เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1534 การมาถึงของฟางหยวน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1534 การมาถึงของฟางหยวน
แปลโดย iPAT
ผู้ใช้วิญญาณที่โชคร้ายถูกเสาน้ำกระแทกและกลายเป็นกองเนื้อบดไปในพริบตา
การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจดังกล่าวทำให้ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดตื่นตระหนก พวกเขาหยุดการต่อสู้และพยายามหลบหนีออกจากพื้นที่
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” สามผู้อมตะที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆตกใจขณะที่เสาน้ำเหล่านั้นรวมตัวกันและกลายเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลร่างวารีที่มีลำตัวเป็นปลามีขากบและศีรษะพยัคฆ์
สัตว์ประหลาดคำรามและพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มผู้ใช้วิญญาณ
มันมีสติปัญญาไม่สูงนัก มันคิดว่าผู้ใช้วิญญาณเหล่านี้ขัดจังหวะการนอนหลับของมัน
ขากบขนาดใหญ่ของมันกระแทกพื้นและทำให้เสาน้ำพุ่งขึ้นมา
อย่างไรก็ตามสามผู้อมตะเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขาสร้างโล่แสงขึ้นปกป้องกองกำลังของตนเอง
“ดังนั้นทุ่งหยกร้อนก็มีทะเลสาบหัวใจน้ำแข็งอยู่ด้านล่างและยังมีสัตว์อสูรบรรพกาลอยู่ภายใน” ฮั่วเหยาแสดงออกอย่างเคร่งขรึม
เฉิงชิงชิงกัดฟันแน่น นางมองไปที่ไท่เมี่ยนเฉิน “ข้าหวังว่าท่านไท่เมี่ยนเฉินจะเป็นผู้นำพวกเราจัดการสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้และป้องกันไม่ให้มันทำลายทุ่งหยกร้อน”
ฮั่วเหยาและนางเป็นผู้อมตะระดับหก ทั้งสองไม่สามารถจัดการสัตว์อสูรบรรพกาล มีเพียงไท่เมี่ยนเฉินที่เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดเท่านั้นที่สามารถทำได้
ไท่เมี่ยนเฉินพยักหน้า เขากำลังจะบินลงไปแต่ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์กลับดังขึ้น
วินาทีถัดมาทุกคนต่างตกใจ นกอินทรีย์ตัวเล็กๆที่อยู่ข้างกายเย่ฟานกลายเป็นนกอินทรีย์ที่มีร่างกายใหญ่โต
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!
นกอินทรีย์ส่งเสียงกรีดร้องและกระโจนเข้าโจมตีสัตว์อสูรบรรพกาล
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดได้รับการช่วยเหลือจากผู้อมตะลั่วเว่ยหยิน มันถูกควบคุมโดยวิธีการของเขาและถูกบังคับให้อยู่กับเย่ฟาน
แต่เมื่อเย่ฟานตกอยู่ในอันตราย อินทรีย์สวรรค์จะสามารถใช้พลังอำนาจของมันได้อีกครั้ง
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่ตระหนักถึงผู้อมตะที่อยู่ในพื้นที่ มันรู้สึกถึงภัยคุกคามที่มาจากสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้รวมถึงความภาคภูมิใจของมันที่ถูกยั่วยุ ดังนั้นมันจึงต้องการมอบบทเรียนให้กับสัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด สัตว์อสูรบรรพกาลเร่งหลบหนี มันกลายเป็นน้ำและไหลออกจากสถานที่แห่งนี้ทันที
เมื่อสัตว์อสูรบรรพกาลจากไป อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็ถูกผนึกและกลับเป็นนกอินทรีย์ตัวเล็กอีกครั้ง
สภาพแวดล้อมกลายเป็นเงียบงัน ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดมองไปที่เย่ฟานด้วยความตกตะลึง
“นายน้อย…นายน้อยเย่…นกอินทรีย์ตัวนั้นคือสิ่งใดกันแน่…” เสี่ยวตี้ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
เย่ฟานลูบจมูก “หากข้าบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นพลังของอินทรีย์ตัวนี้ เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
“สัตว์อสูรแรกกำเนิด!” ไม่ว่าจะเป็นสามผู้อมตะที่อยู่บนก้อนเมฆหรือสองผู้อมตะตระกูลอี้ที่ซ่อนตัวอยู่ พวกเขาต่างสูญเสียคำพูดไปอย่างสิ้นเชิง
“สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?” ผู้อมตะตระกูลอี้ต้องการปลดปล่อยสัตว์อสูรบรรพกาลออกมาอาละวาดแต่พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าสัตว์อสูรแรกกำเนิดจะปรากฏตัวขึ้น
“นี่เป็นสิ่งที่ดี เราไม่ต้องทำสิ่งใดเลย สัตว์อสูรแรกกำเนิดสามารถสังหารผู้อมตะทั้งสาม!” อี้อวี๋กล่าว
อี้หนานเหมินแสดงออกด้วยท่าทางน่ากลัว “มันไม่ง่ายดังที่เจ้าคิด เจ้าไม่เห็นงั้นหรือ? สัตว์อสูรแรกกำเนิดถูกเลี้ยงดูมาโดยบางคน มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเด็กหนุ่มที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้!”
“เทพธิดาเฉิง เกิดสิ่งใดขึ้น? สัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวนี้คือสิ่งใด?” สายตาของไท่เมี่ยนเฉินส่องประกายราวกับสายฟ้า เขาหันหน้าไปถามเฉิงชิงชิง
เฉิงชิงชิงเผยรอยยิ้มขมขื่น ก่อนหน้านี้นางก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน แม้จะพยายามปกปิดความรู้สึก แต่ตอนนี้นางก็ไม่สามารถโกหก
เฉิงชิงชิงเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก นางต้องกล่าวบางสิ่ง “ข้าไม่แน่ใจ มันต้องเป็นการเผชิญหน้าโดยบังเอิญของเด็กหนุ่มผู้นั้น”
“การเผชิญหน้าโดยบังเอิญประเภทใดที่ทำให้มนุษย์สามารถเลี้ยงดูสัตว์อสูรแรกกำเนิด?” ฮั่วเหยาอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ไท่เมี่ยนเฉิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “เรื่องนี้สำคัญเกินไป เราไม่สามารถละเลยได้ ทุ่งหยกร้อนไม่สำคัญอีกต่อไปหากเปรียบเทียบกับเรื่องนี้! เด็กหนุ่มผู้นี้ต้องได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้อมตะ แต่ฝ่ายธรรมะของภาคใต้ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้ ข้าต้องตรวจสอบและป้องกันไม่ให้ปีศาจถือกำเนิดขึ้น!”
เฉิงชิงชิงโกรธมากแต่นางไม่สามารถทำสิ่งใด นางเผยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าแน่ใจว่าท่านไท่เมี่ยนเฉินจะสอบสวนเรื่องนี้อย่างยุติธรรม”
“อินทรีย์น้อย เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก!” เย่ฟานถอนหายใจและใช้มือลูบศีรษะอินทรีย์ตัวน้อย
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดพยายามดิ้นรนหลบหนีมาตลอดแต่มันไม่สามารถทำลายพันธนาการที่ผูกมัดมันไว้กับเย่ฟาน เมื่อเวลาผ่านไปมันจึงต้องยอมแพ้ มันกลับไปเกาะอยู่บนไหล่ของเย่ฟานและรู้สึกโกรธ แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำของเย่ฟาน มันก็แสดงออกด้วยท่าทางภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามมันยังหลบมือของเย่ฟานและกระทั่งตบมันออกไป
เย่ฟานเผยรอยยิ้มขมขื่น
ดวงตาของเสี่ยวตี้เบิกกว้าง “อินทรีย์ตัวนี้ช่างเย่อหยิ่งนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งนั้นก็สมควรที่มันจะเย่อหยิ่ง นายน้อยเย่ ท่าน…”
ก่อนที่นางจะกล่าวจบ เฉิงซินซื่อก็กล่าวขัดจังหวะ “เสี่ยวตี้ หยุดถาม นี่เป็นความลับของนายน้อยเย่ฟาน”
“อย่ากังวล อินทรีย์ตัวนี้ถูกจับมาโดยท่านอาจารย์ของข้า” เย่ฟานไม่ต้องการโกหกเฉิงซินซื่อ
“อาจารย์ของท่านสามารถกำหราบอินทรีย์ตัวนี้งั้นหรือ?” เสี่ยงตี้อุทาน
เฉิงซินซื่อตกใจเช่นกัน นางเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกันและรู้สึกว่าอาจารย์ของเย่ฟานน่าจะเป็นผู้อมตะที่ทรงพลัง
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุย อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็แสดงอาการตกใจและกระสับกระส่ายออกมา มันทำตัวเหมือนหนูที่เห็นแมวหรือลูกแกะที่เห็นหมาป่า
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” เสี่ยวตี้และคนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจ อินทรีย์ที่หยิ่งผยองกลับแสดงท่าทางเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งตรงข้ามกับก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
“ข้าไม่รู้!” เย่ฟานตะโกน “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นมันกระสับกระส่าย”
อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดไม่ได้ขยับออกจากไหล่ของเย่ฟาน แต่มันส่งเสียงกรีดร้องไปยังทิศทางหนึ่ง เสียงของมันไม่ทรงพลังเหมือนก่อนหน้า มันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวราวกับกำลังจะร้องไห้
“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือผู้อมตะ พวกเขาต่างหันหน้าไปยังทิศทางที่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกรีดร้องออกมา
ต่อมาทุกคนก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้าและพุ่งลงมาราวกับดาบที่แทงทะลุอากาศ
เมฆสีขาวถูกตัดออกเป็นสองส่วนด้วยการเคลื่อนไหวนี้
“มนุษย์?”
“ผู้อมตะ?”
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณตกตะลึง
“ผู้ใด?”
“กลิ่นอายนี้ มันไม่ใช่ผู้อมตะทั่วไป…”
กลุ่มผู้อมตะรู้สึกประหลาดใจมาก
ร่างนั้นหยุดอยู่กลางอากาศและเผยให้ทุกคนเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา
ผิวของเขากระจ่างใสราวกับหยก จมูกสูง ดวงตาสีดำที่ส่องประกายเย็นชา เส้นผมทิ้งตัวลงมาถึงเอวราวกับน้ำตก ชุดคลุมสีขาวของเขาปลิวไปตามสายลม เขาหล่อเหลาจนดูเหมือนไม่มีความงามใดสามารถเปรียบเทียบ และกลิ่นอายของเขายังทรงพลังมาก
ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ทุกคนมองไปที่เขา
ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงเรียบๆของเขาดังขึ้น “นกของข้า เจ้าอยู่ที่นี่”