เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1677 ข้าเสียใจ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1677 ข้าเสียใจ
“โชคชะตา” ราชันมังกรถอนหายใจด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน เขาเดินไปนั่งบนก้อนหินและตบด้านข้างเพื่อบอกให้หงถิงมานัง
หงถิงเดินเข้าไปนั่งด้านข้างราชันมังกร
“ดู” ราชันมังกรชี้นิ้วไปที่หินที่พวกเขานั่งอยู่
หงถิงมองและเห็นมดกลุ่มเล็กๆเคลื่อนไหวอยู่ที่นั่น พวกมันเคลื่อนที่อย่างเป็นระเบียบเพื่อนําอาหารกลับรัง
“นี่คือโชคชะตา” ราชันมังกรกล่าว
“อันใด!?”
“ดูอีกที” ราชันมังกรชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า
หงถิงเงยหน้าและเห็นเมฆรูปทรงต่างๆ เคลื่อนที่อยู่บนท้องฟ้า
“นี่คือโชคชะตาเช่นกัน” ราชันมังกรกล่าว
หงถิงครุ่นคิด “ท่านอาจารย์ ท่านต้องการกล่าวว่า…”
เขาเข้าใจบางอย่างแล้วแต่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคําพูดในเวลานี้
“มดขนอาหาร ผึ้งเก็บน้ำหวาน ลมพัด เมฆลอย ทุกสิ่งในโลกนี้มีวิถีของมัน เราอาจรู้สึกว่าพวกมันไม่อยู่ในกฎเกณฆ์ใดๆ แต่แท้จริงแล้วพวกมันเคลื่อนไหวไปตามกฏแห่งเต๋ที่ยิ่งใหญ่”
“ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ขึ้นและตก มนุษย์เกิดและตาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้วิญญาณหรือผู้อมตะ ทุกคนล้วนต้องตายในที่สุด”
“ทุกสิ่งคือโชคชะตา”
“มนุษย์ทุกคน สิ่งมีชีวิตทุกชนิด แม้แต่หินทุกก้อน น้ำทุกหยด ทุกสิ่งล้วนมีความหมายในการดํารงอยู่ ความดีและความชั่วก็เช่นกัน ไม่มีความดี ความชั่วจะเกิดได้อย่างไร หากไม่มีความชั่ว ความดีจะไม่ถูกกล่าวถึง”
“เจ้ารีบร้อนมาฆ่าเซี่ยตู๋เต๋าและไม่เห็นคุณค่าของเขา ตั้งแต่สวรรค์พิภพปล่อยให้เขาดํารงอยู่ นั่นย่อมมีเหตุผล นี่คือชะตากรรม ชะตากรรมจัดเตรียมทุกสิ่งไว้แล้ว เราสามารถสัมผัสถึงการจัดเตรียมนี้ได้เพียงเล็กน้อยและไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน”
“การมองเห็นไม่ชัดเป็นเรื่องปกติ กฏแห่งสวรรค์พิภพ เต๋าแห่งเอกภพ กระทั่งผู้อมตะก็ไม่สามารถเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เราอ่อนแอเกินไป เล็กเกินไป ขณะที่สวรรค์พิภพใหญ่โตเกินไป เราควรเคารพสวรรค์พิภพ ปฏิบัติตามลิขิตสวรรค์และนําพรมาสู่โลกใบนี้”
“การแต่งงานของบิดามารดาเจ้าคือการจัดเตรียมของโชคชะตา นั่นคือคุณค่าสูงสุดที่พวกเขาถูกส่งลงมาบนโลกใบนี้”
“เจ้าจะกลายเป็นเทพอมตะในอนาคต นี่คือโชคชะตาเช่นกัน เจ้าต้องยอมรับมัน ปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดทีละขั้น นําวงสวรรค์ และอุทิศชีวิตของเจ้าเพื่อฝ่ายธรรมะ”
“คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าคือการนําทางเจ้า”
“จงเชื่อในโชคชะตา ยอมรับชะตากรรม ทุกอย่างมีเหตุผลของมันเอง หากเราฝืนโชคชะตา มันจะนําไปสู่โศกนาฏกรรมและความเสียใจ เช่นเดียวกับที่เจ้าพยายามสังหารเซี่ยตู๋เต๋าก่อนเวลาอันควร” ราชันมังกรส่ายศีรษะ
“แม้เจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเขา แต่เจ้าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดทุกประเภท ท้ายที่สุดเจ้าไม่เพียงจะล้มเหลวแต่เจ้ายังดึงผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง”
“ย้อนกลับไปหากเจ้าฟังแผนการของโชคชะตาและโจมตีเซี่ยตู๋เต๋าในช่วงเวลาที่เขาอ่อนแอที่สุด เหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้หรือไม่?
“ข้าจะบอกเจ้า คุณค่าของการดํารงอยู่ของเซี่ยตู๋เต๋าคือการนํามรดกอมตะนี้ออกมาเพื่อมอบให้เจ้า”
หงถิงมึนงง เขานิ่งราวกับรูปปั้น
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา “ท่านอาจารย์ ข้าผิดไปแล้ว”
“เป็นเรื่องดีที่เจ้ารู้ข้อผิดพลาดและคิดที่จะเปลี่ยนแปลง แท้จริงแล้วทางเลือกที่ผิดพลาดของเจ้าก็คือการจัดเตรียมของโชคชะตาเช่นกัน” ราชันมังกรกล่าว
“ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“เราทุกคนอยู่ภายใต้การจัดเตรียมของชะตากรรม เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถท้าทายชะตากรรม แต่ความคิดของเจ้าก็ถูกจัดการโดยชะตากรรมเช่นกัน เจ้าไม่จําเป็นต้องรู้สึกผิด เจ้าควรเข้าใจเจตนาของชะตากรรม เจ้าคิดว่าทางเลือกของเจ้าไม่มีค่างั้นหรือ? ผิด!”
“ความผิดพลาดทุกอย่างมีค่าสําหรับการเติบโตของผู้เยาว์ หากเจ้าสามารถซึมซับบทเรียนจากความผิดพลาดและยอมรับการมีอยู่ของโชคชะตา ความผิดพลาดนี้จะแสดงคุณค่าของมันออกมา”
ราชันมังกรมองหงถิงอย่างลึกซึ้ง “ศิษย์ของข้า เจ้าเป็นเด็กที่มีความสามารถและฉลาด เจ้าเป็นเด็กดี แต่ข้ายังกังวลเพราะเจ้าให้ความสําคัญกับความรู้สึกมากเกินไป ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า เมื่อเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ เจ้าคงเลือกเส้นทางแห่งปัญญาใช่หรือไม่?”
“ท่านอาจารย์ วิสัยทัศน์ของท่านไม่มีผู้ใดสามารถเปรียบเทียบ ข้าคิดเช่นนั้นจริงๆ ข้ารู้สึกว่าเส้นทางแห่งปัญญาเหมาะสมกับข้ามากที่สุด” หงถิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ราชันมังกรสายศีรษะ “เส้นทางแห่งปัญญามุ่งเน้นไปที่ความคิด เจตจํานง และอารมณ์ความรู้สึก เจ้าให้ความสําคัญกับความรู้สึกมากเกินไป ดังนั้นการเรียนรู้ด้านอารมณ์ความรู้สึกจะส่งผลเสียต่อเจ้ามากกว่า เชื่ออาจารย์ เลือกเส้นทางแห่งกาลเวลา เมื่อเจ้าสามารถมองอดีตและปัจจุบัน สังเกตการเกิดและการจบสิ้นของเหตุการณ์ต่างๆ เรียนรู้เกียรติยศและความอัปยศทุกประเภท เจ้าจะเข้าใจทุกสิ่ง ความรู้สึกของเจ้าจะถูกชําระล้าง ข้าได้รับการเปิดเผยจากวิญญาณชะตากรรม มันบอกว่าเส้นทางแห่งกาลเวลาเหมาะสมกับเจ้ามากที่สุด”
หงถิงอ้าปากค้างเล็กน้อย เขาต้องการกล่าวบางสิ่งแต่ในที่สุดเขาก็พยักหน้า “ศิษย์จะปฏิบัติตามคําแนะนําของท่านอาจารย์และเลือกเส้นทางแห่งกาลเวลา”
ราชันมังกรพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดี อาจารย์เป็นผู้พิทักษ์เต๋าของเจ้า การชี้ทางที่ถูกต้องให้เจ้าคือความหมายในการดํารงอยู่ของข้า”
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ
หงถิงเลือกเส้นทางแห่งกาลเวลา ภายใต้การคุ้มครองจากราชันมังกร เขาประสบความสําเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะและกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
“ผู้อมตะหงถิง ปีศาจตนนั้นประกาศว่าเขาจะสังหารผู้คนทั้งเมือง เว้นเพียงข้าจะมอบบุตรสาวของข้าให้เป็นนางบําเรอของเขา ผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ เราเป็นเพียงมนุษย์ เราไม่สามารถทําสิ่งใด โปรดพิจารณาถึงมิตรภาพระหว่างข้ากับบิดาของท่านและกําจัดปีศาจตนนี้!” เจ้าเมืองชรามาหาหงถิงและคุกเข่าลงบนพื้น
หงถิงจําคนผู้นี้ได้ เขาเป็นเจ้าเมืองของเมืองที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองใบไม้แดง พวกเขาพบกันบ่อยครั้ง เจ้าเมืองผู้นี้และบิดาของเขาเป็นสหายสนิท
เขาเคยเห็นบุตรสาวของเจ้าเมืองผู้นี้มาก่อนและยังเคยเล่นกับนางเมื่อยังเยาว์
“ผู้อาวุโสโปรดลุกขึ้น ข้าต้องช่วยอย่างแน่นอน มันเป็นเพียงว่า…” หงถิงหยุดก่อนกล่าวต่อ “โอกาสยังมาไม่ถึง”
เจ้าเมืองชรารู้สึกยินดี “เมื่อท่านผู้อมตะตอบรับคําขอของข้า ชายชราผู้นี้ก็รู้สึกวางใจ ข้าเชื่อว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่จะไม่กลับคําพูดของท่าน”
หงถิงรอกระทั่งถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะสังหารปีศาจอมตะตนนี้
เขาโจมตีอย่างเด็ดเดี่ยวและฆ่าปิศาจตนนี้ได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามเจ้าเมืองกลับคุกเข่าลงบนพื้นมองเมืองที่กลายเป็นซากปรักหักพังและกองซากศพ เขาร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า “ในที่สุดปีศาจก็ถูกกําจัด บุตรสาวของข้า ชาว เมืองของข้านอนหลับให้สบาย ความแค้นในใจของพวกเจ้าได้รับการชําระแล้ว!”
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์ ข้าสงสัยว่าท่านอาจารย์เรียกข้ามาเพราะเหตุใด?” หงถิงไปหาราชันมังกร
“ศิษย์ข้า อาจารย์สัมผัสได้ถึงชะตากรรม แม่น้ำบุปผาล่องกําลังอ่อล้น ข้าต้องการให้เจ้าไปช่วยชีวิตผู้คน จําไว้อย่าเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เจ้าสามารถทําได้หลังจากสามวันสามคืน” ราชันมังกรกล่าวอย่างระมัดระวัง
“ทราบแล้ว”
หงถิงไปที่ริมฝั่งแม่น้ำบุปผาล่องและมองน้ำท่วม สิ่งมีชีวิตจํานวนนับไม่ถ้วนถูกบังคับให้ไร้ที่อยู่อาศัย ศพจํานวนมากลอยไปตามกระแสน้ำ
เขาพยายามระงับอารมณ์และรอเป็นเวลาสามวันสามคืน เมื่อถึงเวลาเขาพบว่าเขาไม่จําเป็นต้องเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย น้ำในแม่น้ำลดระดับลงด้วยตัวมันเองและเกิดหนองน้ำปรากฏขึ้นในหลายพื้นที่
กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปรากฏขึ้นและอยู่ไม่ไกลจากหงถิง
หงถิงกําหราบวิญญาณอมตะปาดวงนี้ได้อย่างง่ายดาย “วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่เหมาะสมกับข้าเป็นอย่างมาก”
“โฮก…”
กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปาดึงดูดสัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวเข้ามา
การแสดงออกของหงถิงกลายเป็นเคร่งขรึม เขาปกปิดตนเองและรอให้สัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองเข่นฆ่ากันเอง หลังจากนั้นตัวหนึ่งเสียชีวิต อีกตัวได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตลงในที่สุด หงถิงเคลื่อนไหวและสามารถเก็บซากศพของสัตว์อสูรบรรพกาลทั้งสองมาได้อย่างง่ายดาย
“ยอดเยี่ยม” หงถิงมองสนามรบและเข้าใจบางสิ่ง
“ปรากฏว่านี่คือการจัดเตรียมของโชคชะตา ด้วยการต่อสู้ของสองสัตว์อสูรบรรพกาล แม่น้ำบุปผาล่องจึงอ่อล้น”
“นอกจากนี้พื้นที่รอบๆแม่น้ำบุปผาล่องยังอุดมสมบูรณ์มากขึ้นด้วยเลือดและซากศพของสิ่งมีชีวิตจํานวนนับไม่ถ้วน ในอนาคตมนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะโชคดีมาก”
“ปีศาจวัว ปล่อยท่านพ่อท่านแม่ของข้าเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะทําให้เจ้าพบชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!” หงถิงมองปีศาจอมตะหัววัวด้วยความโกรธ
ปีศาจวัวถือร่างของบิดามารดาของหงถิงไว้ในมือทั้งสองข้างและหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าหยิ่งยโสเกินไป เจ้าต้องการกําจัดข้างั้นหรือ? เมื่อข้าเป็นผู้อมตะ เจ้ายังดูดนมมารดก! แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้าข่มขู่ข้างั้นหรือ?”
หงถิงพยายามระงับความโกรธ
ปีศาจวัวตะโกน “อย่าหุนหัน เจ้าไม่ต้องการชีวิตของพ่อแม่เจ้าแล้วงั้นหรือ? หากเจ้าเข้ามา ข้าจะทุบศีรษะพ่อแม่ของเจ้าทันที!
“เจ้าต้องการสิ่งใด?” หงถิงถาม
ปีศาจวัวเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ตราบเท่าที่เจ้ามองวิญญาณอายุยืนให้ข้า ข้าจะคืนพ่อแม่ของเจ้า มิฉะนั้นพ่อแม่ของเจ้าจะตายภายในไม่กี่วัน”
หงถิงตะลึง
ตามแผนเดิมของโชคชะตา วิญญาณอายุยืนปาจะถูกส่งมอบให้ปีศาจวัว แต่หงถิงเห็นว่าบิดามารดาของตนแก่ชรามากแล้ว ดังนั้นเขาจึงมอบวิญญาณอายุยืนให้คนทั้งสองโดยไม่บอกราชันมังกร แต่ผู้ใดจะคิดว่าปีศาจวัวจะนําหายนะมาสู่บิดามารดาของเขา
ใบหน้าของหงถิงกลายเป็นซีดเผือด หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ “ข้าใช้วิญญาณอายุยืนไปแล้ว”
“ข้ารู้เจ้าใช้มันกับพ่อแม่ของเจ้า!” ปีศาจวัวไม่แปลกใจ “แต่เจ้าเป็นศิษย์ของราชันมังกร เจ้าจะเป็นผู้นําวงสวรรค์ในอนาคต ข้าไม่เชื่อว่าคลังสมบัติของวังสวรรค์จะไม่มีวิญญาณอายุยืน นําวิญญาณอายุยืนสามร้อยปี ไม่ สามพันปีมาให้ข้า แล้วข้าจะปล่อยพ่อแม่ของเจ้า!”
“นี่” หงถิงตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในที่สุดเขาก็บังคับให้ปีศาจวัวล่าถอย แต่พ่อแม่ของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถรักษา กระทั่งวิธีรักษาระดับอมตะก็ไม่สามารถทําสิ่งใด
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าทําร้ายพวกท่าน! หากข้าไม่มอบวิญญาณอายุยืนให้พวกท่าน พวกท่านคงเหลือเวลาอีกหลายปี!” หงถิงคุกเข่าลงและร้องไห้
อย่างไรก็ตามหงลูกลับเผยรอยยิ้ม “บุตรชายของข้า ชีวิตและความตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา โชคลาภขึ้นอยู่กับลิขิตสวรรค์ มนุษย์ต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ผู้ใดจะสามารถมีชีวิตอยู่ตลอดไป พวกเราถูกลิขิตให้ตาย อย่าเสียใจ ตรงข้าม เจ้าต้องยินดีกับพวกเรา เราสองคนได้บุตรชายเช่นเจ้าถือเป็นเกียรติสูงสุดของพวกเราแล้ว ชื่อของเราจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เพราะเจ้า”
มารดาของหงถิงกล่าว “บุตรชายของข้า ฟังบิดาของเจ้า จงเป็นคนดี”
คู่สามีภรรยาสูงอายุจับมือกันและเสียชีวิตพร้อมกัน
“ท่านพ่อ ท่านแม่!” หงถิงคําราม
เมื่อเวลาผ่านไปประสบการณ์และวุฒิภาวะของหงถิงก็เพิ่มมากขึ้น
ภายใต้อาทิตย์อัสดง หงถิงพบหลิวซูเชี่ยนเป็นครั้งแรก
ทั้งคู่สบตา หัวใจเต้นแรง บรรยากาศที่ยากจะอธิบายแพร่กระจายออกไป
มันคือรักแรกพบ
หลิวซูเซียนถามเบาๆ “ท่านคือผู้ใด?”
หงถิงตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าคือสามีแห่งโชคชะตาของเจ้า ข้าชื่อหงถิง”
หลิวซูเซียนประหลาดใจ “เจ้าคือเทพอมตะในอนาคตั้งั้นหรือ?”
“ไม่จําเป็นต้องแปลกใจ การพบกันของเราถูกกําหนดโดยโชคชะตา”
ความรักทําให้หงถิงรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาและหลิวซูเซียนมีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายกัน พวกเขาราวกับเกิดมาเพื่อกันและกัน
ทั้งสองท่องเที่ยวไปทั่วโลก พูดคุยภายใต้แสงจันทร์ เพียงมองหน้าก็สามารถมองเห็นหัวใจ พวกเขาเป็นคู่รักอมตะที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหลายร้อยปี พวกเขาสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่มีการพลัดพรากที่รบกวนใจพวกเขา
หลิวซูเซียนก้าวเข้าสู่ระดับแปดไปพร้อมกับหงถิง
สุดท้ายหงถิงก็ประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติและกลายเป็นผู้อมตะระดับเก้า
ราชันมังกรได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์นี้ ผู้อมตะของวังสวรรค์หลายคนเสียชีวิต หงถิงจับร่างที่ค่อยๆเย็นลงของหลิวซูเซียนด้วยน้ำตานองหน้า
เขากอดหลิวซูเซียนเอาไว้อย่างแน่นหนา “อย่าทิ้งข้า อย่าทิ้งข้า ได้โปรด โปรดมีชีวิตอยู่!”
“ไม่มีประโยชน์ สามารถมองเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายถือเป็นโชคลาภของข้าแล้ว ข้าจะไม่ขอสิ่งใดอีก” หลิวซูเซียนยิ้ม
“ข้าช่างไร้ประโยชน์นัก ไร้ประโยชน์จริงๆ! ข้าก้าวข้ามภัยพิบัติ แต่กลับทําร้ายเจ้า!” หงถิงก้มศีรษะลงพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหล
“ไม่ หงถิง ทั้งหมดเป็นชะตากรรม ความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าคือการปกป้องเจ้าจากภัยพิบัติและช่วยเจ้าก้าวเข้าสู่ตําแหน่งเทพอมตะ! ตอนนี้ข้าทําสําเร็จแล้ว”
“ไม่ ไม่ ไม่! เซียนเอ๋อ ข้าไม่ต้องการเป็นเทพอมตะ ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามีชีวิตอยู่!” หงถิงคํารามด้วยร่างกายสั่นเทา
“ทุกสิ่งถูกกําหนดไว้แล้วโดยชะตากรรม หงถิง อย่าคิดเช่นนั้น เจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ชะตากรรมของเจ้าคือการเป็นเทพอมตะ เป็นผู้นําวงสวรรค์ และน้ำมนุษยชาติสู่ความรุ่งโรจน์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอยากเห็นฉากนั้นมาตลอด ยืนเคียงข้างเจ้าและติดตามเจ้าขณะที่เจ้านําโชคลาภมาสู่โลกใบนี้ด้วยพลังอํานาจที่ไร้เทียมทาน โชคร้ายที่ข้าไม่สามารถอยู่ดูมัน…”
หลิวซูเชียนเสียชีวิตไปอย่างช้าๆ
ศีรษะของหงถิงก้มลง แผ่นหลังของเขาโค้งงอราวกับคนแก่ เขาดูราวกับสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมด
เขาหยุดนิ่งเหมือนรูปปั้น
ในมิติช่องว่างของเขา ปราณสวรรค์พิภพรวมตัวกันและหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดขึ้นมาตามสภาพจิตใจของเขา
มันลอยอยู่กลางอากาศและรายล้อมไปด้วยบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า
วิญญาณอมตะความเสียใจระดับแปด!
“แค่ก แค่ก” ราชันมังกรกระอักเลือดออกมาหลายคํา เขาบังคับตนเองให้ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาหงถิง
“การตายของหลิวซูเซียนไม่ได้ไร้ความหมาย มันมีค่า ไม่จําเป็นต้องโศกเศร้า ศิษย์รักของข้า นี่คือชะตากรรม ตอนนี้เจ้ากลายเป็นเทพอมตะแล้ว ผู้อมตะระดับเก้าหายากมาก เจ้ายังมีชีวิตอีกยาวนาน ภารกิจของเจ้าเพิ่งเริ่มต้น ข้าจะสละตําแหน่งของข้า วังสวรรค์ ห้าภูมิภาค และสองสวรรค์ต้องการเจ้า หงถิง หงถิง?” ราชันมังกรเรียกเบาๆ
หงถิงค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขาไม่ได้มองราชันมังกร สายตาของเขายังติดอยู่กับศพที่เย็นเยียบของหลิวซูเซียน
เขาตอบเบาๆ “ข้าเสียใจ”