เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1575 การเคลื่อนไหวของฟางหยวน
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1575 การเคลื่อนไหวของฟางหยวน
เฉินอี้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาทําให้วังสวรรค์กลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนกังวลมากขึ้นก็คือศัตรูยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
แม้เฉินอี้จะต่อสู้ได้ดีแต่เขายังไม่ได้ใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรม
“แม้เฉินอี้จะด้อยกว่าราชนภูเขาม่วงและราชันมังกร แต่เขาก็เป็นตัวตนชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับแปดเทพธิดาจอเว่ยและจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าก็เช่นกัน ขณะที่ฟงจิวเก้อก็ไม่สามารถมองข้ามข้าต้องลงมือด้วยตัวข้าเอง!”
เฉินอี้กําหราบมังกรหินแรกกําเนิดและยักษ์สวรรค์ ฟงจิวเก้อและเทพธิดาอเว่ยกําลังต่อต้านค่ายกลวิญญาณอมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปดหากเขาไม่ลงมือตอนนี้แล้วผู้ใดจะสามารถช่วยเหลือพวกเขา?
ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากระตุ้นฟางหยวนมาหลายครั้งแล้ว
แสงสีทองส่องประกายขึ้นขณะที่ฟางหยวนปรากฏตัวต่อหน้าเทพธิดาจอเวยอย่างกะทันหัน
เทพธิดาจอเว่ยคาดเดาสิ่งนี้ไว้แล้ว นางเพียงโบกมือและส่งลมสีม่วงออกไปเท่านั้น
ขณะที่สายลมสีม่วงพัดผ่าน มันทําให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นบนพื้นผิวของเกราะหวนคืน
“โอ้ ท่าไม้ตายนี้!” หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง
ลมสีม่วงคล้ายกับเกราะหวนคืน มั่นเป็นท่าไม้ตายประเภทที่ใช้โต้ตอบการโจมตีและไม่มีพลังทําลายล้างใดๆ ดังนั้นมันจึงเกิดการสะท้อนกลับซ้ําไปซ้ํามา ฟางหยวนถูกลมสีม่วงผลักดันออกไป
“ฟางหยวน ในที่สุดเจ้าก็ออกมา!” ประกายสายฟ้าแลบลั่นขณะที่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าพุ่งเข้าไปด้านหลังของฟางหยวนและเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร
“ตรีศูลสายฟ้า!” จึงหลานตะโกนและส่งสายฟ้าสามสายออกจากปลายนิ้วของนาง
สายฟ้าก่อตัวเป็นตรีศุลสายฟ้าสีน้ําเงินพุ่งปะทะแผ่นหลังของฟางหยวน อย่างไรก็ตามมั่นถูกสะท้อนกลับไปที่จิ้งหลาน
นางหัวเราะเสียงดังและกลืนกินตรีศูลสายฟ้าเข้าไปในดวงตาที่แลบลั่นขึ้นด้วยประกายสายฟ้า
หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลงอีกครั้ง โอ้ ไม่ ท่าไม้ตายนี้มีไว้เพื่อตรวจสอบเกราะหวนคืนของข้าแม้จิ้งหลานจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่เทพธิดาจอเว่ยอยู่ที่นี่พวกนางพยายามถอดรหัสเกราะหวนคืนของข้า!”
คราวก่อนเนื่องจากกับดักที่ฟางหยวนเตรียมไว้ มันทําให้จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าพ่ายแพ้ขณะที่เทพธิดาจอเวยล้มเหลว
แต่กับดักที่ฟางหยวนเคยใช้ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาฟางหยวนวางแผนและฝึกฝนอย่างหนัก เขาเตรียมการไว้หลายอย่างแต่วังสวรรค์ก็เช่นกัน วังสวรรค์ไม่เพียงมอบวิญญาณอมตะให้กับจิ้งหลาน แต่เทพธิดาจื่อเว่ยยังใช้กระดานหมากรุกกลุ่มดาวอนุมานท่าไม้ตายตรีศูลสายฟ้าให้นางเพื่อจัดการเกราะหวนคืนของฟางหยวน
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจแต่เขาไม่กระวนกระวาย ความจริงก็คือทุกอย่างอยู่ในความคาดหมายของเขาทั้งหมดเขาพยายามต่อสู้กับเทพธิดาจอเว่ยและจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเพื่อลดแรงกดดันให้กับส่วนที่เหลือ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดและทําให้ทวีปเมฆาถูกทําลายแทบทั้งหมด เสียงของการต่อสู้ดังก้องไปทั่วแผ่นฟ้ามนุษย์ขนจํานวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านล่างต่างหวาดกลัวและตกใจ
หลังจากยักษ์สวรรค์ทําลายมนุษย์พฤกษาของเรือนจําต้นไม้บรรพกาล เฉินอี้ก็สร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง
มังกรหินแรกกําเนิดติดอยู่ในโซเถาวัลย์โดยไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง
กระทั่งฟางหยวนก็ไม่สามารถช่วยมัน เขาพยายามแล้วแต่เรือนจําต้นไม้บรรพกาลแข็งแกร่งเกินไปและไม่เกรงกลัวต่อท่าไม้ตายอมตะ
“ไม่ใช่ว่ามันไม่ได้รับผลกระทบต่อท่าไม้ตายอมตะทั้งหมด เราเพียงขาดวิธีจัดการที่เหมาะสมหากข้ามีเวลาเพียงพอด้วยทักษะบนเส้นทางแห่งปัญญาข้าจะสามารถอนุมานและคลี่คลายท่าไม้ตายนี้”
ฟางหยวนลอบถอนหายใจกับตนเอง
นี่คือท่าไม้ตายของเทพอมตะบัวสวรรค์ มันคล้ายเกราะหวนคืนที่ทําให้วังสวรรค์รู้สึกปวดหัว
ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นฝ่ายที่ต้องรับมือกับเรือนจําต้นไม้บรรพกาล ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเช่นเดียวกับเทพธิดาอเว่ยที่ต้องเผชิญหน้ากับเกราะหวนคืน
หลังจากต่อสู้มาชั่วระยะเวลาหนึ่ง วังสวรรค์ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบและยังได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟางหยวนยังไม่สามารถคิดค้นท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป เขาไม่มีพลังโจมตีระดับแปดและทําได้เพียงป้องกันตนเองด้วยเกราะหวนคืนเท่านั้น กล่าวได้ว่าเขาไม่ใช่ภัยคุกคามต่อผู้อมตะทั้งสี่ของวังสวรรค์
ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์ก็เช่นกัน แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจะพัฒนาขึ้นแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินอี้
เฉินอี้มีท่าไม้ตายอมตะระดับแปดมากมาย ไม่ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะพยายามอย่างไร เขาก็ยังถูกเฉินอี้ปราบปราม
หลังจากชั่วครู่เทพธิดาจ่อเว่ยก็ขมวดคิ้วและออกคําสั่ง “ผู้อาวุโสจิ้งหลานโปรดตรวจสอบรอบๆและค้นหาวิญญาณสติปัญญา”
“โจรน้อย ตอนนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน!” กระทั่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่เกลียดชัง ฟางหยวนก็ยังให้ความสําคัญกับภาพรวม นางหัวเราะเย้ยหยันฟางหยวนก่อนจะบินออกจากสนามรบราวกับสายฟ้า
ฝายของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทําได้เพียงมองนางจากไปเท่านั้น
แท้จริงแล้วเป้าหมายของวังสวรรค์ไม่ใช่การกําจัดฟางหยวนและยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรมเท่านั้น แต่เป้าหมายที่สําคัญที่สุดของพวกเขาอการฉกชิงวิญญาณสติปัญญา
วิญญาณอมตะระดับเก้าในตํานานดวงนี้เคยอยู่ในมือของเทพอมตะกลุ่มดาวมาก่อน กองกําลังทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์จากมันแต่วังสวรรค์มีวิธีการมากมาย ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งใด ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณสติปัญญา กระดานหมากรุกกลุ่มดาวจะกลายเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าพลังอํานาจของมันจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เพียงจุดนี้ก็มากพอที่จะทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยมาที่นี้ด้วยตนเองแล้ว
ตั้งแต่ผู้อมตะทั้งสี่ของวังสวรรค์มาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เทพธิดาอเว่ยก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบของนางแล้ว อย่างไรก็ตามแม้นางจะตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์ หลางหยาแต่นางกลับไม่พบวิญญาณสติปัญญา
ดังนั้นนางจึงต้องส่งจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกไป
เมื่อเห็นจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าออกจากสนามรบ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็กรี ดร้องด้วยความโกรธเขากลัวว่ามนุษย์ขนจะตกเป็นเป้าหมายและเสียชีวิต แต่เนื่องจากยักษ์สวรรค์ถูกเฉินอี้พันธนาการเอาไว้เขาจึงไม่สามารถทําสิ่งใด
“พวกเขากําลังมองหาวิญญาณสติปัญญา!” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น
เขาสามารถอนุมานความตั้งใจของวังสวรรค์
น่าเสียดายที่วังสวรรค์ไม่รู้ว่าวิญญาณสติปัญญาอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวน ครั้งก่อนพวกเขาไม่สามารถนํามันออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาครั้งนี้มันจะยากลําบากขึ้นอีกนับพันเท่า!
“ในกรณีนี้” ฟางหยวนสังเกตเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่
อสูรปีวอกแรกกําเนิด!
เขาปล่อยอสูรปีแรกกําเนิดวานรยักษ์ออกมาจากมิติของว่างจักรพรรดิโดยตรง
ในเวลาเดียวกันเขาก็พุ่งไปข้างหน้าและใช้ท่าไม้ตายอมตะมากมายโจมตีเทพธิดาจื่อเว่ย
ท่ามกลางผู้อมตะทั้งสี่ของวังสวรรค์ ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่เฉินอี้ที่ครอบครองมรดกที่แท้จริงของเทพอมตะบัวสวรรค์ ไม่ใช่จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าที่สามารถต่อต้านเทพปีศาจจิตวิญญาณ และไม่ใช่ฟงจิวเก้อที่มีเพลงลมมรณะแต่มันคือเทพธิดาจื่อเว่ย!
เหตุผลง่ายมาก นางเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่!
เพียงจุดนี้ก็ทําให้นางมีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นําในการบุกโจมตีครั้งนี้แล้ว หากให้เวลานางมาก พอนางจะสามารถอนุมานทุกสิ่งและสร้างปาฏิหาริย์ได้นับไม่ถ้วน
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องกําจัดผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาผู้นี้เป็นคนแรก!