เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 96
ตอนที่ 96 เหลืออีกหนึ่ง
“ทุกคน!! มนุษย์นี่เล่นไม่ซื่อ พวกเราจักต้องจู่โจมมันพร้อมกัน อย่าได้ตกหลุมพรางของมัน!!” จอมราชันย์โครงกระดูกร้องตะโกนเสียงดังบอกกับจอมราชันย์ที่เหลือด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนจักได้ยินคำพูดของตน
เหล่าจอมราชันย์พยัคฆ์ที่เหลือร้องตะโกนตอบกลับทันที จากนั้นพวกมันก็ได้เปลี่ยนมาอยู่ในท่าที่พร้อมจู่โจมกันทั้งหมด
จากนั้น.. หลงเฉินก็ถูกจอมราชันย์อสูรกายทั้งแปดจู่โจมเข้าพร้อมกันในคราวเดียว สี่ตนเลือกใช้อาวุธที่ตนถนัด ส่วนอีกสี่ตนเลือกใช้วรยุทธต่อสู้จู่โจมเข้าใส่หลงเฉิน จอมราชันย์โครงกระดูกอยู่ในประเภทหลัง มันเลือกใช้วรยุทธต่อสู้ที่เคยใช้ช่วยจอมราชันย์พยัคฆ์ให้เป็นอิสระจากกรงเหมันต์
“ไฟอเวจี!”
จอมราชันย์โครงกระดูกร้องคำรามออกมา พร้อมกับคลื่นเพลิงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากผืนดิน และค่อยๆรวมตัวกันเป็นรูปโครงกระดูกเพลิงสูงสามเมตร ในมือถือค้อนขนาดใหญ่เดินตรงเข้าใส่หลงเฉิน
“ดาบพิพากษา!”
จอมราชันย์อสูรกายอีกตนร้องคำรามกึกก้อง แล้วเปลวเพลิงรูปดาบขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือศรีษะของมัน ก่อนจะขยายยาวถึงห้าเมตร
ส่วนจอมราชันย์อสูรกายตนอื่นๆ ก็ใช้การโจมตีในลักษณะเดียวกันนี้ เพียงแค่เปลี่ยนเป็นอีกาเพลิงบินอยู่บนท้องฟ้า และขวานเพลิงที่ลอยอยู่เช่นกัน
จอมราชันย์อสูรกายรวมทั้งจอมราชันย์หมีที่เลือกต่อสู้ด้วยอาวุธนั้น ต่างก็ยืนรอให้กลุ่มที่ใช้วรยุทธต่อสู้จู่โจมหลงเฉินก่อน..
หลงเฉินยังคงยืนยิ้มบางในขณะที่จ้องมองเหล่าจอมราชันย์อสูรกายที่จู่โจมเข้ามารพร้อมกัน ดาบเพลิงพุ่งเข้าใส่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่ดาบเพลิงเข้าใกล้ร่างของหลงเฉินในระยะห่างเพียงแค่สองสามนิ้วนั้น ดาบเพลิงก็หยุดแน่นิ่งอยู่เพียงแค่นั้น และไม่สามารถเคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้อีกแม้แต่น้อย ดูราวกับว่ามันกำลังถูกสกัดไว้..
เหล่าจอมราชันย์อสูรกายที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ต่างก็คิดว่าหลงเฉินคงต้องพยายามปัดป้องและสกัดไว้ หรือไม่ก็ต้องถูกสังหารตายในทันทีเป็นแน่ แต่ภาพที่เห็นอยู่ในเวลานี้ ทำให้พวกมันถึงนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง
หลงเฉินไม่เพียงไม่ขยับร่างกายแม้แต่น้อย แต่ดาบเพลิงนั้นกลับหยุดชะงักแน่นิ่ง และไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าเด็กนั่นต้องใช้ปราการบางอย่างปกป้องไว้เป็นแน่!” จักรพรรดิทารัสพึมพำออกมาทันที
“ฮึ่ม!! แม้แต่กรงน้ำแข็งของราชินีแห่งเผ่าแบนชียังพังทลายลงได้ เพียงแค่ถูกจอมราชันย์อสูรกายทั้งสองจู่โจมเข้าพร้อมกัน ข้ามิเชื่อว่าปราการนี้จักสามารถหยุดการจู่โจมจากจอมราชันย์ทั้งสี่ได้”
จอมราชันย์โครงกระดูกร้องคำรามออกมาเสียงดัง และโครงกระดูกเพลิงก็ยังคงเดินหน้าตรงเข้าไปหาหลงเฉิน..
อีกาเพลิงพุ่งเข้าจู่โจมใส่หลงเฉินเป็นครั้งที่สอง แต่เปลวเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วงอยู่นั้น ก็ได้หยุดชะงักเมื่อเข้าใกล้หลงเฉินในระยะสองสามนิ้วเช่นกัน ไม่ว่าจะพยายามเช่นใด ก็มิสามารถบุกฝ่าเข้าไปใกล้หลงเฉินได้ อีกทั้งยังมิสามารถถอยกลับได้ด้วยเช่นกัน
หลงเฉินยังคงยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบอย่างสงบนิ่ง ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็ตกอกตกใจ รวมทั้งราชินีเมี่ยด้วย..
‘ข้าคิดว่าเขามีจักพลังจู่โจมที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะสามารถทะลายปราการที่ปกป้องจักรวรรดิได้ แต่คิดไม่ถึงว่าพลังป้องกันของเขาจักแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน!! ข้ามิคิดมาก่อนเลยจริงๆ’ ราชินีเมี่ยจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับแอบครุ่นคิดอยู่ในใจ
ไม่นานนัก.. โครงกระดูกเพลิงที่ดุร้ายก็ก้าวเดินเข้าไปใกล้ร่างของหลงเฉิน และยกค้อนใหญ่ในมือขึ้นฟาดใส่ศรีษะของเขาทันที แต่แล้วค้อนเพลิงก็หยุดชะงักเมื่อเข้าใกล้หลงเฉินในระยะสองสามนิ้ว โครงกระดูกเพลิงดิ้นรนดึงค้อนกลับออกมา แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ก็มิสามารถดึงออกมาได้
ภายในสนามรบเปลี่ยนเป็นเงียบสนิท ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลงเฉินพร้อมกับปากที่อ้ากว้าง..
“เขา.. เขาสามารถรับการจู่โจมจากจอมราชันย์อสูรกายทั้งสี่ได้อย่างง่ายดาย ดูราวกับว่าเขากำลังเล่นสนุกอยู่เท่านั้น!” มาซูมัสพึมพำออกมาด้วยสีหน้าตกอกตกใจยิ่ง
เปลวงเพลิงจากโครงกระดูกเพลิง ค้อนเพลิง ดาบเพลิง และอีกาเพลิง ค่อยๆหม่นลงอย่างช้าๆ ก่อนจะดับหายไปในที่สุด ในขณะที่หลงเฉินยังคงยืนอยู่นิ่งๆ และไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเกิดขึ้นกับเขา
“เอาล่ะ.. ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสี่เป็นฝ่ายจู่โจมข้าก่อน พวกเจ้าก็จักต้องเป็นฝ่ายได้ตายก่อนเช่นกัน!”
หลงเฉินกวาดตามองจอมราชันย์อสูรกายทั้งสี่ ที่เป็นฝ่ายจู่โจมทำร้ายเขาก่อน รวมทั้งจอมราชันย์โครงกระดูกด้วย..
“ก่อนที่พวกข้าจะตาย เจ้าต่างหากที่ต้องตายก่อนผู้ใด!!”
จู่ๆ เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นจากระยะใกล้ๆ หลงเฉินหันมองไปทางต้นเสียง และพบว่าหมัดขนาดใหญ่ที่มีเปลวเพลิงพวยพุ่ง กำลังชกตรงเข้าใส่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว แทบมิต้องครุ่นคิด หลงเฉินขยับหนีจากจุดที่ยืนอยู่เพื่อหลบการจู่โจมนั้นทันที
“อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นเจ้าหมีน่าเกลียดเองหรอกรึ?” หลงเฉินกล่าวเย้ยหยัน
“เหตุใดเจ้าต้องหลบหนีด้วยเล่า? เก่งจริงก็มาสู้กับข้าสิ!!” จอมราชันย์หมีร้องคำรามท้าทายหลงเฉิน
“ข้ามิได้หลบหนี แต่มิต้องการสังหารเจ้าเพียงเพราะความบังเอิญต่างหากเล่า ข้าบอกไปแล้วว่าพวกมันจักต้องตายก่อน!!” หลงเฉินร้องตอบพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางจอมราชันย์โครงกระดูก
“เจ้า.. เจ้าเพียงแค่รับมือกับการจู่โจมของเราได้เท่านั้น ก็คิดว่าจักสามารถสังหารพวกเราสี่คนได้งั้นรึ?”
หนึ่งในจอมราชันย์อสูรกายร้องตะโกนบอกหลงเฉิน ในขณะที่จอมราชันย์โครงกระดูกเองก็ทำเสียงขึ้นจมูก และจ้องมองหลงเฉินด้วยความไม่พอใจเช่นกัน
หลงเฉินแสยะยิ้มเล็กน้อย ทำให้เหล่าจอมราชันย์อสูรกายถึงกับขนลุกขนชัน ก่อนจะหายวับไปจากตำแหน่งที่ยืนอยู่เดิม และเพียงแค่ชั่วอึดใจ ร่างของเขาก็มาปรากฏตัวใกล้กับจอมราชันย์อสูรกายตนหนึ่ง หลงเฉินเอื้อมมือออกไปบีบลำคอของมันไว้ และปีกทั้งสองก็ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของเขา หลงเฉินบินขึ้นสู่ท้องนภาพร้อมกับหอบร่างของจอมราชันย์อสูรกายตนนั้นขึ้นไปด้วย หลังจากที่บินขึ้นไปได้ราวหนึ่งร้อยเมตร หลงเฉินก็ปล่อยมือออกจากลำคอของจอมราชันย์ตนนั้น มันก็ร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวในขณะที่ร่างกำลังร่วงหล่นกระแทกกับผืนพสุธา
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจับตามองอยู่ที่ร่างของจอมราชันย์อสูรกายซึ่งกำลังร่วงหล่นมานั้น ร่างของหลงเฉินก็ได้หายไปจากจุดเดิมอีกครั้ง..
ในระหว่างที่ร่างของจอมราชันย์อสูรกายตนนั้นกระแทกกับพื้นดังตุ้บนั้น หลายคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังผสานขึ้นมาพร้อมกันด้วย ผู้ที่ได้ยินต่างก็หันมองไปรอบๆ และพบว่าร่างของจอมราชันย์อสูรกายอีกสองตนได้ล้มลงไปกองกับพื้น และศรีษะของมันทั้งสองก็ร่วงหล่นอยู่ข้างกาย ในขณะที่มีร่างของหลงเฉินยืนถือดาบเปื้อนเลือดอยู่ข้างๆร่างไร้วิญญาณทั้งสอง
หลงเฉินค่อยๆ เดินเข้าไปหาจอมราชันย์อสูรกายที่กำลังถอยหนีด้วยความกลัวอย่างช้าๆ แต่เมื่อหลงเฉินไปปรากฏอยู่เบื้องหน้าของมัน เขาจึงได้เอ่ยออกไปว่า
“ตายไปสามแล้ว.. เหลืออีกหนึ่งที่จะต้องตามไป!” หลงเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เท้าทั้งสองยังคงก้าวเดินเข้าไปหาจอมราชันย์โครงกระดูกอย่างต่อเนื่อง
“พวกท่านยืนนิ่งเฉยทำไมกัน?!!! รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า!!” จอมราชันย์โครงกระดูกร้องตะโกนเรียกให้จอมราชันย์อสูรกายที่เหลือให้เข้ามาช่วยตน
จอมราชันย์หมีและจอมราชันย์อสูรกายที่เหลือต่างก็ได้สติ และรีบพุ่งจู่โจมเข้าใส่หลงเฉินทันที!
“หยุด!! พอได้แล้ว!! ข้าทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว!!” เสียงร้องคำรามดังขึ้น
“พวกเจ้าทั้งหมดได้ทำลายชื่อเสียงของเผ่าอสูรกายจนสิ้น!! พวกเจ้าคิดว่าจักสามารถเอาชนะมนุษย์ผู้นี้ได้งั้นรึ?”