เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1064
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1064 ข้าคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
แปลโดย iPAT
เหตุใดฟางหยวนจึงเลือกเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง?
หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนพิจารณาถึงคำถามนี้มาตลอด
ในชีวิติก่อนหน้าเขาเลือกเส้นทางแห่งเลือดเพราะมันทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นในชีวิตก่อนหน้าเขายังพบมรดกบนเส้นทางแห่งเลือดโดยบังเอิญ
หลังจากกำเนิดใหม่ เขายอมแพ้เส้นทางแห่งเลือดและเลือกเส้นทางความแข็งแกร่งเพราะก่อนที่สงครามห้าภูมิภาคจะปะทุขึ้นเส้นทางแห่งเลือดไม่สามารถเติบโต อีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากความทรงจำเกี่ยวกับมรดกที่สามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นบนเส้นทางความแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางความแข็งแกร่ง พวกมันต่างมีจุดอ่อน
เส้นทางแห่งเลือดจะดึงดูดความเกลียดชังของผู้คน ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้จะถูกคนทั้งโลกไล่ล่า
เส้นทางความแข็งแกร่งตกต่ำลงอย่างมาก แม้จักรพรรดิอมตะชูตู๋จะสร้างเส้นทางสายใหม่แต่มันยังไม่สามารถหยุดการตกต่ำของเส้นทางสายนี้
ทั้งสองเส้นทางไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด
ฟางหยวนสรุป ตั้งแต่กำเนิดใหม่ เขาได้รับโชคลาภมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งโชค หรือเส้นทางแห่งการโจรกรรม
เส้นทางเหล่านี้มีโอกาสก้าวหน้าสูง ตัวอย่างเช่นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟาน หรือมรดกบนเส้นทางแห่งดวงดาวของจักรพรรดิแห่งดวงดาวหว่านเซียง
เส้นทางแห่งดวงดาวและเส้นทางแห่งปัญญาเหนือกว่าเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางความแข็งแกร่ง
สิ่งสำคัญก็คือการได้รับมรดกจะส่งผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ความสำเร็จในอดีตของคนรุ่นก่อนจะช่วยให้คนรุ่นหลังก้าวหน้าเร็วกว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองตั้งแต่เริ่มต้น
หากฟางหยวนได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาหรือเส้นทางแห่งดวงดาวในชีวิตก่อนหน้า ตราบเท่าที่สถานการณ์เอื้ออำนวย เขาจะเลือกรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟานและกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา
ผู้อมตะบนเส้นาทางแห่งปัญญามีน้อยมาก นอกจากพวกเขาจะได้รับความนิยม ผู้คนยังหวาดกลัวตัวตนเหล่านี้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเส้นทางของผู้บ่มเพาะไม่ได้ขึ้นอยู่กับโอกาสเติบโตในอนาคตเท่านั้น แต่ความต้องการเฉพาะหน้าก็เป็นเรื่องสำคัญ
มรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟานมาจากผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ มันยอดเยี่ยมเพราะถูกพัฒนาและส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่มรดกนี้ยังมีจุดอ่อน มันไม่ดีนักในแง่ของการต่อสู้ จุดแข็งที่สุดของมรดกนี้คือการอนุมาน
เพื่อชดเชยจุดอ่อนนี้ ตงฟางชางฟานได้สร้างท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราขึ้นมา
แต่มรดกของตงฟางชางฟานยังไม่เหมาะสมกับฟางหยวนในปัจจุบันเพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายจากทุกทิศทางไม่ว่าจะเป็นอิงอู๋เซี่ย กองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงา วังสวรรค์ สิบนิกายโบราณของภาคกลาง หรือตระกูลฮวงจินของภาคเหนือ กล่าวได้ว่าฟางหยวนมีศัตรูมากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากความลับทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผย
ดังนั้นฟางหยวนไม่เพียงต้องพิจารณาถึงอนาคตแต่เขายังต้องพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันอีกด้วย
บางครั้งความต้องการเฉพาะหน้าก็สำคัญกว่าโอกาสในอนาคต
หากไม่สามารถจัดการสถานการณ์ปัจจุบัน มันก็ไร้ประโยชน์ที่จะกล่าวถึงอนาคต
ตอนนี้ฟางหยวนต้องการพลังการต่อสู้!
เส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งสายฟ้า เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งเลือด เส้นทางทั้งห้าได้รับการยอมรับจากสาธารธชนว่าเป็นเส้นทางที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด
สามเส้นทางแรกเป็นเส้นทางกระแสหลักที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน
สองเส้นทางหลังถือเป็นเส้นทางที่มีประวัติศาสตร์สั้นมาก เส้นทางแห่งดาบเกิดจากโป้ชิงขณะที่เส้นทางแห่งเลือดเกิดจากบรรพชนเลือด นอกจากคนทั้งสอง มีไม่กี่คนที่โดดเด่นบนเส้นทางนี้ ดังนั้นรากฐานของเส้นทางทั้งสองจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอีกสามเส้นทาง
สำหรับฟางหยวน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ หรือเส้นทางแห่งสายฟ้า ความสำเร็จของเขาอยู่ในระดับทั่วไป นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีมรดกบนเส้นทางเหล่านี้
ในทางตรงข้ามเขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด สำหรับเส้นทางแห่งดาบ แม้เขาจะไม่มีความสำเร็จใดๆแต่เขามีวิญญาณอมตะของโป้ชิง
โดยปราศจากมรดก ผู้บ่มเพาะต้องคิดค้นและสร้างวิธีของตนเองจากความสำเร็จส่วนตัว แต่มันเป็นเรื่องยากมาก
กล่าวถึงความสำเร็จของฟางหยวน เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางความแข็งแกร่ง
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเขาอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญ
ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของเขาอยู่ในระดับกึ่งผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับเส้นทางสายอื่นเช่นเส้นทางแห่งดาบ เส้นทางแห่งแสง เส้นทางแห่งความมืด และอื่นๆ เขามีความสำเร็จอยู่ในระดับทั่วไป นอกจากนั้นเขายังไร้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งภูตผีอย่างสิ้นเชิง
หากพิจารณาในแง่ของความสำเร็จ เขาควรมุ่งหน้าไปบนเส้นทางสี่สายแรกที่บรรลุระดับปรมาจารย์
แต่เส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางความแข็งแกร่งใกล้ล่มสลายขณะที่เส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งดวงดาวไม่โดดเด่นมากพอในแง่ของพลังการต่อสู้
ทุกสิ่งผลักดันให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาค่อยๆเรียนรู้เกี่ยวกับร่างใหม่ เขาก็เริ่มมองเห็นความหวังอีกครั้ง
เขาตระหนักว่าร่างกายของเขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท
นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
สิ่งสำคัญที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ไม่ต่อต้านกันเองและทำให้พวกมันอ่อนแอลง!
เรื่องนี้น่าอัศจรรย์เกินไป
เมื่อฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งดีๆเช่นนี้จะมีอยู่จริง
ความรู้ดั่งเดิมเกี่ยวกับการบ่มเพาะถูกพลิกคว่ำ หากเขาบอกคนอื่น ผู้คนเหล่านั้นจะคิดว่าเขากล่าวเรื่องไร้สาระ
แต่วิญญาณทารกอมตะเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้าที่เทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาใช้เวลานับหมื่นปีเพื่อสร้างขึ้น
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากร่างกายนี้จะอัศจรรย์เกินกว่าสามัญสำนึกของคนทั่วไป
แน่นอนว่าฟางหยวนมีความสุขมาก เพราะผลประโยชน์นี้ไม่ได้มีไว้เพียงผู้อื่นแต่มีไว้เพื่อตัวเขาเอง!
สิ่งนี้อนุญาตให้เขาฝึกฝนได้ทุกเส้นทาง!
ก่อนหน้านี้ด้วยการคงอยู่ของทะเลวิญญาณที่สอง ฟางหยวนวางแผนที่จะสร้างมิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิยิ่งไร้สาระมากกว่า มันสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง
นี่เป็นเหมือนความฝัน
ในประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจ พวกเขาล้วนบ่มเพาะบนเส้นทางสายเดียวเป็นหลักหรืออาจจะเพิ่มเติมอีกหนึ่งเส้นทาง กระทั่งบางคนจะต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางที่หลากหลาย ผลลัพธ์ของพวกเขาก็มีเพียงความล้มเหลวหลังจากกัดฟันพยายามอย่างหนัก
เหตุผลเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ต่อต้านกัน
แต่ฟางหยวนไม่มีปัญหานี้ เขาสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง กล่าวได้ว่าอนาคตของเขาสดใสยิ่งกว่าเทพอมตะหรือเทพปีศาจทั้งหมดในประวัติศาสตร์
ฟางหยวนสงบจิตใจลง
ความคิดมักสวยงามแต่ในความเป็นจริงการบ่มเพาะทุกเส้นทางเป็นได้เพียงในฝัน เขาต้องพิจารณาถึงระยะเวลาและทรัพยากร สิ่งสำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ปลอดภัยและสงบสุข
ฟางหยวนไม่มีสิ่งเหล่านี้
เขามีเวลาและทรัพยากรที่จำกัด ศัตรูของเขามีอยู่ทั้งห้าภูมิภาค อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ลืมเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางของตนเองไปได้เลย ฟางหยวนไม่มีพื้นฐานด้านนี้ เขาสามารถเลือกเส้นทางสายเดียวที่มีอยู่ในปัจจุบันและเดินไปตามเส้นทางสายนั้น อย่างมากเขาก็สามารถบ่มเพาะเส้นทางคู่เท่านั้น
ในบรรดาเส้นทางทั้งหมดที่สามารถมอบพลังการต่อสู้ให้ฟางหยวนโดยพิจารณาถึงระดับความสำเร็จและมรดกที่เขามี ฟางหยวนคิดถึงเส้นทางสายหนึ่ง
นั่นก็คือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!
เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงถูกเรียกว่าภาพสะท้อนของทุกเส้นทาง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนไปยังเส้นทางสายอื่นได้ทั้งหมด
แต่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงยังมีข้อบกพร่องที่คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือเมื่อผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น พวกเขาต้องกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเดิมทิ้งไปเพื่อป้องกันไม่ให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสองชนิดต่อต้านกัน
แต่ข้อบกพร่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฟางหยยวนเนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสามารถอยู่ร่วมกันบนร่างกายของเขา
อาจกล่าวได้ว่าเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถแสดงข้อได้เปรียบของฟางหยวนออกมาได้มากที่สุด
ท่ามกลางประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฟางหยวนกลายเป็นหนึ่งในสองคนที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกฝนบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง
ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถใช้วิญญาณอมตะทุกเส้นทางได้โดยไม่ดึงดูดความสงสัย
หลังจากเปลี่ยนร่าง เขายังสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบนเส้นทางสายต่างๆ ตัวอย่างเช่นเมื่อเขาเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งดาบ เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบจำนวนมาก นั่นสามารถเพิ่มพลังอำนาจให้กับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่เขามีอยู่
แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนจะไม่สูงนักแต่เขามีความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง!
แม้ฟางหยวนจะไม่มีมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเหตุใด? เนื่องจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงหาได้ง่าย
ฟางหยวนสามารถหาซื้อและสะสมพวกมันได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ฟางหยวนยังพิจารณาถึงประเด็นอื่นๆ
หากฟางหยวนฝึกฝนและมีความสำเร็จในระดับหนึ่ง เขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ขนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามากขึ้น!
ในอนาคตเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอันตราย เขาอาจเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นเพื่อหลอกลวงฝ่ายตรงข้าม หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยและเขาไม่สามารถใช้อัตลักษณ์เดิม เขาสามารถปกปิดตัวตนและท่องเที่ยวไปทั่วโลกได้อย่างปลอดภัย
“จากนี้ไปข้าคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!”