เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1539 แก้ไขฟางหยวน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1539 แก้ไขฟางหยวน
แปลโดย iPAT
เมื่อฟางหยวนติดอยู่ในเขตแดนอมตะเขาวงกตโคลนทราย สถานการณ์ก็เริ่มเกิดเสถียรภาพ
ดวงตาของไท่เมี่ยนเฉินส่องประกายขึ้น เขาบินลงไปทักทายลั่วเว่ยหยิน “ผู้อาวุโส เราจะสังหารปีศาจฟางหยวนผู้นี้อย่างไร?”
ลั่วเว่ยหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกชีวิตสมควรที่จะมีชีวิตอยู่ แม้ฟางหยวนจะเป็นปีศาจต่างโลก แต่เขาก็มีชีวิต เราจะกล่าวเรื่องการสังหารโดยง่ายได้อย่างไร?”
ไท่เมี่ยนเฉินตะลึง สองผู้อมตะตระกูลอี้บินเข้ามาขณะที่อี้หนานเหมินกล่าวด้วยความกังวล “ผู้อาวุโส เราจะปล่อยเขาไปได้อย่างไร? ปีศาจตนนี้บาปหนานัก เขาเป็นภัยพิบัติของโลกใบนี้ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะฆ่าเขา เราจะเมตตาเขาอย่างผิดๆได้อย่างไร?”
อี้อวี๋กระตุ้น “ผู้อาวุโส หากเราไม่ฆ่าเขาในวันนี้ เขาจะทำลายโลกและเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆในอนาคต มันจะยิ่งเลวร้าย ความตายของเขาเกี่ยวกับโชคชะตาของโลกใบนี้”
แต่ลั่วเว่ยหยินยังส่ายศีรษะ “คำกล่าวของพวกท่านต่างมีเหตุผล แต่มันก็มีความลำเอียงเช่นกัน โลกนี้ไม่มีคนชั่วโดยสมบูรณ์ ไม่มีผู้ใดเกิดมาเป็นฆาตกร มิฉะนั้นเหตุใดเราจึงต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้และสังหาร มนุษย์มีทั้งความดีและความชั่วอยู่ในหัวใจ ไม่มีผู้ใดชั่วร้ายอย่างบริสุทธิ์และไม่มีความดีที่บริสุทธิ์ แม้ฟางหยวนจะเป็นปีศาจที่มือเปื้อนเลือด เขาก็ไม่ได้เกิดมาเป็นคนชั่ว”
“คนที่ถูกเกลียดชังมีเหตุผลที่น่าสงสารเสมอ ทุกสิ่งในโลกใบนี้ล้วนมีเหตุและผล สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนเป็นในวันนี้คือกรรมจากเมื่อวาน เนื่องจากฟางหยวนสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนชั่ว แล้วเหตุใดเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นคนดีในอนาคต?”
“เขาแข็งแกร่งและมีวิธีการมากมาย หากเขาอยู่บนเส้นทางของฝ่ายธรรมะ เขาจะนำพรมาสู่โลกใบนี้ เขาจะช่วยผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน เหตุใดเราไม่ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น?”
คำกล่าวของลั่วเว่ยหยินทำให้ไท่เมี่ยนเฉิน อี้หนานเหมิน และอี้อวี๋ตกตะลึง
ผู้อมตะระดับแปดลึกลับต้องการแก้ไขฟางหยวน!
“เนื่องจากผู้อาวุโสมีเป้าหมายดังกล่าว ผู้น้อยก็จะรอชมความสำเร็จของผู้อาวุโส” ไท่เมี่ยนเฉินถอนหายใจ
ผู้อมตะตระกูลอี้มองหน้ากัน
พวกเขาสามคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางหยวน พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อมตะระดับแปดลั่วเว่ยหยินเพื่อจัดการกับฟางหยวน
ลั่วเว่ยหยินมีวิธีการที่น่าเหลือเชื่อ แม้เขาจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันและจัดตั้งท่าไม้ตายเขตแดนอมตะเอาไว้ล่วงหน้า สัญญาณเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความจริงที่ว่าเขาสามารถกำจัดฟางหยวน
แต่เมื่อพิจารณาถึงบทสนทนาก่อนหน้า เขากลับมีเป้าหมายที่ไร้สาระเช่นการแก้ไขฟางหยวน เขาต้องการเปลี่ยนปีศาจให้เป็นนักบุญผู้กอบกู้โลก
‘ข้าเกรงว่าผู้อมตะระดับแปดผู้นี้จะมีวิธีการบางอย่างที่สามารถเปลี่ยนบุคลิกของฟางหยวน’ อี้อวี๋คาดเดา
อี้หนานเหมินกล่าวออกมาโดยตรง “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยพวกเรา แต่ข้าขอให้ผู้อาวุโสเปิดเขตแดนนี้และปล่อยพวกเรากลับตระกูล”
ผู้อมตะตระกูลอี้มาที่นี่เพื่อจัดการกองกำลังตระกูลไท่ ตระกูลเฉิง และตระกูลฮั่ว แต่สถานการณ์กลับพลิกผัน การปรากฏตัวของฟางหยวนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขา
สองผู้อมตะตระกูลอี้ค่อนข้างโชคร้ายที่เป้าหมายของพวกเขาล้มเหลวก่อนที่มันจะได้เริ่มต้น
ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาไม่ต้องการอยู่ต่อ เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องการจากไป
ไท่เมี่ยนเฉินมองสองผู้อมตะตระกูลอี้ด้วยสายตาเคร่งขรึมแต่เขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา
ลั่วเว่ยหยินส่ายศีรษะ “สหาย อย่ากังวล ข้าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเปิดเขตแดน หากทุกคนออกไป ข้าเกรงว่าอาจมีการส่งรายงานและขอกำลังเสริมมาที่นี่เพื่อกำจัดฟางหยวน เรื่องนี้ขัดกับเป้าหมายของข้า ดังนั้นพวกเจ้าควรรออยู่ที่นี่ก่อน”
“นี่…” สามผู้อมตะมองหน้ากัน
ภายในเขตแดนอมตะ พวกเขาไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอก เนื่องจากพวกเขาอ่อนแอกว่าทั้งฟางหยวนและลั่วเว่ยหยิน พวกเขาจึงทำได้เพียงเชื่อฟังและเตรียมความพร้อมของตนเองเท่านั้น
“ท่านอาจารย์ ฟางหยวนสามารถเปลี่ยนเป็นฝ่ายธรรมะได้จริงๆงั้นหรือ?” เย่ฟานถามด้วยความสงสัย
ลั่วเว่ยหยินหันกลับมาและตบศีรษะเย่ฟานเบาๆ “ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งสิ้น ข้ายินดีที่จะให้โอกาสเขาสำนึกผิดและเปลี่ยนเป็นคนใหม่ หากเขาทำ ข้าแน่ใจว่านี่จะเป็นพรที่ยิ่งใหญ่แก่โลกใบนี้ มันจะกลายเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์”
“จะทำได้จริงหรือ?” เฉินซินซื่อถามด้วยความลังเล สามารถมองเห็นความคาดหวังในดวงตาของนาง
นางอยู่บนเส้นทางของฝ่ายธรรมะมาทั้งชีวิต นางไม่ต้องการให้คนที่นางรักเดินบนเส้นทางสายปีศาจโดยไม่หวนกลับ
จากมุมมองของเฉินซินซื่อ ฟางหยวนถูกจับแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าลั่วเว่ยหยินทรงพลังมากและฟางหยวนกำลังตกอยู่ในอันตราย ในเวลานี้หากฟางหยวนกลับตัว ไม่เพียงมันจะเป็นพรอันยิ่งใหญ่ แต่เขายังสามารถรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้
“แน่นอน มันเป็นไปได้ ผู้คนเปลี่ยนแปลงได้ เลวได้ก็ดีได้ เฉิงซินซื่อ เจ้าคิดว่าฟางหยวนเป็นคนเลวโดยเนื้อแท้หรือไม่?” ลั่วเว่ยหยินถามด้วยรอยยิ้ม
เฉินซินซื่อส่ายศีรษะด้วยทัศนคติที่มั่นคง “ข้าจะไม่โกหกผู้อาวุโส ข้าเชื่อว่าฟางหยวนไม่ได้เกิดมาชั่วร้าย ข้าสัมผัสได้ถึงทัศนคติที่เย็นชาของเขา แต่ภายใต้สิ่งนี้ ข้ายังสัมผัสได้ถึงความเศร้าอันไร้จุดสิ้นสุด”
ลั่วเว่ยหยินพยักหน้า “ความเข้าใจของเจ้าค่อนข้างลึกซึ้ง ข้ารู้ว่าเขาเคยช่วยเหลือเจ้ามาก่อน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเจ้ามากที่สุด”
เฉิงซินซื่อมึนงงก่อนถาม “ผู้อาวุโส ข้าจะช่วยเขาได้อย่างไร?”
ลั่วเว่ยหยินยิ้ม “ง่ายมาก เจ้าเพียงต้องสนับสนุนและกระตุ้นให้เขาละทิ้งความชั่วและกลับตัวเป็นคนดี ท่าไม้ตายของข้าสามารถทำให้ผู้คนสัมผัสกับชีวิตและความตาย พวกเขาจะได้เรียนรู้ถึงความแปรปรวนของวิถีมนุษย์และลืมความชั่วร้ายในหัวใจ สุดท้ายพวกเขาจะกลายเป็นคนใหม่”
“เราทุกคนล้วนมีธรรมชาติเป็นของตนเอง แต่ประสบการณ์ชีวิตของเราก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เฉิงซินซื่อ หากเจ้าส่งเจตจำนงของเจ้าเข้าไป ฟางหยวนจะรับรู้ได้อย่างแน่นอน ปล่อยให้เขาได้สัมผัสกับความงามของชีวิตและปลุกความดีงามในหัวใจของเขาขึ้นมา”
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับคำแนะนำ” สายตาของเฉิงซินซื่อเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ ก่อนที่เจตจำนงของนางจะลอยเข้าไปในเขตแดนอมตะของลั่วเว่ยหยินเหมือนเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของคนอื่นๆที่เข้าไปก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นสิ่งนี้จิตใจของลั่วเว่ยหยินก็ผ่อนคลายลง เขาคิด ‘ด้วยโชคของเฉิงซินซื่อที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเรา เราจะไม่ถูกโชคของฟางหยวนสะกดข่ม ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่าย’
ในสวรรค์สีขาว เฉินอี้บินผ่านท้องฟ้ามาด้วยความเร็วสูง
เขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลฟางและอสูรวิญญาณแรกกำเนิดชิงโจว อาการบาดเจ็บของเขาถูกปกคลุมด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันสาหัสมาก
เฉินอี้มีวิธีรักษาที่น่าประทับใจ แต่อาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในระยะเวลาสั้นๆ
อย่างไรก็ตามหัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดมากกว่า
‘ข้าล้มเหลวจริงๆ!’
‘นอกจากข้าจะล้มเหลวในการยึดครองวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ ข้ายังแพ้ในการต่อสู้และไม่สามารถสังหารชิงโจว เห้อ…ข้าโลภมากเกินไป พวกเขาใช้ประโยชน์จากมัน นี่เป็นความผิดของข้า มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด!’
เฉินอี้รู้สึกเสียใจมาก
เขาไม่สามารถให้คำอธิบายกับเทพธิดาจื่อเว่ย และในฐานะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ เขารู้สึกละอายใจต่อบรรพชนเป็นอย่างมาก
‘หลังจากกลับไปข้าจะลาออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์และปิดประตูฝึกตน! ข้าหวังว่าจะสามารถทวงคืนวังเมล็ดถั่วศักดิ์สิทธิ์ได้หลังจากนั้น!’
เฉินอี้ตัดสินใจแล้ว เขาจำเป็นต้องชดใช้ความผิดพลาดในครั้งนี้ มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างสงบสุข
เขาบินมาหลายวัน ตอนนี้ภาคกลางอยู่ไม่ไกลแล้ว แต่ในจังหวะนี้ผู้อมตะระดับเจ็ดสามคนกลับเข้ามาหาเขา
“ท่านเฉินอี้ อดทนไว้ พวกเรารอท่านอยู่” สามผู้อมตะระดับเจ็ดกล่าว
พวกเขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดจากสิบนิกายโบราณของภาคกลาง
“เหตุใดพวกเจ้า…” เฉินอี้ไม่เข้าใจ
หนึ่งในสามผู้อมตะระดับเจ็ดมอบวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้เฉินอี้
เฉินอี้ตรวจสอบและตระหนักว่ามันเป็นจดหมายจากเทพธิดาจื่อเว่ย
เทพธิดาจื่อเว่ยขอให้เฉินอี้ชดใช้ความล้มเหลวของเขา เขาต้องมุ่งหน้าไปยังสวรรค์สีขาวของภาคเหนือเพื่อทำภารกิจที่นั่น
‘เทพธิดาจื่อเว่ยสมกับเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาจริงๆ’ เฉินอี้ลอบถอนหายใจ
“ท่านเฉินอี้ โปรดชี้แนะพวกเราด้วย” สามผู้อมตะระดับเจ็ดถาม พวกเขาเป็นเพียงผู้ส่งสารและไม่รู้ว่าพวกเขาต้องทำสิ่งใดต่อไป
เฉินอี้มองคนทั้งสาม “วังสวรรค์มอบภารกิจใหม่เกี่ยวกับฟางหยวน ตามข้ามา!”