เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - ตอนที่ 1387
“กรงอากาศ!?”
“เราถูกโจมตีด้วยท่าไม้ตายนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”
“ข้าไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย!”
สมาชิกนิกายเงาตกตะลึง
พวกเขาไม่รู้ว่าถูกโจมตีตั้งแต่เมื่อใด หากไม่ใช่เพราะผลลัพธ์ของค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ พวกเขาจะคิดว่าวูหยงกำลังข่มขู่
ผู้อมตะระดับแปดเป็นตัวตนที่ไม่สามารถประมาท
วูหยงเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีความอาวุโสน้อยที่สุดในภาคใต้แต่เขาเรียนรู้และได้รับมรดกมาจากวูตู๋ซิ่ว เขามีวิธีการมากมาย
ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก
‘ท่าไม้ตายนี้ทำงานอย่างไร?’
‘มันอยู่ได้นานเท่าใด?’
‘ข้าจะค้นหาจุดอ่อนและทำลายมันได้อย่างไร?’
ฟางหยวนครุ่นคิดอย่างหนัก
บ้านไม้ไผ่สายลมเคลื่อนที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าฟาหงยวนไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด
สถานการณ์กดดันมาก ฟางหยวนต้องตัดสินใจทันที
เขาออกคำสั่ง “ทุกคนเข้าไปในมิติช่องว่างของข้า!”
“เพราะเหตุใด?”
“พวกเจ้าอ่อนแอเกินไป การเผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปดเป็นเพียงการรนหาที่ตาย มันจะดีที่สุดสำหรับพวกเจ้าที่จะเข้าไปในมิติช่องว่างของข้าและหาวิธีทำลายท่าไม้ตายอมตะกรงอากาศโดยเร็วที่สุด!” ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและเปิดทางเข้ามิติช่องว่างจักรพรรดิทันที
สมาชิกนิกายเงามองหน้ากัน
ไห่ลั่วหลันเป็นคนแรกที่เข้าไป เป็นเรื่องปกติที่จะไม่นำตนเองไปสู่ที่ตาย เดิมทีไห่ลั่วหลันคิดว่าฟางหยวนอาจใช้ข้อตกลงพันธมิตรส่งนางออกไปเผชิญหน้ากับวูหยงเพื่อให้เขามีเวลาหลบหนี แต่โดยไม่คาดคิดฟางหยวนกลับไม่ทำเช่นนั้น
เทพธิดาเมี่ยวหยินและนางเสือดำลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตามเข้าไป
ความสำเร็จในปัจจุบันของพวกนางเกิดจากมรดกที่แท้จริงของราชันภูเขาม่วงและตอนนี้พวกนางก็เป็นสมาชิกนิกายเงา เหตุผลที่พวกนางทำตามคำสั่งของฟางหยวนเพราะเขาเป็นผู้นำนิกาย
ตรงข้ามกับไป่หนิงปิงที่ยังรั้นรออยู่
นางไม่กังวลเกี่ยวกับฟางหยวน แต่นางต้องการต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปด
ไป่หนิงปิงไล่ล่าความตื่นเต้นในชีวิต มันเหมือนฟางหยวนไล่ล่าชีวิตนิรันดร์ ความรู้สึกนี้กระตุ้นไฟแห่งความบ้าคลั่งในหัวใจของทั้งสอง
“อย่าโง่ แม้เจ้าจะเปลี่ยนเป็นไป่เซียง วูหยงก็ยังสามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย” ฟางหยวนค่อนข้างร้อนใจ
ไป่หนิงปิงก่นเสียงเย็นแต่ยังเข้าไปในมิติช่องว่างของฟางหยวนในที่สุด
ฟางหยวนนำอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมาและปิดทางเข้าออกมิติช่องว่างจักรพรรดิ
เสียงถอนหายใจของวูหยงดังมาจากด้านหลัง “ฟางหยวน เจ้าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นจริงๆ เจ้าสามารถซ่อนตัวในตระกูลวูของข้าได้เป็นเวลานานโดยปลอมตัวเป็นวูอี้ไห่ เจ้าเป็นคนกล้าหาญอย่างแท้จริง น่าเสียดายหากเจ้าเป็นวูอี้ไห่จริงๆ มันจะดีมาก”
การถอนหายใจของวูหยงเกิดจากความเสียดายคนที่มีความสามารถ
ฟางหยวนหลบหนีขณะที่วูหยงไล่ล่า
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดปลดปล่อยความเร็วสูงสุดของมันออกมาในสถานการณ์อันตราย
อย่างไรก็ตามบ้านไม้ไผ่สายลมยังเร็วกว่า
ท้ายที่สุดมันก็เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด
นอกจากนั้นมันยังมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือมันไม่รู้จักความเหนื่อยล้า
ตราบเท่าที่มีพลังงานอมตะอย่างเพียงพอ คฤหาสน์วิญญาณอมตะก็ยังสามารถรักษาสภาพของมันเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตามอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแตกต่างออกไป
มันจะเหนื่อยเมื่อเวลาผ่านไป
แต่ฟางหยวนไม่สนใจประเด็นนี้
เพราะคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลมจะตามทันก่อนที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะเหนื่อย
“มีผู้ใดมากับเจ้า เข้ามาพร้อมกัน!” ฟางหยวนหันหน้าไปทางวูหยงและตะโกน
“ใจเย็น ข้ามาคนเดียว” วูหยงเผยรอยยิ้มบาง
บ้านไม้ไผ่สายลมส่งหยดน้ำค้างพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนราวกับลูกศร
ฟางหยวนควบคุมอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินขึ้นลงเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมด
“ไม่เลว เจ้ามีทักษะในการบินที่ดี ทักษะบนเส้นทางแห่งทาสยิ่งยอดเยี่ยม” วูหยงยกย่อง
ฟางหยวนตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ
สายลมอันแผ่วเบาลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่รอบตัวเขา
มันกระทั่งพัวพันอยู่รอบๆบินของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดและทำให้ความเร็วของมันลดลง
‘การโจมตีของวูหยงทำให้ข้าต้องเปลี่ยนทิศทาง ความเร็วของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดลดลงขณะที่บ้านไม้ไผ่สายลมเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง’
‘ยังมีมวลอากาศพัวพันอยู่รอบตัวข้า มันควรจะเป็นท่าไม้ตายอมตะกรงอากาศ นอกจากนั้นมันยังสามารถใช้ประโยชน์จากสายลมเพื่อเพิ่มพลังอำนาจ’
การโจมตีของวูหยงไม่สามารถสัมผัสร่างกายของฟางหยวนแต่มันยังบรรลุเป้าหมาย
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลดลงอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้ายังไม่พบวิธีทำลายมันอีกงั้นหรือ?” ฟางหยวนถามสมาชิกนิกายเงา
“ยาก!”
“มีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อย”
“เห็นได้ชัดว่านี่เป็นท่าไม้ตายอมตะระดับแปด มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย”
ฟางหยวนกัดฟันแน่นขณะที่เสียงของวูหยงดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้ากำลังคิดวิธีทำลายท่าไม้ตายของข้าใช่หรือไม่? บอกได้เลยว่าเมื่อพวกเจ้าถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายนี้ พวกเจ้าก็ไม่สามารถหลบหนี มันมีระยะการทำงานที่ยาวไกล นอกจากนั้นมันยังอยู่ได้นานถึงแปดนาที”
วูหยงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงเมื่อได้รับข้อมูลนี้
พฤติกรรมของวูหยงแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเองของเขาอย่างชัดเจน เขารู้สึกว่าฟางหยวนอยู่ในกำมือของเขาแล้วและไม่สามารถหลบหนีได้
บ้านไม้ไผ่สายลมโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง
วูหยงเผยรอยยิ้มบางและชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน
ท่าไม้ตายอมตะดัชนีมังกรวายุ!
หนอนตัวน้อยบินออกมาจากปลายนิ้วของวูหยงก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นมังกรวายุยาวหนึ่งร้อยเมตร
มังกรวายุพุ่งเข้าโจมตีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดแต่ฝ่ายหลังยังสามารถหลบเลี่ยง
ฟางหยวนก้าวออกไปข้างหน้าและปะทะมังกรวายุโดยตรง
วูหยงรู้สึกประหลาดใจก่อนจะกลายเป็นความตกใจอย่างรวดเร็ว
เพราะหลังจากมังกรวายุปะทะกับฟางหยวน มันไม่ได้รับความเสียหายแต่มันบินกลับไปหาเจ้าของ
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่มังกรวายุพุ่งชนคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลม
บ้านไม้ไผ่สายลมสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ความเร็วของมันลดลงมากกว่าครึ่ง
ฟางหยวนฉวยโอกาสบังคับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดบินห่างออกไป
วูหยงเห็นฟางหยวนในชุดคลุมยาวที่โปร่งแสงและปลดปล่อยกลิ่นอายอันลึกลับออกมา
“ท่าไม้ตายนี้ เป็นไปไม่ได้!” วูหยงอุทาน
แม้เขาจะไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน แต่ข้อมูลเกี่ยวกับหลิวกวนซื่อก็กระจายไปทั่วทั้งห้าภูมิภาค
วูหยงสามารถจดจำท่าไม้ตายนี้เพราะมันคือเกราะหวนคืน
นี่ทำให้วูหยงตระหนักว่าฟางหยวนก็คือหลิวกวนซื่อ หลิวกวนซื่อก็คือฟางหยวน
ฟางหยวนเห็นความประหลาดใจของวูหยงและคิด ‘ดูเหมือนวังสวรรค์ไม่ได้บอกวูหยงว่าหลิวกวนซื่อคือข้า หรือบางทีวังสวรรค์ก็อาจไม่รู้เรื่องนี้?’
ฟางหยวนรู้สึกขมขื่นเล็กน้อย การเปิดเผยตัวตนของหลิวกวนซื่อจะส่งผลกระทบต่อสายสัมพันธ์ของเขากับภาคเหนือ
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือก
เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด ฟางหยวนต้องใช้เกราะหวนคืนเท่านั้น
แม้วูหยงจะล้มเหลว แต่สายตาของเขากลับร้อนแรงมากขึ้น
ฟางหยวนไม่เพียงเป็นวูอี้ไห่และมีนิกายเงาอยู่เบื้องหลัง แต่เขายังมีแม่น้ำหวนคืนและเกราะหวนคือ ตราบเท่าที่วูหยงสามารถจับตัวฟางหยวน รากฐานของตระกูลวูจะก้าวเข้าสู่ระดับใหม่
ผลกำไรมหาศาลทำให้วูหยงเคลื่อนไหว
นอกจากนี้ฟางหยวนยังเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลวู
“ดี แผนการของข้าไม่สูญเปล่าจริงๆ” วูหยงพึมพำและควบคุมบ้านไม้ไผ่สายลมออกไล่ล่าฟางหยวน
ฟางหยวนไม่ได้รับผลกระทบจากกรงอากาศแต่อินทรีย์สวรรค์ยังถูกรบกวน อีกด้านหนึ่งวูหยงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
วูหยงบังคับบ้านไม้ไผ่สายลมพุ่งเข้าชนอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดโดยตรง
ฟางหยวนถอนหายใจและก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับคฤหาสน์วิญญาณอมตะ
วูหยงหัวเราะเบาๆ เขาบินออกจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะและเผชิญหน้ากับฟางหยวน
ในเวลาเดียวกันบ้านไม้ไผ่สายลมก็พุ่งเข้าโจมตีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
แม้วูหยงจะไม่ได้อยู่ในบ้านไม้ไผ่สายลมแต่เขายังทิ้งเจตจำนงเอาไว้พร้อมกับพลังงานอมตะจำนวนมาก
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
สถานการณ์ของฟางหยวนยิ่งเลวร้ายลงเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจของผู้อมตะระดับแปด
เขาทำได้เพียงรับการโจมตีของวูหยงและสะท้อนมันกลับไปเท่านั้น
หลังจากสิบรอบ วูหยงก็เข้าใจเกราะหวนคืนของฟางหยวนแม้เขาจะไม่สามารถทำร้ายฝ่ายตรงข้ามก็ตาม
วูหยงมองไปยังอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต
เมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้ วูหยงจึงใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาเพื่อโจมตีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ดีแล้ว!” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง สัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ถูกกระตุ้นและสามารถเอาชนะท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยได้ในที่สุด
มันสะบัดปีกและหลบหนี!
ฟางหยวนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ตอนนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับวูหยงและบ้านไม้ไผ่สายลมเพียงลำพัง
“ยังไม่มีความคืบหน้าอีกงั้นหรือ?” ฟางหยวนกระตุ้นสมาชิกนิกายเงาที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
“เราจะมีความคืบหน้าในเวลาอันสั้นได้อย่างไร!?” ขวัญกำลังใจของไป่หนิงปิงและคนอื่นๆตกต่ำลง
วูหยงตะโกน “เมื่อข้าอยู่ที่นี่ อย่าคิดว่าจะสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!”
แน่นอนว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปเขาจะไม่เปิดโอกาสให้ฟางหยวน
หลังจากหลายรอบ วูหยงก็กางแขนออกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เตรียมมาเป็นเวลานาน
วิสัยทัศน์ของฟางหวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาติดอยู่ในสนามรบที่แปลกประหลาดและไม่สามารถหลบหนี
“ยอมแพ้และมอบทุกสิ่งของเจ้าให้ข้า ด้วยวิธีนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ฟางหยวน!” วูหยงยื่นคำขาด
การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นมืดมน
นี่เป็นสถานการณ์สิ้นหวังอย่างแท้จริง
ความหวังเดียวของเขาในเวลานี้คือไป่หนิงปิงและคนอื่นๆสามารถใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศเพื่อหลบหนี
แต่ในขณะที่วูหยงกำลังจะเคลื่อนไหว การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปยังทิศทางหนึ่ง “ผู้ใด? ออกมา!”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของผู้อมตะภาคกลาง
ทั้งฟางหยวนและวูหยงต่างประหลาดใจที่เห็นคนผู้นี้
“เจ้าคือ…ฟงจิวเก้อ!?”