เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1020
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1020 ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แปลโดย iPAT
“หมื่นภัยพิบัติมาถึงแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยกัดฟันกล่าวเมื่อเห็นกลุ่มเมฆสีเทาเคลื่อนที่ลงมาอย่างช้าๆ
โป้ชิงแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด
ภัยพิบัติใหญ่คุกปฐพีทำให้พวกเขากลายเป็นไร้พลังอำนาจ เมื่อหมื่นภัยพิบัติมาถึง มันจะเป็นเวลาตายของพวกเขาหรือไม่?
เมฆสีเทาเคลื่อนตัวลงมาแต่ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดหมื่นภัยพิบัติไม่เป็นอันตราย?” อิงอู๋เซี่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าไม่เกิดสิ่งใดขึ้น
โป้ชิงไม่ตอบ
ผู้อมตะวังสวรรค์ตระหนักถึงภับพิบัตินี้แต่ดวงวิญญาณของฟางหยวนกับโม่เหยาไม่รู้
อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ตระหนักรู้ได้ด้วยตนเอง
ร่างของเทพปีศาจจิตวิญญาณถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีเทาขณะที่ภาพความทรงจำของเขาถูกเปิดเผยออกมา
ประสบการณ์เหล่านั้นล้วนส่งผลกระทบต่อจิตใจของเทพปีศาจจิตวิญญาณ มันเป็นทางเลือกที่จะตัดสินอนาคตของเขา
ในเวลาเดียวกัน ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันก็นำร่างของฟางหยวนหลบหนีออกจากสนามรบ
ไห่ลั่วหลันมองเมฆสีเทาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไป
ในร่างของฟางหยวน ดวงวิญญาณของอิงอู๋เซี่ยติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันและกำลังเผชิญหน้ากับเทพอมตะกลุ่มดาว
เขากัดฟันตะโกนอย่างบ้าคลั่งและพุ่งเข้าไปหานาง
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถโจมตีนาง เนื่องจากที่นี่เป็นอาณาจักรแห่งความฝัน ดังนั้นระยะทางที่ดูเหมือนใกล้กลับไม่ได้ใกล้อย่างที่คิด
เทพอมตะกลุ่มดาวดีดพิณแต่ไม่ได้ร้องเพลง
อิงอู๋เซี่ยเต็มไปด้วยความกังวลขณะที่เทพอมตะกลุ่มดาวสงบมาก
“ปล่อยข้าออกไป! เจตจำนงสวรรค์! ข้าขอสาปแช่งเจ้า!” อิงอู๋เซี่ยชี้นิ้วไปที่เทพอมตะกลุ่มดาวและตะโกน
แต่การแสดงออกของเทพอมตะกลุ่มดาวยังไม่เปลี่ยนแปลง
อิงอู๋เซี่ยพยายามสงบจิตใจลง “อย่ากังวล ข้าต้องสงบสติอารมณ์ ข้ารู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับท่าไม้ตายนำวิญญาณสู่ความฝัน อาณาจักรแห่งความฝันนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นในโลกแห่งความจริง ในไม่ช้ามันจะหายไป มันไม่สามารถกักขังข้าไว้ตลอดกาล นอกจากนี้วิญญาณของฟางหยวนยังสามารถช่วยข้า เมื่อข้าตื่น ข้าจะกลับไปเปิดเผยตัวตนของเขา ตอนนี้ข้าทำได้เพียงหวังว่าเมื่อข้าตื่น ภูเขาอี้เทียนจะอยู่ไม่ไกลเกินไป”
แต่ความปรารถนาของอิงอู๋เซี่ยไม่ได้รับการตอบสนอง
ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันต่อสู้กับผู้อมตะภาคใต้และไม่มีเวลาปลุกฟางหยวน นอกจากนั้นพวกเขายังเคลื่อนที่ออกห่างจากภูเขาอี้เทียนมากขึ้นเรื่อยๆ
อิงอู๋เซี่ยกับโป้ชิงถูกขังอยู่ใต้ดิน
เมฆสีเทาแสดงภาพความทรงจำของโป้ชิงออกมา
แน่นอนว่าภาพเหล่านี้เป็นความทรงจำของโม่เหยา ในฐานะมนุษย์กลายพันธุ์ นางต้องเผชิญหน้ากับการหักหลังและความยากลำบากมากมาย
“ฮืม!” ผีดิบอมตะโป้ชิงก่นเสียงเย็นเย้ยหยัน
เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีต โม่เหยาแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว
“แปลก เหตุใดเจ้าไม่ได้รับผลกระทบจากเมฆสีเทาเหล่านี้?” โป้ชิงมองอิงอู๋เซี่ยที่อยู่ด้านข้าง
ฟางหยวนคิด ‘ข้าก็อยากรู้เช่นกัน’
ตามตรรกะ ภัยพิบัติความทรงจำสีเทาส่งผลกระทบต่อดวงวิญญาณของโม่เหยาที่อยู่ในร่างของผีดิบอมตะโป้ชิง ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อดวงวิญญาณของฟางหยวนที่อยู่ในร่างของอิงอู๋เซี่ย
แต่ด้วยเหตุผลบางประการ มันกลับไม่เกิดขึ้น
เห็นได้ชัดว่าภัยพิบัตินี้จงใจปล่อยฟางหยวนไป
‘อย่าบอกข้าว่านี่เป็นความต้องการของเจตจำนงสวรรค์ ก่อนหน้านี้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติคุกปฐพีและสามารถนำร่างของข้าจากไป นี่เป็นการจัดการของเจตจำนงสวรรค์ด้วยหรือไม่?’
ฟางหยวนพยายามคาดเดา แต่ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งขนลุก มีเรื่องราวน่ากลัวมากมายเกิดขึ้นในใจเขา
“ข้าไม่รู้” อิงอู๋เซี่ยมองเมฆสีเทาและส่ายศีรษะ “แต่เรื่องของเจ้าน่าสนใจจริงๆ”
โป้ชิงเย้ยหยัน “ดูเหมือนเพราะเจ้าพึ่งถือกำเนิดได้เพียงสิบแปดชั่วโมง ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีเวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต”
ดวงวิญญาณของโม่เหยาในร่างของผีดิบอมตะโป้ชิงไม่ได้สงสัยในตัวตนของฟางหยวน ความสนใจของนางอยู่ที่เทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น
เมฆสีเทาแสดงฉากเหตุการณ์ที่เทพปีศาจจิตวิญญาณได้รับมรดกบนเส้นทางอาหาร
เขาทำให้ฟางหยวนตกตะลึง
ผู้อมตะวังสวรรค์ที่เห็นฉากเหตุการณ์นี้ยังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เป็นเพียงเวลานี้ที่หมื่นภัยพิบัติอากาศสดใสปรากฏขึ้น
ฝูงนกบินลงมาโจมตีร่างกายของเทพปีศาจจิตวิญญาณและทำให้การแสดงออกของฟางหยวนกับโม่เหยาเปลี่ยนไป
ภาพความทรงจำของเทพปีศาจจิตวิญญาณยังปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ เทพปีศาจปล้นสวรรค์ วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ดอกบัวสีแดงในสายธารแห่งกาลเวลา และอื่นๆ
‘ปรากฏว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณรู้ที่ตั้งของเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์มานานแล้ว’
‘เทพปีศาจปล้นสวรรค์ แม้เขาจะเป็นปีศาจต่างโลก แต่เขาไม่ได้มาจากโลกมนุษย์ใบเดียวกับข้า’
‘วิญญาณอายุยืน…ดูเหมือนเจตจำนงสวรรค์จะควบคุมการถือกำเนิดของพวกมันเพื่อหยุดยั้งเทพอมตะหรือเทพปีศาจ’
‘ดอกบัวสีแดง! ใบหน้าภูตผี! เมื่อข้าล้มเหลวในการย้อนเวลา มันเป็นเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ช่วยข้าไว้ ข้าเข้าใจแล้ว ในชีวิตก่อนหน้าค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาถูกทำลาย เทพปีศาจจิตวิญญาณล้มเหลว ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากข้าเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง!’
‘กระไรนะ!? มรดกที่แท้จริงของมนุษย์คนแรก!’
ถัดไป ฟางหยวนเห็นเทพปีศาจจิตวิญญาณใช้วิธีกลืนกินดวงวิญญาณก่อนจะส่งร่างแยกทั้งเจ็ดมายังโลกของสิ่งมีชีวิต
จากนั้น เขายังเข้าใจต้นกำเนิดของวิญญาณอมตะดาบแห่งปัญญาและความสัมพันธ์ระหว่างโม่เหยากับโป้ชิง
‘ดวงวิญญาณที่หลับไหลอยู่ในดวงแสงสีทองคือหยางเมิ้งงั้นหรือ? มันคือสิ่งที่ถือกำเนิดจากดวงตาข้างขวาของมนุษย์คนแรกในตำนาน!?’
‘โป้ชิงคือสีฟ้า! แท้จริงแล้วสีม่วงก็คืออาจารย์ของไท่เป่ยหยุนเฉิง ราชันภูเขาม่วงที่ข้าตั้งชื่อให้!?’
‘ความจริงเบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่างโม่เหยากับโป้ชิงเป็นเช่นนี้’
‘เจตจำนงสวรรค์! ทรัพยากรอมตะเหล่านั้นเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์! นิกายเงาทิ้งพวกมันเพราะเรื่องนี้ ในอนาคตหากข้ายังเก็บพวกมันเอาไว้ ข้าจะดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์หรือไม่?’
‘เป็นเช่นนั้น ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายเงา ผู้อมตะต้าหลี่ก็คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดที่ถูกผนึกไว้ด้วยสนามรบแห่งความโกลาหล! ทุกอย่างสามารถอธิบายแล้วในเวลานี้’
ภัยพิบัติอากาศสดใสจบลงขณะที่ภัยพิบัติน้ำมันพิษเริ่มขึ้น
ฉากต่อไปทำให้ฟางหยวนตกใจมาก
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าวิญญาณกาลเวลาถูกค้นพบโดยนิกายเงามานานแล้ว
ด้วยความช่วยเหลือจากนิกายเงา เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบที่รุนแรงหลังจากวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลง
ขณะเดียวกันฉินไป่เฉิงกับคนอื่นๆยังช่วยเขาจัดการปัญหาโดยการเผชิญหน้ากับฟงจิวเก้อ
พลังอำนาจของนิกายเงาน่าเหลือเชื่อมาก พวกเขากระทั่งสามารถอนุมานภัยพิบัติทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น
‘ครั้งนี้ความลับเรื่องการครอบครองวิญญาณกาลเวลาของข้าจะถูกเปิดเผยให้คนทั้งโลกได้รับรู้’
‘ดูเหมือนนิกายเงาต้องการใช้ประโยชน์จากปีศาจต่างโลกเช่นข้า แต่เนื่องจากโชคชะตาพลิกผัน นิกายเงาของภาคเหนือจึงถูกกำจัดไปเกือบหมด ไม่ นี่เป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์!?’
‘นิกายเงาใช้วิธีใดในการอนุมานภัยพิบัติทั้งหมด ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีใด มันก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการต่อต้านภัยพิบัติ!’
‘เทพปีศาจจิตวิญญาณช่างน่าเกรงขามนัก! เขาน่าจะเป็นผู้อมตะระดับเก้าที่ทรงพลังที่สุด ในช่วงที่เขามีชีวิต เขาอาจเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆ แต่หลังจากเขาใช้วิธีกลืนกินดวงวิญญาณ เขาสามารถขโมยความทรงจำและประสบการณ์การบ่มเพาะจากคนอื่นๆ แม้ความสำเร็จของเขาจะไม่ยกระดับขึ้นทันทีเหมือนการคลี่คลายอาณาจักรแห่งความฝัน แต่หลังจากหลายปี เขาจึงประสบความสำเร็จในหลากหลายเส้นทางรวมถึงเส้นทางแห่งค่ายกลและเส้นทางแห่งปัญญา อย่างน้อย็วามสำเร็จของเขาก็ต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์เอก! มันไม่แปลกที่เขาจะสามารถอนุมานภัยพิบัติทั้งหมด!’
‘ในกรณีนี้มันกลับเป็นเรื่องแปลกที่เขาไม่เคลื่อนไหว เขาทำเช่นนี้เพราะมีเจตนาบางอย่างงั้นหรือ?’
ภัยพิบัติน้ำมันพิษและความทรงจำสีเทาจบลงขณะที่ภัยพิบัติเถาวัลย์มังกรเริ่มขึ้น
หอคอยดวงตาสวรรค์ต่อสู้เป็นครั้งสุดท้ายโดยใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุด
เทพปีศาจจิตวิญญาณปกป้องค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาด้วยทุกสิ่ง
ในที่สุดหอคอยดวงตาสวรรค์ก็ระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เจ้าวังและผู้อมตะวังสวรรค์หลายคนสังเวยตนเองในภารกิจนี้
ทั้งสองฝ่ายประสบความสูญเสียครั้งใหญ่
ร่างกายของเทพปีศาจจิตวิญญาณหดเล็กลงและกลายเป็นเปราะบางมาก
ดวงวิญญาณของโม่เหยาบังคับร่างผีดิบอมตะโป้ชิงบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและตั้งคำถามกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่นางกลับถูกกำจัด
“เจ้าเป็นอุปสรรคสุดท้ายของข้างั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า น่าเสียดาย หากม่านเยี่ยนซื่อไม่เตือนข้าล่วงหน้า เจ้าอาจทำให้ข้าเดือดร้อน แต่ตอนนี้…ฮ่าฮ่า เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าวิญญาณอมตะทั้งหมดของเจ้ามีเจตจำนงของข้าอยู่ภายใน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าผู้ใดเป็นผู้ให้อาหารพวกมันตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
คำกล่าวของเทพปีศาจจิตวิญญาณทำให้หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก
ระหว่างช่วงเวลานี้ฟางหยวนพยายามถอดรหัสท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันและได้เรียนรู้หลายสิ่ง
นิกายเงาออกแบบท่าไม้ตายให้อิงอู๋เซี่ย แต่การบ่มเพาะของอิงอู๋เซี่ยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจัดหาวิญญาณที่เหมาะสมในระดับต่างๆให้อิงอู๋เซี่ย
นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถเรียนรู้พวกมันได้อย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนเข้าใจบางอย่าง ‘ข้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะโจมตีเทพปีศาจจิตวิญญาณ หากล้มเหลว ข้าจะไม่มีโอกาสที่สอง!’
เทพปีศาจจิตวิญญาณที่พึ่งกินดวงวิญญาณของโม่เหยากล่าวกับฟางหยวน “อิงอู๋เซี่ย เจ้าต้องปกป้องข้า ข้าต้องการเวลาอีกเพียงสิบลมหายใจก่อนที่ทุกสิ่งจะประสบความสำเร็จ”
“ทราบแล้ว!” อิงอู๋เซี่ยบินขึ้นมาหยุดอยู่ด้านหน้าเทพปีศาจจิตวิญญาณด้วยความกระตือรือร้น
“เราหมดโอกาสแล้ว” ผู้อมตะวังสวรรค์ถอนหายใจและเริ่มล่าถอย
ด้านเทพปีศาจจิตวิญญาณ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสิ่งที่กำลังหลอมรวม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“หลังจากวางแผนและทุ่มเทความพยายามมานานหลายหมื่นปี ในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะระดับเก้า วิญญาณดวงนี้จะทำให้ข้าก้าวข้ามผู้อมตะระดับเก้าทั้งหมดในประวัติศาสตร์ ข้าจะได้รับร่างของปีศาจต่างโลกที่ไม่มีผู้ใดเคยเห็นมาก่อน ผู้อมตะระดับเก้าทั้งหมดจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับข้า กระทั่งมนุษย์คนแรกจะฟื้นขึ้นมา เขาก็ยังด้อยกว่าข้า ฮ่าฮ่าฮ่า”
เทพปีศาจจิตวิญญาณเงยหน้าหัวเราะขึ้นสู่ท้องฟ้า
‘วิญญาณทารกอมตะ?’ หัวใจของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้น ‘วิญญาณดวงนี้มีไว้เพื่อสิ่งใด? มันอนุญาตให้เทพปีศาจจิตวิญญาณบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนงั้นหรือ? มันใช่ขอบเขตนิรันดร์หรือไม่?’
ดวงตาของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลายเป็นน่ากลัว “ยิ่งใกล้จุดจบ ข้ายิ่งไม่สามารถประมาท”
หัวใจของฟางหยวนเต้นแรงอีกครั้ง
แต่สุดท้ายเทพปีศาจจิตวิญญาณก็เงยหน้าพ่นลมหายใจขึ้นสู่ท้องฟ้า
ปราณจิตวิญญาณพุ่งเข้าทำลายวิญญาณสายสืบสวนทั้งหมดของผู้อมตะวังสวรรค์ในครั้งเดียว
‘ดังคาด บทเพลงลึกลับประโยคสุดท้ายอธิบายวิธีใช้ท่าไม้ตายอมตะผนึกภูตผี มันก็คือการป้องกันการตรวจสอบดวงวิญญาณ ย้อนกลับไป เทพปีศาจปล้นสวรรค์สามารถยึดครองภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และสามารถเดินทางไปยังโลกหลังความตายก็เพราะท่าไม้ตายนี้’
‘ดังนั้นเทพปีศาจจิตวิญญาณจึงไม่สงสัยในตัวข้า ดูเหมือนว่าอิงอู๋เซี่ยก็เป็นร่างแยกของเขาเช่นกัน’
ฟางหยวนเห็นเทพปีศาจจิตวิญญาณลอยเข้าไปหาทารกอมตะ
ตามข้อมูลจากบทเพลงลึกลับ เขาต้องทำลายวิญญาณทารกอมตะ วิญญาณอมตะบอบบางมาก มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะถูกทำลาย แต่ไม่ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณจะอ่อนแอเพียงใด มันก็ยังมีความเสี่ยงสูงหากบางคนต้องการต่อต้านเขา
อย่างไรก็ตามฟางหยวนมีความคิดที่แน่วแน่มาก เขาพุ่งเข้าคว้าร่างของเทพปีศาจจิตวิญญาณโดยตรง
“นำวิญญาณสู่ความฝัน” ฟางหยวนกล่าว
ฟางหยวนยังไม่เข้าใจท่าไม้ตายนี้ทั้งหมด สิ่งที่เขาใช้ยังด้อยกว่าท่าไม้ตายนำวิญญาณสู่ความฝันระดับแปด
แต่ตอนนี้เทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด
ดังนั้นฟางหยวนจึงประสบความสำเร็จในครั้งเดียว
จากนั้นเขารีบออกจากร่างของอิงอู๋เซี่ยและลอยเข้าหลอมรวมกับวิญญาณทารกอมตะ
เขาฝ่าฝืนคำสั่งของเทพอมตะกลุ่มดาวขณะเดียวกันก็ฉกชิงผลงานที่เทพปีศาจจิตวิญญาณทุ่มเทเวลาและความพยายามทั้งหมดเพื่อสร้างมันขึ้นมา!