทะลุหน้าอกของเขาจากด้านหลัง
“เจ้าพวกมดปลวก.. นี่เจ้าลืมแล้วรึว่าข้าเป็นผู้ใด? ถึงได้บังอาจยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของข้าเช่นนี้!” จอมราชันย์พยัคฆ์ร้องตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหี้ยมเกรียม พร้อมกับกระชากมือออกจากแผ่นหลังของซูที่เวลานี้เหลือเพียงรูขนาดใหญ่
“ซู!!!!”
เท็นช่ากรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างของซูร่วงลงไปกองกับพื้นในสภาพดวงตาเบิกโพลง..
“ดะ.. ดูแล..” ซูจ้องมองไปทางเท็นช่า รอยยิ้มเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา และพยายามที่จะกล่าวบางสิ่งบางอย่างกับเท็นช่า แต่แล้วแสงสว่างในดวงตาของซูก็ดับวูบลงไป เขาสิ้นใจตายก่อนที่จะทันได้พูดจบประโยคเสียด้วยซ้ำ
“มิต้องห่วง!! ข้าจักดูแลบุตรสาวของเจ้าประหนึ่งว่าเป็นบุตรสาวของข้าเอง!” เท็นช่าพึมพำกับตัวเองในขณะที่จ้องมองร่างไร้วิญญาณของซูที่นอนกองอยู่กับพื้น
“หึ!! หากข้าไม่ทำให้ดูเป็นตัวอย่างว่า ผู้ใดที่มันบังอาจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของข้า จักต้องมีจุดจบเช่นใด ก็คงจักมิมีผู้ใดเกรงกลัวสินะ!!” จอมราชันย์พยัคฆ์ตะโกนบอกพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“โอ้.. ข้าเสียใจด้วยที่ต้องทำให้พวกเจ้าพรากจากกันเช่นนี้ แต่เจ้ามิต้องเสียใจไป อีกไม่นานพวกเจ้าสองคนก็จักได้พบกันในปรโลกแล้ว! ฮ่าๆๆๆ” จอมราชันย์พยัคฆ์เอ่ยบอกเท็นช่าที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่าของซู พร้อมกับหัวเราะร่วน
“พวกเจ้าตายง่ายจนเริ่มน่าเบื่อยิ่งนัก..”
จอมราชันย์กระทิงพึมพำออกมาในขณะที่ฟาดร่างของมาซูมัสลงกับพื้นอีกครั้ง เหตุการณ์ได้กลับเป็นเช่นเดิมคล้ายก่อนหน้า หัวหน้าเผ่าต่างๆล้วนนอนจมกองเลือด ในขณะที่จอมราชันย์อสูรกายต่างก็ยืนตระหง่านอย่างสง่างาม
“เอาล่ะ.. หยุดเล่นสนุกกันได้แล้ว! พวกเจ้ารีบสังหารศัตรูให้สิ้นซากได้แล้ว!”
จักรพรรดิทารัสที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ร้องตะโกนบอก และเหล่าจอมราชันย์อสูรกายทั้งหมดต่างก็ได้ยินกันชัดเจนถ้วนหน้า
“หมดเวลาเล่นสนุก ได้เวลาเอาจริงแล้ว!”
เหล่าจอมราชันย์อสูรกายต่างก็ร้องตะโกนกึกก้องอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกมันตัดสิใจที่จะสังหารหัวหน้าเผ่าทุกคน เว้นเพียงราชินีเมี่ยคนเดียวเท่านั้น!
แต่ก่อนที่เหล่าจอมราชันย์อสูรกายทั้งสิบจักทันได้กระทำสิ่งใด พวกมันต่างก็ต้องชะงักกลางคัน และเงยขึ้นไปบนท้องนภาอย่างพร้อมเพรียงกัน แม้แต่จักรพรรดิอสูรกายทั้งสองที่เงยหน้าขึ้นมองก็ยังตกใจยิ่ง เวลานี้คลื่นสังหารได้แผ่กระจายและครอบคลุมไปทั่วทั้งห้วงบรรยากาศเบื้องบน