เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 94
ตอนที่ 94 ตายเพราะบาปที่ก่อขึ้น
เหล่าจอมราชันย์อสูรกายต่างก็ยืนชะงักงันแน่นิ่ง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องนภาเบื้องบนอยู่เช่นนั้น แม้แต่จักรพรรดิอสูรกายทั้งสองยังอดที่จะเงยหน้าขึ้นมองตามมิได้เช่นกัน และใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่เวลานี้ ต่างก็เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนกตกใจยิ่ง คลื่นสังหารแผ่กระจายทั่วทั้งห้วงบรรยากาศ ทุกคนต่างก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าเผ่าต่างๆที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและราชินีเมี่ย แม้แต่เท็นช่าเองยังหยุดชะงัก และเบนสายตาจาร่างของซูไปจับจ้องที่ท้องนภาเหนือศรีษะของตนแทน
“คลื่นสังหารดุดันที่แปลกประหลาดยิ่ง! เหตุใดจึงมีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?” เท็นช่าถึงกับต้องพึมพำออกมาเมื่อสัมผัสได้กับรังสีสังหารที่รุนแรง
“รังสีสังหารนี่!!”
องค์ราชินีเมี่ยพึมพำออกมาเบาๆ นางรู้สึกได้ว่าเคยสัมผัสกับคลื่นสังหารที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน จากนั้นสีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไปทันใด เมื่อสามารถจดจำรังสีสังหารเช่นเดียวกันที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้
“นี่.. นี่มันอะไรกัน?!”
เหล่าจอมราชันย์อสูรกายที่พากันเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องนภา ต่างก็พากันร้องอุทานออกมาเกือบจะพร้อมกัน และพยายามที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ข้ามิเคยพบเห็นอะไรเยี่ยงนี้มาก่อนเลย นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่?!” จักรพรรดิเชนเทียร้องตะโกนออกมา ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ท้องฟ้าเบื้องบนแน่นิ่ง
“รังสีสังหารที่รุนแรงเยี่ยงนี้!! มัน.. มันช่างทรงพลังและแข็งแกร่งยิ่งนัก!” จักรพรรดิทารัสเองก็เอ่ยออกมาด้วยความสงสัย และสายก็ตายังคงมิละจากท้องนภาเช่นกัน
รอยแยกใหญ่ปรากฏเห็นชัดอยู่บนท้องฟ้า รังสีสังหารพวยพุ่งออกมาจากจากรอยแยกนั้น และค่อยๆทวีเพิ่มมากขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นมือทั้งสองข้างก็โผล่ออกมาจากรอยแยกนั้น ฝ่ามือทั้งสองจับอยู่ที่รอยแยกทั้งสองด้าน และดูเหมือนกำลังออกแรงดันรอยแยกนี้ให้ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักรอยแยกนั้นก็ได้ขยายใหญ่กว่าหนึ่งเมตร
ใครบางคนก้าวออกมาจากรอยแยกนั้น.. เป็นร่างของเด็กผู้ชายในวัยเพียงแค่สิบสองปี ผมของเขาเป็นสีดำขลับ ดวงตาสีทองงดงามทั้งสองขับให้เรือนร่างที่ปรากฏนี้งดงามน่ามองยิ่งขึ้น
ปีกใหญ่ทั้งสองด้านหลัง ช่วยให้เขาสามารถบินอยู่บนท้องนภาได้ทันทีที่ก้าวออกมาจากรอยแยกนั้น ปีกซ้ายเป็นสีดำสนิท ในขณะที่ปีกขวาเป็นสีทองสุกสว่าง ทำให้เขาดูประหนึ่งปีศาจและเทพเจ้าในคราเดียว
รังสีสังหารพวยพุ่งขึ้นถึงขีดสุดเมื่อหลงเฉินก้าวออกมาจากรอยแยกนั้น ไม่ช้ารอยแยกนั้นก็ได้อันตธานหายไปราวกับว่ามิเคยปรากฏขึ้นมาก่อน ท้องนภาเวลานี้กลับสู่ความว่างเปล่าเป็นปกติดังเดิม หลงเฉินกำลังบินอยู่เหนือศรีษะของทุกคน ดูประหนึ่งเทพผู้ดุร้ายที่กำลังจ้องมองเหล่ามนุษย์เบื้องล่าง
‘เขา.. เขามาที่นี่แล้ว!!’ ราชินีเมี่ยถึงกับผงะถอยหลังออกไปอย่างมิรู้ตัว เมื่อความทรงจำในวันนั้นปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิด วันที่นางทำเรื่องโง่ๆลงไปด้วยการที่คิดอวดดีต่อสู้กับปีศาจตนนี้
“ทะ.. ท่านหลงเฉิน ในที่สุดท่านก็มา!!”
เท็นช่าร้องตะโกนออกมาทันทีที่เห็นหลงเฉินบินอยู่บนท้องนภาเบื้องบนประหนึ่งราชันแห่งเทพ น้ำตาของเขาถึงกับรื้นขึ้นมาทันที
หลงเฉินสังเกตเห็นเท็นช่าที่ดวงตาทั้งสองข้างเอ่อไปด้วยน้ำตา เขากวาดสายตามองไปทั่วทั้งบริเวณ และพบว่าซูกำลังนอนแน่นิ่งอยู่ด้านหลังของจอมราชันย์พยัคฆ์ กลางหน้าอกมีรูขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ เขาหันกลับไปมองจอมราชันย์พยัคฆ์ที่มือข้างหนึ่งยังคงมีโลหิตสีแดงสดเปื้อนอยู่
ความเดือดดาลพลันพวยพุ่งขึ้นเฉียบพลัน!! แล้วร่างของเขาก็หายวับไปจากตำแหน่งเดิม และมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าจอมราชันย์พยัคฆ์ ก่อนที่จอมราชันย์พยัคฆ์จักได้ทันเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร มือของหลงเฉินก็พุ่งทะลุหน้าอกของมัน และควักเอาหัวใจออกมาในทันที
หลงเฉินกำลังบดขยี้หัวใจของจอมราชันย์พยัคฆ์ด้วยฝ่ามือ.. และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่จอมราชันย์พยัคฆ์ได้เห็น ก่อนที่จะสิ้นใจตาย และร่างไร้วิญญาณของมันก็หงายหลังลงไปกับพื้น
“เจ้าทำผิดอย่างมหันต์ที่สังหารคนผู้นั้น!!” หลงเฉินพึมพำออกมา พร้อมกับจ้องมองร่างของจอมราชันย์พยัคฆ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
“อภัยให้ข้าด้วยที่ข้ามาช้าไป!!” หลงเฉินหันไปพูดกับร่างที่แน่นิ่งของซูด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศกยิ่ง
“เจ้า.. เจ้าสังหารจอมราชันย์พยัคฆ์งั้นรึ!!”
จอมราชันย์หมีที่ยืนอยู่ใกล้กับจอมราชันย์พยัคฆ์ที่สุด ถึงกับร้องอุทานออกและถอยหลังกรูดทันที เมื่อเห็นร่างของจอมราชันย์พยัคฆ์หงายหลังล้มลงกระแทกกับพื้นดินเช่นนั้น
หลงเฉินหาได้สนใจจอมราชันย์หมีไม่.. เขาเดินตรงเข้าไปหาเท็นช่า และช่วยพยุงร่างของเขาให้ลุกขึ้น เมื่อลุกขึ้นยืนได้ เท็นช่าก็รีบวิ่งตรงเข้าไปที่ร่างไร้วิญญาณของซู พร้อมกับคุกเข่าลงข้างกายของเขาทันที
“เฒ่าซู.. เจ้าต้องตายเพราะข้าแท้ๆ! เจ้าพร่ำบอกกับข้าเสมอว่า อยากให้ข้าสง่างามสมกับเป็นผู้นำของเผ่าเอลเฟีย แต่เจ้าต่างหาก.. เจ้าคือผู้ที่สง่างามที่สุด! จากนี้ไปข้าจักปกครองเผ่าของเราเช่นใดหากมิมีเจ้าแล้ว?” เท็นช่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน และน้ำตาเอ่อล้นดวงตาทั้งสอง
“อภัยให้ข้าด้วย.. ข้ามาช้าเกินไป!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านหลงเฉิน.. ท่านไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด นี่หาใช่ความผิดของท่านไม่! ท่านฝึกวรยุทธบ่มเพาะอยู่ภายในอารามเช่นนั้น จักรู้ได้อย่างไรว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง? แต่ข้าเชื่อว่าทันทีที่ท่านออกมา ท่านจักต้องรีบมาช่วยพวกเราแน่ และข้าก็ซาบซึ้งใจยิ่งนักเพราะในที่สุดท่านก็มาจริงๆ!” เท็นช่าเอ่ยตอบหลงเฉิน
หลงเฉินเงียบงัน และหันกลับไปโดยมิได้กล่าวอันใดออกมาอีก..
“ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่!! ในเมื่อมาแล้ว ก็อย่าได้หวังว่าจะได้กลับไปอีก!”
จักรพรรดิทารัสเคลื่อนร่างใหญ่ยักษ์ของมันออกมาในทันที หลังจากที่ยืนแน่นิ่งจ้องมองการทำศึกอยู่นานโดยมิเคลื่อนไหว เท้าใหญ่ยักษ์ของมันก้าวเข้าไปหาหลงเฉินพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“นับว่าเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อยทีเดียว เจ้าสังหารจอมราชันย์อสูรกายได้อย่างง่ายดาย นับว่าเป็นชัยชนะที่ไม่เลวเลย ข้าคงประเมินเจ้าต่ำไป.. มาก!!”
จักรพรรดิทารัสเอ่ยออกมาในขณะที่ก้าวเดินตรงไปข้างหน้า ส่วนจักรพรรดิเชนเทียยังคงยืนนิ่งมิไหวติง และสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
‘รังสีสังหารที่ดุดันแผ่นซ่านขึ้นทันทีที่มนุษย์ผู้นี้ปรากฏกายขึ้น เขาสามารถสังหารจอมราชันย์อสูรกายตายไปได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้พบเห็นมนุษย์ผู้นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ข้าขนลุกขนชันได้แล้ว เวลานี้ข้ามิมั่นใจว่าจักสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่? หรือข้าพลาดไปแล้วที่เห็นด้วยกับแผนการแก้แค้นมนุษย์ของทารัสด้วยการทำสงคราม แทนที่จักเห็นด้วยกับแผนของบาลังที่เปลี่ยนมาสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเขาแทน? เวลานี้ข้าควรทำเช่นใดดีสหายเฒ่า..? บาลัง.. เวลานี้ข้ากลับนึกอยากให้ท่านอยู่ที่นี่ด้วย!’ จักรพรรดิเชนเทียจ้องมองหลงเฉินซึ่งอยู่ห่างออกไปพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
“เผ่าพันธุ์มนุษย์ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!! แม้กระทั่งเด็กยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สามารถสังหารจอมราชันย์อสูรกายได้อย่างง่ายดาย! แต่น่าเสียดายที่จักรพรรดิอสูรกายนั้นแตกต่างจากจอมราชันย์อสูรกายมานัก เจ้าหนู.. เจ้ามิสามารถสังหารข้าได้เช่นเดียวกับที่สังหารจอมราชันย์พยัคฆ์ได้แน่” จักรพรรดิทารัสจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับร้องบอก
หลงเฉินทำปากขมุบขมิบคล้ายกำลังกล่าวคำสัญญา แต่เสียงของเขานั้นเบามากจนมิมีผู้ใดได้ยินว่าเขากล่าววาจาอันใดกันแน่..
“เจ้าจักต้องตายเพราะบาปที่ก่อ..”
และนั่นคือประโยคเดียวที่ทุกคนในสนามรบได้ยินกันถ้วนหน้า แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจไปตามๆกัน เพราะน้ำเสียงของหลงเฉินนั้นหนักแน่นยิ่งนัก ภาพของเขาเวลานี้ประหนึ่งราชันย์แห่งขุมนรกที่กำลังพิพากษาโทษเหล่าคนบาปอยู่..