เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1352
Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1352 ฟางหยวนปะทะนางเสือดำ
“ฮ่าฮ่าฮ่า” นางเสือดำหัวเราะ รูปลักษณ์ที่งดงามของเทพธิดากระต่ายขาวดูบิดเบี้ยวไปมาก
ดวงตาที่เคยใสซื่อบริสุทธิ์ของเทพธิดากระต่ายขาวเปลี่ยนเป็นน่าสยดสยอง ขอบตาของนางดำราวกับนางไม่ได้นอนมาเป็นเวลานาน
แม้รูปลักษณ์ของนางจะเปลี่ยนไปไม่มาก แต่การแสดงออกของนางกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสมบูรณ์
“มรดกที่แท้จริงกระต่ายขาว…น่าสนใจ” ร่างของฟางหยวนส่องประกายขึ้นก่อนที่เขาจะกลายเป็นเต่าตัวโต
ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์
…..
“พรวด!”
ผู้อมตะระดับเจ็บบนเส้นทางแห่งค่ายกล จื่อกุ้ย กระอักเลือดออกมา
“บัดซบ!” เขาสาปแช่งและมองไปยังซากศพของผู้อมตะมากมายที่อยู่ตรงหน้า
ผู้อมตะเหล่านั้นตกตายด้วยการโจมตีของจ้าวเย่ฮุ้ย
จื่อกุ้ยต้องการกระตุ้นใช้แนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณ แต่มันล้มเหลว
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระบวนการนี้
“ความเสียหายรุนแรงหรือไม่?” ปาเต๋อถาม
จื่อกุ้ยกลืนเลือดกลับเข้าไปด้วยใบหน้าที่ซีดขาว “รุนแรงมาก! วิญญาณอมตะอีกหนึ่งดวงพึ่งถูกทำลาย ตอนนี้เหลือวิญญาณอมตะอยู่เพียงสี่ดวง พวกเราต้องกระตุ้นใช้งานแนวป้องกันที่สาม โดยปราศจากแนวป้องกันที่สาม แนวป้องกันที่สี่จะไม่ทำงาน”
จื่อกุ้ยหยุดก่อนตะโกนราวกับคนบ้า “ผู้ใดมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้าต้องใช้มัน นี่เป็นเรื่องเร่งด่วน ตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย!”
ปาฉวนฟงและปาเต๋อที่อยู่ด้านข้างมองหน้ากันอย่างช่วยไม่ได้
พวกเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวายุและเส้นทางแห่งไม้ ไม่มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่ที่นี่
จื่อกุ้ยต้องรักษาอาการบาดเจ็บของตน ดังนั้นปาฉวนฟงและปาเต๋อจึงต้องออกไปถาม
เหตุผลที่พวกเขาต้องถามทีละคนเพราะพวกเขาต้องการปกปิดข้อมูลนี้ ท้ายที่สุดสภาพจิตใจก็จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการต่อสู้ ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าใด มันก็ยิ่งดีเท่านั้น
โชคดีที่ภาคใต้มีผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีอยู่มากที่สุด
ในไม่ช้าบางคนก็ตัดสินใจบริจาควิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีของพวกเขา
จื่อกุ้ยต้องเลือก มันไม่ง่ายที่จะเลือกวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี แต่เขาต้องพยายามหาวิญญาณที่ใกล้เคียงกับวิญญาณที่ถูกทำลายไปแล้วให้มากที่สุด
อาการบาดเจ็บของจื่อกุ้ยยังไม่หายแต่เขาไม่มีเวลาดูแลตนเอง
“ข้าต้องอนุมานสิ่งนี้และพยายามเพิ่มวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีเข้าไป ความปลอดภัยของข้าอยู่ในมือของพวกท่านแล้ว”
เขาฝากชีวิตไว้ในมือของผู้อื่น การกระทำนี้มีความเสี่ยงสูงมาก
แต่เขาไม่มีทางเลือก เขาต้องเสี่ยง!
ปาเต๋อพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม “ข้าสัญญาว่าจะปกป้องชีวิตของเจ้า แม้จ้าวเย่ฮุ้ยจะมา มันก็ต้องข้ามศพข้าไปกอ่น”
เขากล่าวด้วยความจริงใจ แต่กระทั่งปาเต๋อจะแข็งแกร่งที่สุดในสถานที่แห่งนี้ เขาก็ยังไม่สามารถต่อต้านจ้าวเย่ฮุ้ยและพลิกสถานการณ์
เขาไม่ใช่ฟงจิวเก้อหรือหลิวกวนซื่อ
ปาเต๋อไม่รู้ว่าคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูกำลังมา
อย่างไรก็ตามเขาใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแจ้งข่าวไปยังตระกูลปาเรียบร้อยแล้ว
ผู้อมตะคนอื่นๆก็เช่นกัน
คฤหาสน์วิญญาณอมตะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ทุกคนรอดชีวิต
ด้วยวิธีนี้จื่อกุ้ยจึงสามารถตั้งสมาธิอยู่กับค่ายกลวิญญาณ
ตระกูลวูและตระกูลเฉียวกำลังประสบปัญหา ชื่อเสียงของพวกเขาตกต่ำลงอย่างมาก ปาเต๋าของตระกูลปาจึงกลายเป็นผู้นำที่เหมาะสมที่สุด
แน่นอนว่าปาเต๋อไม่ปล่อยโอกาสนี้
ในฐานะบุคคลสำคัญที่ต้องปกป้องจื่อกุ้ย เขาอยู่ด้านหลังและเฝ้าสังเกตสนามรบ
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะใช้ค่ายกลวิญญาณเพื่อปกป้องตนเอง
ขณะเดียวกันแม้ฝ่ายปีศาจจะซุ่มโจมตี แต่พวกเขายังขาดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่เสียชีวิตไปแล้วในสงครามบนภูเขาอี้เทียน
แม้ฝ่ายธรรมะจะพบกับความสูญเสียเช่นกัน แต่พวกเขามีความมั่งคงมากกว่า พวกเขามีทรัพยากรมากมายเพื่อผลิตผู้อมตะที่โดดเด่น
สายตาของปาเต๋อกวาดผ่านเทพธิดาเมี่ยวหยิน ไห่ลั่วหลัน และไป่หนิงปิง สุดท้ายมันหยุดอยู่ที่ฟางหยวน
“วูอี้ไห่” เขาพึมพำด้วยความรู้สึกซับซ้อน
ในอดีตเขาต้องการปราบปรามและมอบบทเรียนให้กับตระกูลวู แต่ตอนนี้พวกเขาต้องทำงานร่วมกัน ปาเต๋อมีความทะเยอทะยานสูงมาก เขาต้องการนำตระกูลปาเข้าแทนที่ตำแหน่งของตระกูลวู แต่ตอนนี้ดูเหมือนศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานร่วมกับวูอี้ไห่
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว เมื่อวิกฤตจบลง ปาเต๋อจะจัดการพวกเขาอีกครั้ง
…..
นางเสือดำกระโดดไปรอบๆเพื่อหลบเลี่ยงความคิดกระดองเต่า
หลังจากบุคลิกเปลี่ยนไป ตอนนี้นางเสือดาวเริ่มใช้วิธีบนเส้นทางแห่งความมืด
ไม่เพียงเท่านั้น การบ่มเพาะของนางยังพุ่งจากระดับหกเป็นระดับเจ็ด!
แต่ไม่ว่านางจะเคลื่อนไหวได้เร็วเพียงใด นางก็ไม่ได้รวดเร็วไปกว่าความคิดกระดองเต่าวัชระของฟางหยวน
หากเป็นก่อนหน้าฟางหยวนอาจไม่สามารถจัดการนางเสือดำ แต่ตอนนี้เขาคุ้นเคยกับท่าไม้ตายนี้มาก ความคิดกระดองเต่าโปรยปรายลงมาเหมือนสายฝนและโจมตีนางอย่างไม่หยุดยั้ง
ท่าไม้ตายอมตะอสูรายแห่งความมืด!
เมื่อตระหนักว่านางกำลังเสียเปรียบ นางกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะทันที
ของเหลวสีดำแพร่กระจายออกไปและทำให้พื้นกลายเป็นบ่อดำสีน้ำ
ไม่นานหลังจากนั้นสัตว์ประหลาดสีดำที่มีขนาดร่างกายเท่าม้าก็โผล่ขึ้นมาจากบ่อน้ำ มันถูกสร้างขึ้นจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งความมืด
อสูรกายแห่งความมืดรวดเร็วมาก มันนำนางเสือดำล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
สำหรับฟางหยวน หลังจากเขาเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์ เขาไม่เคลื่อนไหว เขาเพียงส่งความคิดกระดองเต่าจำนวนมหาศาลออกมาเท่านั้น
ความคิดกระดองเต่าสามารถโจมตีและป้องกัน ฟางหยวนเพียงต้องส่งความคิดออกมาอย่างต่อเนื่อง
นางเสือดำที่ยืนอยู่บนร่างของอสูรกายแห่งความมืดกัดฟันแน่น
ความเร็วของนางอาจได้เปรียบ แต่ความจริงก็คือนางจำเป็นต้องผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดหากต้องการโจมตีค่ายกลวิญญาณ
แต่ฟางหยวนกำลังกีดขวางเส้นทางของนางอยู่
นางเคลื่อนไหวไปรอบๆและจงใจเปิดช่องว่าง แต่ฟางหยวนไม่ตกหลุมพรางของนาง เขายังปกป้องตนเองอย่างมิดชิดขณะเดียวกันก็ผลักดันนางเสือดำให้ถอยออกห่างไป
ฟางหยวนค่อนข้างระวังไพ่ตายของนางเสือดำ
แม้ฟางหยวนจะไม่รู้จักชื่อของท่าไม้ตายนี้ แต่เขาเห็นวิธีการที่วูอันกลายเป็นบ่อน้ำสีดำ
‘นางเสือดำเตรียมท่าไม้ตายนั้นไว้ใช้กับข้าโดยเฉพาะ’
‘แต่ข้าปฏิเสธที่จะพบนาง ดังนั้นนางจึงใช้มันกับวูอัน’
‘นี่หมายความว่าระยะการโจมตีของท่าไม้ตายนั้นค่อนข้างสั้น มันไม่ต่างจากท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืดของข้า แม้มันจะสามารถเก็บซ่อนกลิ่นอายและมีพลังมหาศาล แต่มันก็มีข้อบกพร่องที่ชัดเจน’
ฟางหยวนยังส่งความคิดกระดองเต่าออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ความคิดกระดองเต่าเคลื่อนที่ไปรอบๆโดยไม่เปิดช่องโหว่ มันน่ากลัวมาก
นางเสือดำต้องล่าถอยเมื่อเห็นกระดองเต่าจำนวนมหาศาล
“ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์เหมาะกับท่านจริงๆ ท่านวูอี้ไห่” นางเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
“อย่างไรก็ตามอย่าคิดว่าวิธีของข้าจะมีเพียงเท่านี้ รับมือ!”
หลังกล่าวจบคำ นางเสือดำก็เปิดปากและเล็บลิ้นสีชมพูออกมาจากริมฝีปากสีดำของนาง
มันดูน่ารักน่าชัง แต่ฟางหยวนกลับได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
เขาพบรูเล็กๆบนกระดองเต่าพยากรณ์
แม้มันจะไม่ใหญ่ แต่มันลึกมากและยังมีควันสีดำลอยขึ้นมาจากรูดังกล่าว