เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1676 โชคชะตาคือสิ่งใด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1676 โชคชะตาคือสิ่งใด
ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆ
เมืองใบไม้แดงคึกคักไปด้วยผู้คน
หกปีผ่านไปตั้งแต่หงถิงบุตรของเจ้าเมืองถือกําเนิด
ในช่วงหกปีที่ผ่านมาเมืองใบไม้แดงมสงบสุขปราศจากภัยพิบัติ อาณาเขตของมันถูกขยายออกไปหลายสิบเท่าและกลายเป็นเมืองอันดับหนึ่งของมนุษย์
“จิ๊บ จิ๊บ”
ฝูงนกกระจอกจิตวิญญาณบินลงมาจากท้องฟ้า ร่างกายของพวกมันเรืองแสงสีทองและโบยบินราวกับกําลังเต้นรํา
พวกมันบินมาถึงยอดคฤหาสน์ของเจ้าเมืองก่อนจะระเบิดเป็นแสงสีทองระยิบระยับโปรยปรายลงมา
ภายในคฤหาสน์เจ้าเมือง หงถิงกําลังกวัดแกว่งดาบสั้นด้วยความชํานาญ
เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างของหงถิงหายไป แสงดาบก่อตัวเป็นทรงกลมและส่องสว่างไปทั่ว
“ยอดเยี่ยม!”
“อัศจรรย์!”
“นายน้อยมีพรสวรรค์ที่ไร้คู่เปรียบอย่างแท้จริง ท่านฝึกกระบวนท่านี้มาเพียงสามเดือนแต่สามารถปลดปล่อยแสงดาบที่หนาแน่นเช่นนี้ออกมา ช่างน่าเหลือเชื่อนัก”
ยามที่อยู่รอบๆยกย่องจากส่วนลึกของหัวใจ
เจ้าเมืองหงจูลูบเคราและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาภูมิใจในตัวบุตรชายผู้นี้มาก
หลายปีที่ผ่านมาพรสวรรค์ของหงถิงเปลี่ยนความเข้าใจของเขาหลายครั้ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความสามารถของเขาเป็นเพียงสิ่งตื้นเขิน
เนื่องจากความประหลาดใจอย่างไม่รู้จบสิ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา หงจูเคยชินกับมันไปแล้ว ความอัศจรรย์ทั้งหมดเกี่ยวกับบุตรชายของเขากลายเป็นเรื่องธรรมดา
“บึม!”
เสียงระเบิดดังขึ้น
แสงดาบหายไป ร่างของหงถิงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดาบสั้นของเขาฟันหินก้อนใหญ่ออกเป็นชิ้นๆ
เสียงโห่ร้องสรรเสิรญดังขึ้น
“ท่านพ่อ ข้ารู้สึกว่าวิชาดาบของข้ายังไม่ถึงขีดจํากัด ยังมีช่องว่างสําหรับพัฒนา” หงถิงเดินออกมาจากซากปรักหักพังด้วยรอยยิ้ม-
หงจูหัวเราะเสียงดัง “ทักษะดาบนี้เป็นท่าไม้ตายของนักดาบที่มีชื่อเสียงจ้าวซานซื่อ ข้าใช้สมบัติมากมายเพื่อแลกเปลี่ยนมัน เจ้าพึ่งฝึกเพียงสามเดือนแต่กลับรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพองั้นหรือ?”
หงถิงกระพริบตากล่าว “ท่านพ่อ มันเป็นเพียงแรงบันดาลใจ กล่าวตามตรงวิชาดาบนี้พอใช้ได้ ข้าเรียนรู้แก่นแท้ทั้งหมดของมันเรียบร้อยแล้วหลังจากฝึกมาสามเดือน”
หงจูไอและรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย พรสวรรค์ของบุตรชายของเขายอดเยี่ยมเกินไป เขาเรียนรู้เร็วและสามารถเข้าใจแก่นแท้ที่ลึกที่สุดของทักษะเหล่านั้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ
นี่เป็นสิ่งที่ดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน ความมั่งคั่งของหงจูถูกใช้จ่ายไปอย่างรวดเร็ว
เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาเคล็ดลับต่างๆมาสอนหงถิงแต่พวกมันยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับความสามารถในการเรียนรู้ของเขา หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หงจูอาจพบปัญหา
เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีทองที่นกกระจอกจิตวิญญาณระเบิดออกมาแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของทุกคน
โดยไม่คาดคิด พวกเขาได้รัรบมรดกที่แปลกประหลาดทุกประเภท
“นี่คือของขวัญจากผู้อมตะ!”
“ข้าสงสัยว่ามันคือสิ่งใด?”
“เราควรขอบคุณนายน้อย เราทุกคนต่างได้รับผลประโยชน์จากโชคชะตาของท่าน”
ทุกคนมองหงถิงด้วยสายตาชื่นชม กระทั่งหงจูยังเกิดความรู้สึกซับซ้อน
หงถิงปิดเปลือกตาลงและจมอยู่ในทะเลแห่งความรู้ที่ได้รับ
หงจูและคนอื่นๆไม่แปลกใจกับฉากนี้ สามัญชนนอกคฤหาสน์เจ้าเมืองประหลาดใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็กลับไปทําธุระของตนเองอย่างรวดเร็ว
ปรากฏการณ์นี้ไม่ธรรมดา แต่เมื่อมันเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พวกเขาก็คุ้นชินกับมันแล้ว
ตั้งแต่หงถิงถือกําเนิดและกลายเป็นศิษย์ของราชันมังกร ปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งรอบๆตัวเขา
ราชันมังกรเป็นผู้นําของวังสวรรค์ แต่ยังไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ เพียงสิบนิกายโบราณที่อยู่ภายใต้การปกครองของวังสวรรค์ก็มีรากฐานที่แข็งแกร่งมากแล้ว
ราชันมังกรแจ้งข่าวเรื่องศิษย์ของเขาออกไปโดยไม่ปิดบัง ทุกคนเข้าใจเจตนาของเขา ดังนั้นทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ ปีศาจอมตะ หรือผู้บ่มเพาะสันโดษต่างให้ความสนใจกับการเติบโตของหงถิง
หงถิงเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะที่จะกลายเป็นผู้อมตะของวังสวรรค์ในอนาคต นี่ไม่ใช่ความลับ ดังนั้นผู้อมตะหลายคนมักให้ความช่วยเหลือหงถิงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาล่วงหน้า
ผลที่ได้คือของขวัญเช่นนกกระจอกจิตวิญญาณรวมถึงปรากฏการณ์ระดับอมตะทุกประเภทที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น
หลังจากไม่นานหงถิงก็ซึมซับความรู้ทั้งหมดที่ได้รับ แต่เขายังขมวดคิ้ว “มีวิธีการฝึกอาวุธสิบแปดประเภท แต่ละวิธีทั้งประณีตและมีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับการปลุกทะเลวิญญาณ ท่านพ่อ เมื่อใดที่ข้าจะสามารถปลุกทะเลวิญญาณและใช้วิญญาณ ไม่ว่าทักษะเหล่านี้จะยอดเยี่ยมเพียงใด พวกมันก็เป็นเพียงทักษะของมนุษย์ธรรมดา”
“บุตรเอ๋ย อย่ารีบร้อน เจ้าลืมไปแล้วงั้นหรือว่าอาจารย์ของเจ้าสั่งไว้ว่าอย่างไร” หงจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หงถิงโบกมืออย่างไม่สามารถอดทน “ท่านพ่อ ข้ารู้ ข้ารู้ ท่านอาจารย์บอกว่าแม้ข้าจะสามารถปลุกทะเลวิญญาณได้ล่วงหน้า ข้าก็สามารถทํามันเมื่ออายุครบสิบสองเท่านั้น ก่อนถึงเวลาที่เหมาะสมข้าไม่ควรเร่งรีบ ท่านอาจารย์ทรงพลังมากแต่เหตุใดท่านไม่ปลุกทะเลวิญญาณให้ข้าตอน
การแสดงออกของหงจูเปลี่ยนไป “บุตรชายของข้า อาจารย์ของเจ้าเป็นผู้อมตะ เจ้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เขาคิด แต่เจ้าต้องเชื่อฟัง เจ้าต้องเข้าใจว่าเขาจะไม่ทําร้ายเจ้า เขาห่วงเจ้าเหมือนพ่อกับแม่”
“ทราบแล้ว ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว โปรดอย่างโกรธเคือง” หงถิงป้องหมัดขึ้น เขารักและกตัญญูต่อบิดามารดาของเขามาก
หลายปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ราชันมังกรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและรับหงถิงเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ เขาพาหงถิงท่องเที่ยวไปทั่วโลกและอบรมสั่งสอนเป็นการส่วนตัว
เมื่อหงถิงอายุครบสิบสอง ราชันมังกรปลุกทะเลวิญญาณให้เขา หงถิงก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะอย่างเป็นทางการ ด้วยพรสวรรค์อันไร้คู่เปรียบและรากฐานที่แข็งแกร่ง ความก้าวหน้าของเขารวดเร็วจนน่าตกใจ
ไม่เพียงการบ่มเพาะแต่ประสบการณ์ของเขายังเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาพบผู้คนมากมายทั้งมนุษย์และผู้อมตะ คนดีและคนชั่ว เขาเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตและสวรรค์พิภพอย่างลึกซึ้ง
เขามีคุณธรรมและเกลียดชังความชั่วร้าย เขาหล่อเหลา ใจดี เจ้าเล่ห์ และมีไหวพริบ
“ท่านอาจารย์ ข้าพบว่าคนชั่วเซี่ยตู๋เต๋าที่ทําลายหมู่บ้านพักอยู่บนภูเขาใกล้กับที่นี่” หงถิงกลับมาถึงถ้ำหลังจากออกล่าสัตว์ เขากล่าวกับราชันมังกรด้วยความตื่นเต้น
ราชันมังกรพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นั่งลงก่อน น้ำแกงเกือบพร้อมแล้ว มันทํามาจากกระดูกของสัตว์อสูรบรรพกาล มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการเติบโตของเจ้า”
หงถิงโยนเหยื่อลงบนพื้นและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ท่านอาจารย์ ข้าต้องการกําจัดเซี่ยตู๋เต๋ามานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ท่านบอกว่าข้าเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสามขณะที่เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ครึ่งปีก่อนขาก้าวเข้าสู่ระดับสี่และมีโอกาสเอาชนะเซี่ยตู๋เต๋าแต่ท่านกล่าวว่ามันมีโอกาสไม่ถึงร้อยส่วน ดังนั้นท่านจึงไม่ยอมให้ข้าเคลื่อนไหว สามเดือนก่อนขาก้าวเข้าสู่ระดับห้า ข้าสามารถจัดการเซี่ยตู๋เต๋าได้อย่างง่ายดายภายในสองหรือสามกระบวนท่า แต่ท่านบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ท่านอาจารย์ หากเราปล่อยให้คนชั่วผู้นี้อาละวาดต่อไป ผู้ใดจะรู้ว่าต้องมีการสูญเสียอีกมากเท่าใด โปรดให้ข้าไปจัดการเขาเดี๋ยวนี้!”
ราชันมังกรวางทัพพลงและถอนหายใจกล่าว “ศิษย์ของข้า โอกาสยังมาไม่ถึง”
“ข้าไม่สนใจโอกาสใดๆทั้งสิ้น ข้ารู้เพียงว่าหากข้าไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ ข้าจะเสียโอกาสที่ดี!” หงถิงกล่าวด้วยคยวามมุ่งมั่น
ราชันมังกรสายศีรษะ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เซี่ยตู๋เต๋าจะตาย หากเจ้าฆ่าเขา ไม่เพียงมันจะไร้ประโยชน์ แต่มันยังจะนําไปสู่โศกนาฏกรรมที่ร้ายแรงกว่าอีกด้วย”
“ข้าไม่เชื่อ! ข้าต้องการเพียงหนึ่งกระบวนท่าเพื่อปลิดชีพเขา!” หงถิงมองราชันมังกรด้วยสายตาแข็งกร้าว
ราชันมังกรเงียบไปชั่วครู่ “เช่นนั้นก็ไปเถอะ เด็กน้อย ลองดู”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
“ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจเมื่อถึงเวลานั้น”
“เหตุใดข้าต้องเสียใจ? ท่านอาจารย์ โปรดรอสักครู่ ศิษย์จะกลับมาพร้อมศีรษะของเซี่ยตู๋เต๋าภายในสิบห้านาที”
หงถิงจากไปทันที
แต่สิบห้านาทีผ่านไป สามสิบนาทีผ่านไป สี่สิบห้านาที่ผ่านไป หงถิงก็ยังไม่กลับมา
ราชันมังกรเห็นทุกสิ่ง เขาตระหนักถึงเวลาที่เหมาะสมและออกจากถ้ำไปหาหงถิง
หงถิงคุกเข่าลงบนพื้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ความโกรธ และความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เขามองเชิงเขาด้วยความตื่นตระหนก ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่สงบสุข
ดวงตาของหงถิงเปลี่ยนเป็นสีแดง คราบน้ำตายังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่คิดว่าจะมีมรดกอมตะอยู่ที่นี่ เซี่ยตู๋เต๋าลอบมาที่นี่เพื่อรับมรดกนี้ หลังจากข้าทําลายแผนการของเขา เขาใช้พลังของมรดกต่อต้านข้า ข้าต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมด แต่ข้าไม่คิดว่าการต่อสู้จะทําให้ภูเขาพังทลาย หมู่บ้านเล็กๆถูกฝังกลบอย่างสมบูรณ์ ท่านอาจารย์! เป็นเพราะข้า ข้าทําให้ชาวบ้านเหล่านี้เสียชีวิต!” หงถิงสะอื้นไห้
ราชันมังกรไม่ปลอบใจ เขานิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว “ศิษย์ของข้า เจ้าต้องการแก้แค้นหรือไม่? เจ้ายังต้องการกําจัดเซี่ยตู๋เต๋าหรือไม่? โอกาสมาถึงแล้ว”
“จริงหรือ? เขาอยู่ที่ใด?” ร่างกายของหงถิงสั่นสะท้านขึ้น
“ที่ภูเขาลูกนั้น” ราชันมังกรชี้นิ้วออกไป
หงถิงรีบไปและฆ่าเซี่ยตู๋เต๋าอย่างง่ายดาย
“ข้าได้รับมรดกที่แท้จริงมาแล้วและกําลังดูดซับผลประโยชน์ แต่ในช่วงเวลาสําคัญเจ้ากลับตามข้ามา หากมีเวลา ข้าจะกลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะไม่แพ้เจ้า!” นี่เป็นคํากล่าวสุดท้ายของเซี่ยตู๋เต๋าก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
หงถิงยืนมองศพของเซี่ยตู๋เต๋าอย่างเงียบๆ
ราชันมังกรปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
หงถิงถามด้วยเสียงแหบแห้ง “ท่านอาจารย์ หากข้าเชื่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย ชาวบ้านเหล่านั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถูกต้องหรือไม่?”
ราชันมังกรไม่ตอบ เขาเพียงตบไหล่หงถิงเบาๆ
ร่างของหงถิงสั่นเทาขณะที่เขาจมลงสู่ความเงียบ หลังจากชั่วครู่เขาเปิดปากถามอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ข้าอยากรู้ว่า…โชคชะตาคือสิ่งใด?”