เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1235
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1235 จุดจบของงานประลองทุ่งโลหิต
แปลโดย iPAT
ราชันมังกรถอนหายใจ “ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้ว่ามีขอบเขตของผู้อมตะระดับสิบ แต่วิญญาณอมตะระดับสิบมีอยู่จริง นี่เป็นสิ่งที่ได้รับการยืนยันแล้วโดยเทพอมตะสวรรค์พิภพ”
เทพอมตะสวรรค์พิภพเป็นผู้อมตะระดับเก้าหลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาเป็นคนดีและมีเมตตา เขาไม่ค่อยติดต่อกับผู้คน เขารักความสงบ เช่นเดียวกับเทพอมตะตะวันเดือด เทพอมตะสวรรค์พิภพไม่ได้เข้าร่วมกับวังสวรรค์
ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในประวัติศาสตร์ วังสวรรค์มีผู้อมตะระดับเก้าเพียงไม่กี่คนได้แก่เทพอมตะแรกกำเนิด เทพอมตะกลุ่มดาว และเทพอมตะบัวสวรรค์
…..
ภาคเหนือ
งานประลองทุ่งโลหิตบรรลุถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ชูตู๋เดินออกมาและกล่าว “ข้ารู้สึกเป็นเกียรตินัก”
เบื้องหน้าเขาคือผู้อมตะหญิงที่แต่งกายราวกับชาววัง นางดูสง่างามและปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่สามารถสร้างความโกรธเคืองออกมา
มันคือกงหว่านถิง
ภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน
กงหว่านถิงแสดงออกด้วยใบหน้าเคร่งขรึมขณะที่น่างถอนหายใจเบาๆ “จักรพรรดิอมตะ เจ้าช่างยอดเยี่ยมสมฉายานัก เจ้าเอาชนะหลิวจวนเฉิงและเหยาหยวนอิงติดต่อกัน ไม่ว่าผลของการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ชื่อเสียงของจักรพรรดิอมตะก็ยังจะแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งภาคเหนือ”
ใบหน้าของหลิวจวนเฉิงและเหยาหยวนอิงที่ถูกกล่าวถึงยังคงซีดขาว ชูตู๋แข็งแกร่งกว่าทั้งสองมาก
การต่อสู้ส่วนใหญ่ของงานประลองทุ่งโลหิต ตระกูลฮวงจินสามารถปราบปรามนิกายชูและพันธมิตรเผ่าไป่ซู
แต่ในตอนท้ายเมื่อชูตู๋เข้าสู่สนามรบ กองกำลังฝ่ายธรรมะก็ถูกกำหราบทันที
พลังอำนาจของจักรพรรดิอมตะทำให้ผู้อมตะตระกูลฮวงจินรู้สึกหวาดกลัว
นี่เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ฝ่ายธรรมะไม่สามารถส่งผู้ใดออกมาอีก ดังนั้นกงหว่านถิงจึงต้องออกมาด้วยตนเอง
นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่าย
“เชิญ” ชูตู๋สุภาพมาก แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนก
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของกงหว่านถิง นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จักรพรรดิอมตะช่างกล้าหาญอย่างแท้จริง”
หลังกล่าวจบคำแสงสีม่วงก็พุ่งเข้าโจมตีชูตู๋ราวกับกระบี่อันแหลมคม
ชูตู๋คำรามและเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
การต่อสู้อันดุเดือดทำให้สวรรค์พิภพสั่นสะเทือน ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง หลังจากหลายร้อยกระบวนท่าก็ยังไม่ปรากฏผู้ชนะ ผู้อมตะที่เฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้ต้องล่าถอยออกไปสามหมื่นลี้เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ไม่คาดคิดจากการต่อสู้ระหว่างชูตู๋กับกงหว่านถิง
ชูตู๋อาจได้รับบาดเจ็บแต่เขายังโจมตีมากกว่าป้องกันขณะที่กงหว่านถิงทำตรงกันข้ามและมีพลังงานเต็มเปี่ยม
การต่อสู้ที่รุนแรงดำเนินไปอีกร้อยรอบ ชูตู๋ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้น แต่กงหว่านถิงก็ไม่มีช่วงเวลาที่สะดวกสบายอีกต่อไป นางมองชูตู๋ด้วยความเคร่งเครียดและไม่กล้าประมาท
ผู้ชมทั้งหมดรู้สึกอัศจรรย์ใจมาก พวกเขาต่างแสดงความคิดเห็นอย่างไม่รู้จบสิ้น นี่เป็นการปะทะกันระหว่างผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดที่เป็นรองเพียงผู้อมตะระดับแปดเท่านั้น
ดวงอาทิตย์ตก ดวงจันทร์ขึ้น ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ การต่อสู้ยังไม่สามารถตัดสิน
มันไม่แม้แต่จะลดความร้อนแรงลง
กระทั่งถึงรุ่งเช้าของวันที่สอง ทั้งสองฝ่ายนอ่อนแอลงมาก การต่อสู้กำลังจะถึงจุดสิ้นสุด
ผู้ชมต่างกลั้นหายใจและเฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้โดยไม่กระพริบตา
แต่ในจังหวะนี้เสาแสงกลับพุ่งลงมาและแยกชูตู๋กับกงหว่านถิงออกจากกัน
“พอแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงด้วยการเสมอ” ผู้อมตะระดับแปดเหยากวงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
เขามองไปในระยะไกลและกล่าว “จักรพรรดิสวรรค์เห็นด้วยกับข้าหรือไม่?”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าและพยักหน้า “เราจะต่อสู้กันบนท้องฟ้า”
หลังกล่าวจบคำ ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองก็บินเข้าสู่สวรรค์สีขาวภายใต้การจ้องมองของทุกคน
ในไม่ช้าผู้อมตะทั้งหมดก็ได้ยินเสียงระเบิดที่รุนแรงมาจากสวรรค์สีขาว
จักรพรรดิอมตะชูตู๋พ่นลมหายใจออกมา เขาพอใจกับผลลัพธ์นี้
กงหว่านถิงมีสถานะพิเศษ นางเป็นภรรยาขององค์ชายฟงเซี่ยน ชูตู๋ต้องคิดถึงเรื่องนี้และไม่สามารถสังหารนางได้ หากเขาทำ มันจะเป็นการสร้างความขุ่นเคืองให้กับองค์ชายฟงเซี่ยน
หากชูตู๋เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขาอาจไม่กลัว แต่เมื่อเขาก่อตั้งนิกายชู ทุกอย่างจึงแตกต่างออกไป
นอกจากนั้นชูตู๋ยังแสดงความสามารถที่น่าทึ่งออกมาในงานประลองทุ่งโลหิต เพื่อประโยชน์ของเผ่าไป่ซู จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูย่อมไม่ปล่อยให้ชูตู๋ตายอยู่ที่นี่
เช่นเดียวกับสิ่งที่เหยากวงและจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ การประลองครั้งนี้ทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถลดความสูญเสีย
“เหลือเชื่อ! สวรรค์สีขาวเกิดรอยแตกร้าว!”
“นี่สามารถบอกได้ว่าการต่อสู้ของพวกเขารุนแรงเพียงใด!”
“น่าเสียดายที่เราไม่สามารถเข้าไปในสวรรค์สีขาวและชมการต่อสู้โดยตรง”
ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้
การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกับเหยากวงจะตัดสินทุกอย่าง
ในงานประลองทุ่งโลหิต แม้จะมีการสูญเสียมากมาย แต่ผู้อมตะที่ตายก็มีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นผู้อมตะระดับหก มีผู้อมตะระดับเจ็ดเพียงเล็กน้อย การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเย่หลิวชุนซิง
หลังจากนั้นก็ไม่มีการเสียชีวิตเกิดขึ้นอีก
แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บของผู้อมตะเป็นปัญหาใหญ่
เนื่องจากพลังงานแห่งเต๋า มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรักษา ผู้อมตะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล
บนสวรรค์สีขาว
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและเหยากวางนั่งตรงข้ามกันโดยมีกระดานหมากรุกคั่นอยู่ตรงกลาง
“เชิญชิมชาทองคำเปลวที่ข้าพึ่งคิดค้นขึ้นใหม่” เหยากวงหัวเราะเบาๆและแนะนำชาของเขา
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูดื่มมันและพยักหน้าก่อนจะหยิบขนมถุงใหญ่ออกมา
“นี่คือตะขาบทอดสูตรพิเศษของข้า”
ผู้อมตะระดับแปดทั้งสองดื่มชาและกินตะขาบทอดขณะเล่นหมากรุก กล่าวได้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย
เหยากวงถอนหายใจ “ตะขาบทอดนี้สดใหม่และอร่อยมาก ข้าไม่เคยเบื่อหน่ายรสชาติของมัน มันถือเป็นอาหารเลิศรสอย่างแท้จริง”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวชมเช่นกัน “ชาทองคำเปลวของพี่เหยายอดเยี่ยมกว่าชาใบเงิน ดูเหมือนท่านเข้าใกล้ความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตายแล้ว”
ชาหรือสุราทุกชนิดถือได้ว่าเป็นเคล็ดลับในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางอาหารที่ไม่สมบูรณ์
บ่อยครั้งที่การแข่งขันบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมระหว่างผู้อมตะจะใช้การผลิตสุราหรือชาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหรือปกป้องชื่อเสียง
เมื่อผู้อมตะได้ลิ้มรสชาติของชาหรือสุราของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาจะเข้าใจความสามารถในการหลอมรวมของอีกฝ่าย
แน่นอนว่านี่เป็นวิธีที่คลุมเครือมาก มันเป็นเพียงการตรวจสอบอย่างหยาบๆและไม่สามารถบ่งบอกทักษะที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้าม
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรับรู้ถึงรสชาติที่แตกต่างออกไปในชาชนิดใหม่ของเหยากวงเนื่องจากเขาเคยดื่มชาใบเงินของเหยากวงมาก่อน เมื่อเปรียบเทียบชาทั้งสอง จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถตัดสินว่าทักษะการหลอมรวมของเหยากวงพัฒนาขึ้น
พัฒนาการนี้ชัดเจนว่าเกิดจากความพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตายของเหยากวง
สำหรับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู ขนมที่เขาสร้างขึ้นไม่ง่ายเช่นกัน มันแสดงถึงความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขา
แต่ในช่วงที่ผ่านมาจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยุ่งอยู่กับการสร้างเผ่าไป่ซูและการบุกโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ดังนั้นทักษะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาจึงไม่ได้พัฒนาขึ้นมากนัก นี่เป็นเหตุผลที่ตะขาบทอดของเขาไม่แตกต่างจากเดิม
เป็นเพียงเวลานี้ที่เหยากวงมองลงไปด้านล่าง
ไม่ไกลจากพวกเขามีสองร่างกำลังต่อสู้กัน
คนหนึ่งมีลักษณะคล้ายกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูขณะที่อีกคนดูคล้ายเหยากวง
บนพื้นพิภพด้านล่างสวรรค์สีขาว ผู้อมตะในทุ่งโลหิตยังส่งเสียงโห่ร้องอย่างไม่หยุดยั้ง
เหยากวงชมเชย “จักรพรรดิสวรรค์มีทักษะการสร้างร่างแยกที่ลึกล้ำนัก แท้จริงแล้วเจ้าสามารถสร้างร่างแยกที่มีพลังการต่อสู้ของผู้อมตะระดับแปดได้ถึงสามสิบส่วน”
จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูหัวเราะ “ข้าไม่ควรได้รับคำชมนี้ ถ้ำสวรรค์นิรันดรครอบครองหนึ่งในท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ คู่เหมือน มันสามารถสร้างร่างแยกที่มีพลังทัดเทียมกับร่างจริง สำหรับวิธีการของข้า มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะของเทพปีศาจปล้นสวรรค์”
เหยากวงยิ้ม
เขาเข้าใจความตั้งใจของจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู
เหยากวงอธิบาย “อย่าได้กังวล จักรพรรดิสวรรค์ ตราบเท่าที่ผู้อมตะจากถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ปรากฏตัว เพียงป้ายคำสั่ง ไม่สามารถบีบบังคับพวกเรา”
“นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าสถานการณ์ของทั้งห้าภูมิภาคขึ้นอยู่กับผู้อมตะระดับแปดที่ปกครองอยู่เช่นนั้นหรือ?”
“ตอนนี้ในภาคเหนือ ท่ามกลางผู้อมตะระดับแปด ปีศาจอมตะเซี่ยหูแข็งแกร่งที่สุด หากเขาประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ เราจะไม่สามารถหยุดเขาได้อีก แต่ข้าเห็นว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะมีการป้องกันที่หนาแน่น กระทั่งพวกเราก็ยังพบกับความยากลำบากหากต้องการบุกเข้าไป”
“ความขัดแย้งระหว่างพวกเราเป็นเพียงความขัดแย้งภายในของฝ่ายธรรมะ แต่ปีศาจอมตะเซี่ยหูเป็นฝ่ายปีศาจ นั่นเป็นปัญหาที่แท้จริง”
เหยากวงกล่าวอย่างช้าๆขณะที่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูพยักหน้าเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของสหายเฒ่าผู้นี้
เมื่อวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงพังทลายลง ฝ่ายปีศาจเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น หากปีศาจอมตะเซี่ยหูประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์ สถานการณ์จะไม่สามารถควบคุม
เปรียบเทียบกับการถือกำเนิดของกองกำลังใหม่ฝ่ายธรรมะ เหยากวงไม่เต็มใจที่จะเห็นกองกำลังฝ่ายปีศาจแข็งแกร่งขึ้น
“โชคดีที่ข้าเชิญผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะหลายคนเข้าร่วมในการประลองครั้งนี้ หลังการประลองสิ้นสุดลง บางส่วนจะเข้าร่วมกับนิกายชูและบางส่วนจะเข้าร่วมกับเผ่าไป่ซู นี่จะทำให้ฝ่ายปีศาจอ่อนแอลงและส่งเสริมฝ่ายธรรมะของเรา” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
การประลองครั้งนี้อาจทำให้ตระกูลฮวงจินอ่อนแอลง แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและชูตู๋ก็ทำให้ฝ่ายปีศาจอ่อนแอลงเช่นกัน นี่ทำให้เกิดเสถียรภาพขึ้นในภาคเหนือ
แต่เหยากวงยังขมวดคิ้ว
“นิกายชูจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง”
“ภาคเหนือไม่อนุญาตให้นิกายเกิดขึ้น”
“หากชูตู๋ต้องการให้นิกายชูคงอยู่ เขาต้องเปลี่ยนมันเป็นเผ่าชู มิฉะนั้นกองกำลังฝ่ายธรรมะจะไม่พอใจ”