เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1713 การต่อสู้ของเทพ
บทที่ 1713 การต่อสู้ของเทพ
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม”
ด้วยการระเบิดเป็นลูกโซ่ วิหารเทพทั้งห้าถูกเปาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยท่ามกลางกองไฟขนาดใหญ่
ปรมาจารย์ห้าธาตุลอยอยู่กลางอากาศ แม้ใบหน้าของเขาจะดูอ่อนล้า แต่เขาไม่ได้รับอันตรายใดๆ
หลังจากเข้าไปในแท่นบูชาแห่งโชค เขาหัวเราะเสียงดัง “แม้วิหารเทพทั้งห้าจะไม่ธรรมดา แต่ข้าเข้าใจมัน นั่นทําให้ข้าสามารถทําลายมันได้อย่างง่ายดาย!”
เขากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ปิงช่ายฉวนกล่าวอย่างชัดเจน “แน่นอน วิธีบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่เจ้าใช้เป็นส่วนหนึ่งในการจัดเตรียมของเทพอมตะตะวันเดือด”
ปรมาจารย์ห้าธาตุตะลึง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป เขามองปิงช่ายฉวย “ท่านหมายถึงสิ่งใด?”
บิงช่ายฉวยชําเลืองมองปรมาจารย์ห้าธาตุและเผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง “เจ้าคิดว่าเจ้าเลือกเข้าร่วมกับถ้ําสวรรค์นิรันดรหลังจากถูกกําหราบโดยแท่นบูชาแห่งโชคงั้นหรือ? เจ้าลองทบทวนประโยคสุดท้ายในมรดกของเจ้าให้ดี”
ปรมาจารย์ห้าธาตุเต็มไปด้วยความสงสัย
เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษตั้งแต่แรก จุดเปลี่ยนของเขาคือมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งค่ายกลที่เขาพบโดยบังเอิญ สิ่งนี้นํามาสู่ความสําเร็จของเขา
ตั้งแต่ข้าได้รับมรดกที่แท้จริง ข้าบ่มเพาะอย่างลับๆและไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้กับผู้ใด ปิงช่ายฉวนรู้ได้อย่างไร? ประโยคสุดท้ายในมรดก
“โอ้ มันคือฟังปิงช่ายฉวนและโจมตีวังสวรรค์!?” ปรมาจารย์ห้าธาตุมองปิงช่ายฉวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ปิงช่ายฉวนกล่าวอย่างช้าๆ “แม้เทพอมตะจะไม่ได้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปัญญา แต่ในระดับเทพ พวกเขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับทุกเส้นทางและสามารถจัดเตรียมสิ่งต่างๆที่จะส่งกระทบต่อคนรุ่นหลัง”
“หลังจากเทพอมตะตะวันเดือดมาเยี่ยมวังสวรรค์ เขาวางแผนสําหรับการบุกโจมตีในวันนี้ไว้แล้ว วิธีการทําลายวิหารเทพทั้งห้าเป็นส่วนหนึ่งในการจัดเตรียมของเขา”
“หากเทพอมตะตะวันเดือดเปิดเผยมันโดยตรง วังสวรรค์จะสังเกตเห็น ดังนั้นเขาจึงทิ้งบางสิ่งไว้ด้านนอก เขาปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของผู้บ่มเพาะสันโดษ เมื่อเจ้าไม่ใช่สายเลือดของเทพอมตะตะวันเดือด แม้เจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่วังสวรรค์ย่อมไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมีวิธีการตอบโต้วิหารเทพทั้งห้า พวกเขาจะไม่สามารถเชื่อมโยงเจ้ากับการบุกวังสวรรค์ของเรา!”
“ปรมาจารย์ห้าธาตุ การต่อสู้ครั้งนี้ซับซ้อนกว่าที่เจ้าจะสามารถจินตนาการถึงผู้อมตะระดับหกและระดับเจ็ดไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม สําหรับผู้อมตะระดับแปดเช่นพวกเราก็ยังเป็นเพียงตัวหมากเบี้ย บางคนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเพราะพวกเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง บางคนเข้าร่วมแต่ไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริง”
“ความจริงที่อยู่เบื้องหลังการต่อสู้ครั้งนี้คือการต่อสู้ข้ามกาลเวลาและห้วงมิติของเทพ!”
ปรมาจารย์ห้าธาตุตกตะลึง เขาพึมพํา “การต่อสู้ข้ามกาลเวลาและห้วงมิติของเทพ?”
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์มีเทพอมตะและปีศาจอมตะเพียงสิบคน พวกเขาอยู่บนจุดสูงสุด และเป็นตัวตนที่ได้รับการเคารพบูชา
การเปิดเผยความจริงของปิงช่ายฉวนทําให้ปรมาจารย์ห้าธาตุตกใจมาก
เขารู้สึกถึงความไร้นัยสําคัญของตนเอง ความรู้สึกภาคภูมิใจก่อนหน้าของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์
ปิงช่ายฉวนมองท่าทางที่ตกใจของปรมาจารย์ห้าธาตุและปลอบโยน “อย่ากังวล ท่ามกลางเทพอมตะและเทพปีศาจ เทพอมตะตะวันเดือดห่วงใยบุตรหลานและผู้ใต้บังคับบัญชามากที่สุด”
“เทพอมตะและเทพปีศาจแต่ละคนมีการเตรียมการของตนเอง พวกเขาจะใช้อิทธิพลเหล่านั้นในช่วงเวลาสําคัญ แต่เมื่อเวลาผ่านไปอย่างไร้ปรานี การเตรียมการบางส่วนเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางใดทางหนึ่ง แม้จะเป็นผู้อมตะระดับเก้า แต่พวกเขาก็ไม่รู้ทุกสิ่ง พวกเขาสามารถทําเรื่องผิดพลาด การเตรียมการหลายอย่างไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป”
“เทพอมตะและเทพปีศาจรุ่นหลังที่ค้นพบการจัดเตรียมเหล่านั้นมักจะดัดแปลงพวกมัน”
“เทพอมตะตะวันเดือดมาหลังจากเทพอมตะบัวสวรรค์และเทพปีศาปล้นสวรรค์ แต่เขามาก่อนเทพปีศาจจิตวิญญาณและเทพอมตะสวรรค์พิภพ ผู้อมตะระดับเก้าที่ปรากฏตัวขึ้นภายหลัง ย่อมมีความได้เปรียบมากกว่า นี่เป็นเหตุผลที่พวกเรามีความได้เปรียบในการบุกโจมตีวังสวรรค์ในครั้งนี้
คํากล่าวของปิงช่ายฉวนทําให้ปรมาจารย์ห้าธาตุตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์
ปิงช่ายฉวนหัวเราะ “ราชันมังกรงั้นหรือ? เขาจะสามารถเปรียบเทียบกับการจัดเตรียมของเทพอมตะตะวันเดือดได้อย่างไร? อย่ากังวล เจ้าต้องมั่นใจว่าเราจะประสบความสําเร็จ ในการเดินทางครั้งนี้ถ้ําสวรรค์นิรันดรของเราจะได้รับวิญญาณชะตากรรมอย่างแน่นอน!”
“ได้รับวิญญาณชะตากรรม?” เป็นเพียงเวลานี้ที่ปรมาจารย์ห้าธาตุตระหนักถึงเป้าหมายที่แท้จริงของถ้ําสวรรค์นิรันดร
“ถูกต้อง” ปิงช่ายฉวนยอมรับอย่างเปิดเผย “วังสวรรค์ต้องการขโมยโชคของพวกเรา เหตุใด พวกเขาจะไม่สามารถขโมยชะตากรรมของพวกเขา?”
“สิ่งใดที่ทําให้วังสวรรค์เป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของมวลมนุษย์? มันคือวิญญาณชะตากรรม เมื่อถ้ําสวรรค์นิรันดรได้รับมัน พวกเราจะกลายเป็นกองกําลังอันดับหนึ่งของมวลมนุษย์แทนพวกเขา!”
ในห้องโถงใหญ่ของวิหารกลาง
เทพธิดาจื่อเว่ยมองแท่นบูชาแห่งโชคและแสดงออกอย่างจริงจัง “พวกเขากําลังมา!”
ด้านข้าง เฒ่าเจิ้งหยวนแสดงออกด้วยความกังวล
แม้วิหารกลางจะเป็นพื้นที่ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งหมดของวังสวรรค์ แต่มันมีพลังป้องกันค่อนข้างต่ํา
แม้วิหารกลางแห่งนี้จะเคยถูกบุกโจมตีโดยสามเทพปีศาจมาแล้ว แต่ยังสวรรค์ไม่เคยเสริมการป้องกันของมัน ต่อหน้าเทพปีศาจ แม้วิหารกลางจะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์
การจัดเตรียมของเทพอมตะตะวันเดือดทําให้เทพธิดาจื่อเว่ยและคนอื่นๆไม่สามารถรักษาความสงบ
“ดูเหมือนข้อบกพร่องที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การป้องกันแต่อยู่ที่กรอบความคิด” เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักถึงบางสิ่ง “ข้าพลาดบางอย่างไปงั้นหรือ?”
“อีกนานเท่าใดก่อนที่วิญญาณชะตากรรมจะฟื้นฟูขึ้นอย่างสมบูรณ์?” ราชันมังกรถาม
เทพธิดาจื่อเว่ยตอบด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง “เราต้องการเวลาอีกหกชั่วโมง”
“หกชั่วโมง” ราชันมักงรรู้สึกมีความสุข “อายุขัยของข้าใกล้สิ้นสุดแล้ว แต่สวรรค์ยังสงสารข้า แม้เวลาหกชั่วโมงจะไม่นานนัก แต่ข้าจะได้เห็นวิญญาณชะตากรรมฟื้นคืนมา หลังจากนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของข้า”
เทพธิดาจื่อเว่ยถามด้วยความกังวล “ท่านราชันมังกร อาการบาดเจ็บของท่านยัง…”
แม้วังสวรรค์จะพยายามรักษาราชันมังกรอย่างดีที่สุด แต่อาการบาดเจ็บของเขาไม่สามารถรักษาได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ราชันมังกรเผยรอยยิ้ม “ข้าใกล้ตายแล้ว อาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่สําคัญ ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ในเวลานั้นยังจะมีผู้ใดในห้าภูมิภาคที่สามารถต่อต้านข้า”
การแสดงออกของเขายังสงบนิ่งแต่คํากล่าวของเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและทรงอํานาจ
แท่นบูชาแห่งโชคเหมือนสัตว์ร้ายที่พุ่งตรงไปยังวิหารกลาง
หากวิหารกลางถูกโจมตี มันจะพังพินาศลงอย่างแน่นอน
เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างเล็กๆปรากฏขึ้นกีดขวางเส้นทางของมัน
“ราชันมังกร!” ปรมาจารย์ห้าธาตุตะโกน
“พุ่งชนเขา!” ปีศาจกระทิงกล่าว
“บึม!”
แท่นบูชาแห่งโชคเหมือนภูเขาที่ถล่มลงจากอากาศ
ราชันมังกรไม่ขยับ เขาใช้กรงเล็บมังกรจับแท่นบูชาแห่งโชคและหยุดมันโดยตรง
“นี่!” ปรมาจารย์ห้าธาตุตกใจมาก
ปีศาจกระทิงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เขาสามารถหยุดแท่นบูชาแห่งโชคได้อย่างง่ายดาย เหลือเชื่อ! หากข้าไม่เห็นสิ่งนี้ด้วยตาของตนเอง ข้าจะไม่มีวันเชื่อ!”
กรงเล็บมังกรออกแรงและสร้างรอยแตกร้าวขึ้นบนแท่นบูชาแห่งโชค
แท่นบูชาแห่งโชคโจมตีราชันมังกรแต่เขายังไม่เคลื่อนไหว
ปราณมังกรพุ่งออกมาจากร่างของราชันมังกรและโจมตีแท่นบูชาแห่งโชค
“ราชันมังกรไม่ได้ใช้วิธีนี้ในการต่อสู้ที่ทะเลตะวันออก” ปีศาจกระทิงเบิกตากว้าง
ปรมาจารย์ห้าธาตุตกใจอีกครั้ง
แม้แท่นบูชาแห่งโชคจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แต่มันยังถูกกําหราบโดยราชันมังกรเพียงผู้เดียว
เดิมที่สมาชิกถ้ําสวรรค์นิรันดรสามารถมองเห็นชัยชนะอยู่ที่ขอบฟ้า แต่ราชันมังกรกลับทําให้ความหวังของพวกเขากลายเป็นความฝัน
ราชันมังกรเป็นอุปสรรคที่พวกเขาไม่สามารถข้ามผ่าน
“เราต่างเป็นผู้อมตะระดับแปด เหตุใดความแข็งแกร่งของเราจึงแตกต่างกันถึงเพียงนี้? ท่านปิงช่ายฉวน เราจะทําอย่างไร?” ปรมาจารย์ห้าธาตุเต็มไปด้วยความกังวล
ความแตกต่างของพลังการต่อสู้ไม่สามารถชดเชยด้วยความกล้าหาญ
ปรมาจารย์ห้าธาตุหันหน้าไปทางปิงช่ายฉวนแต่ตอนนี้เขากลับหายตัวไป
เขาไปที่ใด?
ปิงช่ายฉวนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังราชันมังกร
ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เขาเตรียมไว้พุ่งปะทะศีรษะของราชันมังกร
สําเร็จหรือไม่?” รูม่านตาของปิงช่ายฉวนหดเล็กลง
ราชันมังกรไม่เคลื่อนไหวแต่ส่งปราณมังกรออกมา
ปราณมังกรพุ่งเข้าโจมตีปิงช่ายฉวนและส่งเขาบินขึ้นไปด้านบน
ปิงช่ายฉวนพยายามหลบหนีจากปราณมังกรแต่มันไร้ประโยชน์
เขาไม่สามารถทําลายปราณมังกรเนื่องจากความเร็วในการฟื้นตัวของมันสูงมาก
“นี่ไม่ใช่พลังการต่อสู้ตามปกติของเจ้าอย่างแน่นอน!” ปิงช่ายฉวนกัดฟันกล่าว
“เจ้าจะเข้าใจท่าไม้ตายอมตะมังกรสวรรค์ของข้าได้อย่างไร?” ราชันมังกรมองปิงช่ายฉวน ขณะเดียวกันเขาก็ยังโจมตีแท่นบูชาแห่งโชคอย่างต่อเนื่อง
หากสิ่งนี้ยังดําเนินต่อไป แท่นบูชาแห่งโชคจะถูกทําลายอย่างแน่นอน
ปรมาจารย์ห้าธาตุกัดฟันแน่น “ให้ข้าออกไป ข้ายอมตายในการต่อสู้กับราชันมังกรดีกว่าตายอยู่ที่นี้โดยไม่ทําสิ่งใดเลย!”
ปีศาจกระทิงเงียบ
ปิงช่ายฉวนหัวเราะเย้ยหยัน “ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่แล้วอย่างไร? ข้ามีไพ่ตายเช่นกัน! ด้วยความเคารพ เทพปีศาจไร้ขอบเขต โปรดหันกลับมา!”
“อันใด!?” คราวนี้เป็นราชันมังกรที่ตกใจ