เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1033
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1033 ก้าวต่อไปด้วยใจมุ่งมั่น
แปลโดย iPAT
บนยอดเขานิรนามของภาคใต้
ฟางหยวนถือวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติไว้ในมือซ้ายและถือวิญญาณอมตะดาบบินไว้ในมือขวา
เขามองดูพวกมัน
ทั้งสองมีประโยชน์ต่อเขา
วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเป็นวิญญาณสายเคลื่อนไหว ความเร็วของมันไม่แพ้วิญญาณเคลื่อนพลังปราณระดับเจ็ด สำหรับวิญญาณอมตะดาบบิน มันเป็นวิญญาณอมตะสายโจมตีที่มีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางก่อนจะเก็บวิญญาณอมตะทั้งสองดวง
พวกมันถูกปรับแต่งโดยฟางหยวนเรียบร้อยแล้วด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณสติปัญญา
ดังนั้นตอนนี้ฟางหยวนจึงสามารถใช้งานพวกมัน
ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะทั้งสอง ฟางหยวนรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยของตนเองมากขึ้น
ก่อนหน้านี้เขามีวิญญาณทัศนคติ วิญญาณเปลี่ยนวิญญาณ และวิญญาณคลี่คลายปริศนา เขาขาดวิญญาณอมตะสายเคลื่อนไหวและวิญญาณอมตะสายโจมตี ตอนนี้เมื่อฟางหยวนได้รับวิญญาณดาบทะลวงมิติและวิญญาณดาบบิน จุดอ่อนของเขาจึงถูกแก้ไขขณะที่พลังการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้น
หากฟางหยวนพบเฮากงตงอีกครั้ง เขาสามารถสังหารคนผู้นี้ได้ทันที
เมื่อถึงจุดนี้ฟางหยวนหยุดเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลือง
เนื่องจากการขนส่งวิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งสองดวงทำให้สวรรค์สีเหลืองเกิดความปั่นป่วน ผู้คนพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ในโลกของผู้อมตะมีผู้อมตะระดับหกอยู่มากที่สุด
ผู้อมตะส่วนใหญ่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครอง
ดังนั้นธุรกรรมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดในสวรรค์สีเหลืองจึงส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขาเป็นอย่างมาก
สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิด มันไม่สามารถเก็บความลับ แต่ฟางหยวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งพาสวรรค์สีเหลืองเท่านั้น
หลังจากได้รับวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบทั้งสอง ฟางหยวนหยุดเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองและปล่อยให้ผู้คนตกลงสู่ความสับสนวุ่นวาย
เขาใช้วิญญาณถ้วยชมทิวทัศน์ติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
“เจ้าใช้แต้มผลงานไปแล้วสามสิบแต้ม” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว
การซื้อขายในสวรรค์สีเหลืองมีค่าธรรมเนียม
มันจะถูกคำนวณตามรัศมีแสงที่เกิดจากวิญญาณแสงสมบัติ
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นผู้จ่ายค่าธรรมเนียม ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีหักแต้มผลงานของฟางหยวน
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งของแต้มผลงานที่ใช้ไปถูกนำไปซื้อวิญญาณให้กับฟางหยวน
“ข้าต้องการพูดคุยกับท่านเกี่ยวกับธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว” ฟางหยวนเปิดประเด็น
เขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน กระทั่งท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นมืดมิดทั้งสองจึงบรรลุข้อตกลง
ธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว!
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความตื่นเต้น
สายลมที่หนาวเย็นไม่สามารถดับไฟในตัวเขา
ก่อนหน้าธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยวของฟางหยวนถูกจำกัด เหตุผลประการหนึ่งก็คือจำนวนทาสมนุษย์ขนที่ไม่เพียงพอ
เนื่องจากการนำวิญญาณความเด็ดเดี่ยวออกจากภูเขาตงฮันต้องใช้วิญญาณถุงสูญญากาศ แต่วิญญาณถุงสูญญากาศพึ่งพาวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณของไห่ลั่วหลัน จากนั้นทาสมนุษย์ขนจะดำเนินการหลอมรวมต่อ
ตอนนี้ไห่ลั่วหลันจากไปแล้วขณะที่ฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณ
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาเพราะฟางหยวนเคยใช้แสงแห่งปัญญาคิดค้นเคล็ดลับใหม่ในการหลอมรวมวิญญาณถุงสูญญากาศเอาไว้แล้ว เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะต้องการรักษาความร่วมมือกับไห่ลั่วหลัน
ดังนั้นจำนวนทาสมนุษย์ขนจึงเป็นปัญหาหลักของเขา
มันเป็นเรื่องยากที่จะเพิ่มจำนวนทาสมนุษย์ขน
ประการแรก ทาสมนุษย์ขนราคาแพงที่สุดในบรรดาทาสมนุษย์กลายพันธุ์ ยิ่งมนุษย์ขนมีทักษะในการหลอมรวมสูงเท่าใด ราคาของมันก็ยิ่งแพงเท่านั้น
ประการที่สอง กระบวนการหลอมรวมวิญญาณเต็มไปด้วยอันตราย ทาสมนุษย์ขนอาจตายระหว่างกระบวนการ ดังนั้นแม้ฟางหยวนจะพยายามเติมเต็มทาสมนุษย์ขน แต่จำนวนของพวกมันก็ไม่เคยเพิ่มขึ้น
ฟางหยวนต้องการเพาะเลี้ยงเผ่ามนุษย์ขนด้วยตนเอง แต่เขาไม่รู้วิธีและไม่สามารถทำได้
แต่ตอนนี้!
ฟางหยวนเข้าร่วมกับนิกายหลางหยา
มีมนุษย์ขนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาจำนวนเท่าใด?
นับไม่ถ้วน!
แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอาจมีประชากรมนุษย์ขนอยู่มากที่สุดในห้าภูมิภาคของโลกใบนี้
นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ฟางหยวนยินดีให้นิกายหลางหยายืมภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป
ด้วยการใช้มนุษย์ขนจำนวนมหาศาลของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาในการหลอมรวมวิญญาณถุงสูญญากาศ เขาจะสามารถขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวได้มากขึ้นและได้รับผลกำไรในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
‘ตราบเท่าที่ยังมีสวรรค์สีเหลือง แม้ผู้อมตะภาคกลางจะต้องการปราบปรามธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว พวกเขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด’
‘แม้นิกายหลางหยาจะได้รับผลประโยชน์มากกว่าครึ่ง แต่กำไรต่อเดือนในการขายวิญญาณความเด็ดเดี่ยวของข้ายังบรรลุถึงระดับหกพันหินวิญญาณอมตะ!’
ก่อนหน้านี้ฟางหยวนมีรายได้จากธุรกิจทั้งหมดของเขาเดือนละสองพันหินวิญญาณอมตะเท่านั้น
ตอนนี้หลังจากเข้าร่วมนิกายหลางหยา เพียงธุรกรรมวิญญาณความเด็ดเดี่ยว เขาก็ได้รับหินวิญญาณอมตะถึงหกพันก้อนต่อเดือน
นี่เป็นตัวเลขที่ผู้อมตะระดับหกทั่วไปไม่สามารถจินตนาการถึง
หลังจากกำเนิดใหม่ ฟางหยวนพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียก่อนจะตัดสินใจเข้าร่วมนิกายหลางหยา
ประการแรก วันหนึ่งเมื่อฟางหยวนถูกไล่ล่าโดยคนทั้งโลก สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเขาก็คือแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ขณะที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเผ่ามนุษย์ขน ดังนั้นเขาจึงต้องเป็นพันธมิตรกับฟางหยวนโดยธรรมชาติ
ประการที่สอง แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามีรากฐานที่ไม่อาจหยั่งถึง ในชีวิตก่อนหน้า มันสามารถต่อต้านภัยคุกคามได้ถึงเจ็ดครั้ง
ประการที่สาม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถโกหก ฟางหยวนสามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุผลสามประการนี้ ฟางหยวนจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับนิกายหลางหยา
ในความเป็นจริงตั้งแต่คืนแรกที่ฟาหงยวนฟื้นขึ้น เขาก็ได้รับประโยชน์มหาศาลจากนิกายหลางหยาเรียบร้อยแล้ว
ฟางหยวนไม่เพียงใช้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ เขายังใช้รากฐานของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตนเองอีกด้วย
‘ข้าผ่านช่วงเวลาที่อ่อนไหวที่สุดไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องตรวจสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิของข้าแล้ว’
มันเป็นราตรีที่ไร้ดาว สายลมหนาวกำลังพัดเข้ามา
ฟางหยวนเข้าไปในถ้ำสามดารา หลังจากทานอาหาร เขาก็เริ่มตรวจสอบมิติช่องว่างของตน
วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากทำให้ประสิทธิภาพในการตรวจสอบเพิ่มสูงขึ้น
และนี่เป็นคืนที่ฟางหยวนไม่สามารถข่มตาหลับ
กระทั่งถึงยามเช้า ฟางหยวนเดินออกจากถ้ำสามดาราเพื่อชมอาทิตย์ขึ้น
ภาคใต้เต็มไปด้วยภูเขาและมีหมอกในตอนเช้า เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น มันดูราวกับก้อนเมฆกำลังลุกไหม้
แสงแรกแห่งรุ่งอรุณทำให้ขอบฟ้ากลายเป็นสีแดงทอง
ในไม่ช้าแสงอันสว่างไสวและร้อนแรงก็พวยพุ่งออกมาราวกับโลหะที่พึ่งถูกนำออกจากเตาเผา
ดวงอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าและสร้างเป็นฉากที่งดงามประการหนึ่ง
ในใจของฟางหยวนเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่ก่อตัวขึ้น
“ภูเขามากมายราวกับขั้นบันไดที่สร้างจากเหล็กกล้า เดินหน้าไปด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น เดิมพันกับแก่นแท้แห่งอนันต์ ใจข้ายังแสวงหานิรันดร”
ฟางหยวนพึมพำขณะอ้าแขนกระโดดลงจากหน้าผาก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
หลังจากหนึ่งคืน เขาเข้าใจมิติช่องว่างจักรพรรดิมากขึ้นแล้ว
นอกจากพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าสามแสนสามหมื่นห้าพันตารางกิโลเมตร เวลาหนึ่งวันของโลกภายยังเท่ากับเวลาสองเดือนในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
หากเปรียบเทียบ เวลาในมิติช่องว่างของไห่ลั่วหลันยังมีอัตราส่วนของเวลาเท่ากับหนึ่งต่อสามสิบแปดวันของโลกภายนอกเท่านั้น
แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนมีอัตราส่วนเวลาเท่ากับหนึ่งต่อหกสิบ มันเหนือกว่ามิติช่องว่างของไห่ลั่วหลันไปไกลมาก
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับพื้นที่ เรื่องของเวลายังไม่น่าประทับใจมากนัก
แต่นี่ก็ทำให้ฟางหยวนมีความสุขมากแล้ว
เหตุผลก็คือยิ่งเวลาเดินเร็วเท่าใด ฟางหยวนก็จะพบภัยพิบัติเร็วเท่านั้น มันจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา
บางทีเทพปีศาจจิตวิญญาณอาจพิจารณาถึงประเด็นนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงสร้างมิติช่องว่างที่มีอัตราส่วนของเวลาเหนือกว่ามิติช่องว่างระดับสูงสุดไม่มากนัก
นอกจากเรื่องของเวลา ฟางหยวนยังพบองุ่นเขียวอมตะจำนวนสิบหกผลอยู่ในมิติช่องว่างของเขา
สิ่งที่ทำให้มิติช่องว่างที่มีชีวิตแตกต่างจากมิติช่องว่างที่ตายไปแล้วก็คือมันสามารถผลิตพลังงานอมตะ
สามารถผลิตองุ่นเขียวอมตะจำนวนสิบหกผลต่อวัน นั่นหมายความว่าเขาจะได้รับองุ่นเขียวอมตะจำนวนสี่ร้อยแปดสิบผลต่อเดือน นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก!
ฟางหยวนยังพบว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋า
มันเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกเส้นทางไม่ว่าจะเป็นไฟ วารี ปฐพี วายุ ไม้ แสง ความมืด พิษ และอื่นๆ มันมีกระทั่งร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งโชค!
สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนตกใจมากขึ้นก็คือไม่เพียงร่างนี้จะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่หลากหลาย แต่มันยังมีปริมาณมากอีกด้วย
เขาประเมินคร่าวๆและพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแต่ละเส้นทางประมาณหนึ่งร้อยร่องรอย
ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าหนึ่งร้อยร่องรอยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของวิญญาณได้ถึงสามสิบส่วน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฟางหยวนสามารถใช้วิญญาณระดับมนุษยเพื่อบินในระดับเดียวกับท่าไม้ตาย
แต่การค้นพบนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
โดยปกติแล้วพลังงานแห่งเต๋าที่แตกต่างกันมักจะต่อต้านกันและทำให้พวกมันอ่อนแอลง
ตัวอย่างเช่นผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารี หากพวกเขาใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งไฟ พวกเขาจะปลดปล่อยพลังอำนาจของมันได้น้อยกว่าปกติ บางทีอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์
แม้ผู้อมตะจะบ่มเพาะมากกว่าหนึ่งเส้นทางแต่พวกเขาก็จะเลือกเส้นทางหลักและรองที่สอดคล้องกัน
นี่เป็นเรื่องพื้นฐานของโลกผู้อมตะ
‘แต่น่าแปลกที่ข้าไม่รู้สึกว่าพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ต่อต้านกัน ในความเป็นจริงพวกมันกระทั่งส่งเสริมซึ่งกันและกัน สิ่งนี้ขัดต่อตรรกะของโลกผู้บ่มเพาะ เกิดสิ่งใดขึ้น?’
‘อีกประเด็นหนึ่งคือผู้ใช้วิญญาณที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะต้องมีวิญญาณหลักหนึ่งดวง แต่มิติช่องว่างของข้ากลับไม่มีแม้แต่หนึ่งดวง นี่เป็นไปได้อย่างไร?’
ยิ่งเรียนรู้มิติช่องว่างจักรพรรดิมากเท่าใด ในใจของฟางหยวนก็ยิ่งเต็มไปด้วยคำถาม
‘ข้าได้ใช้วิธีการทั้งหมดในการตรวจสอบไปแล้ว ดูเหมือนข้ายังต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ นิกายเงา หรืออิงอู๋เซี่ย’
‘แต่ตอนนี้ภูเขาอี้เทียนถูกปิดผนึกโดยผู้อมตะภาคใต้ขณะที่ข้าไม่รู้ที่อยู่ของอิงอู๋เซี่ย’
‘เอาล่ะ ลืมมันไปก่อน สิ่งสำคัญเวลานี้ก็คือการตามหานักสำรวจสวรรค์หนี่เซียง!’