เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity - บทที่ 1759 ข้ากําลังรออยู่
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1759 ข้ากําลังรออยู่
จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ารู้สึกราวกับโลกกําลังหมุน หลังจากชั่วครู่ วิสัยทัศน์ของนางก็กลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง
แทบจะในทันที นางหายตัวไปจากวังสวรรค์และมาถึงพื้นที่ขนาดใหญ่
“หือ?” นางเห็นฟางหยวนยืนอยู่ด้านหน้า
“ฟางหยวน ดี!” จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าคํารามเสียงดังด้วยดวงตาสีแดงเลือด
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มกว้าง “จักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ข้ากําลังรอเจ้าอยู่”
หลังกล่าวจบคํา ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปพุ่งเข้าไปหาจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าทันที
จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าต้องการหลบ แต่พลังอํานาจของค่ายกลวิญญาณอมตะส่งผลกระทบต่อนางแล้ว
การเคลื่อนไหวของนางช้ามาก นี่ทําให้นางตกใจและโกรธจัด
นางไม่สามารถหลบท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปของฟางหยวน
เกราะสีดําที่น่าขนลุกแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและเผยให้เห็นร่างกายที่แท้จริงของนาง
การประสานงานระหว่างท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโป และค่ายกลวิญญาณอมตะทําลายการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าในครั้งเดียว
นางไม่ถอยแต่กรีดร้องและพุ่งเข้าหาฟางหยวน
นี่เป็นกลยุทธ์ที่ฉลาด
หากนางล่าถอย มันจะทําให้ฟางหยวนสามารถควบคุมสถานการณ์
จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ามีทั้งประสบการณ์และความกล้าหาญ นางบุกแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่กลับถูกซุ่มโจมตี นางกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่มันไม่สามารถทําลายความกล้าหาญและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนาง
ไพ่ตายใบสุดท้ายของนางคือการระเบิดตัวเองไปพร้อมกับศัตรู แม้นางจะตาย นางก็จะลากศัตรูลงนรกไปพร้อมกัน นี่คือธรรมชาติที่แท้จริงของนาง
แต่ฟางหยวนรู้จักไพ่ตายใบนี้ของนางแล้ว
เทพธิดาจื่อเว่ยเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ฟางหยวนก็เช่นกัน
ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะไม่เตรียมวิธีรับมือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเอาไว้ได้อย่างไร?
เป็นเช่นที่ฟางหยวนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เขากําลังรออยู่
ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต!
หลังจากกําหราบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ก็ตกเป็นของฟางหยวน นั่นทําให้ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะที่มีวิญญาณอมตะขโมยชีวิตเป็นแกนกลาง
แม้ฟางหยวนจะไม่มีพลังงานอมตะระดับแปด แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถทํา แทนเขาเพราะจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีพลังงานอมตะของบรรพชนผมยาว
ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตไม่ได้ถูกใช้โดยฟางหยวนแต่เป็นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
จุดแสงสีแดงปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า
การเคลื่อนไหวของนางหยุดลง
นางแก่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยวพริบตานางเปลี่ยนจากเด็กหญิงตัวเล็กที่น่ารักเป็นหญิงชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
นางพยายามยกนิ้วชี้ที่เที่ยวแห้งขึ้นมาและกล่าวอย่างยากลําบาก “เจ้า…ทําได้อย่างไร…”
นี่เป็นคํากล่าวสุดท้ายของนาง
นางเสียชีวิตทันที
นางเสียชีวิตด้วยความเสียใจและความเกลียดชัง
แม้นางจะตายไปแล้วแต่ดวงตาของนางยังเบิกกว้าง
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง
ภายในค่ายกลวิญญาณอมตะ กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ตกสู่ความโกลาหล
“เกิดสิ่งใดขึ้น? นางตายแล้วงั้นหรือ?”
“เราฆ่าจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!”
“มันง่ายเกินไปหรือไม่?”
กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ต่างตกตะลึง
หลังจากสงบสติอารมณ์ พวกเขาเริ่มวิเคราะห์
“มันเป็นเพราะแผนการของท่านฟางหยวน”
“ถูกต้อง จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าตกลงสู่หลุมพรางของเรา นางไม่มีทางตอบโต้”
“แม้นางจะเป็นผู้อมตะระดับแปด แต่เปรียบเทียบกับท่านฟางหยวน นางก็ไม่สามารถทําสิ่งใด”
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าเหตุใดผู้อมตะเผ่ามนุษย์จึงพยายามไล่ล่าท่านฟางหยวน…”
กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ถอนหายใจและมองฟางหยวนด้วยความหวาดกลัว ชื่นชม และเคารพ
ในความเป็นจริงการสังหารจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าไม่ใช่เรื่องง่าย
ประการแรก ความสามารถของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาคือการวางแผน ด้วยข้อมูลที่เพียงพอ พวกเขาสามารถจัดการศัตรูได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะหลังจากฟางหยวนกําเนิดใหม่ เขารู้จักไพ่ตายของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า
ประการที่สอง ฟางหยวนใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับเปลี่ยนค่ายกลวิญญาณอมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา วิญญาณอมตะขโมยชีวิตเป็นหนึ่งในวิญญาณที่เขาเพิ่มเข้าไป
ทั้งหมดต้องขอบคุณความสําเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลและแสงแห่งปัญญาที่ทําให้เขาบรรลุสิ่งนี้
วิธีการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าคือเกราะจิตวิญญาณและการระเบิดตัวเอง
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะตราประทับเหล่าโปทันที ท่าไม้ตายนี้สามารถจัดการเกราะจิตวิญญาณของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า
โดยปราศจากเกราะจิตวิญญาณ เมื่อนางเสียชีวิต นางจะไม่สามารถระเบิดตัวเอง
นอกจากนั้นฟางหยวนยังใช้ท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิต
สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือท่าไม้ตายอมตะขโมยชีวิตสามารถแยกแยะมิตรและศัตรู
อย่างไรก็ตามวิญญาณอมตะขโมยชีวิตยังใช้งานได้เพียงสามครั้ง ฟางหยวนไม่สามารถลบข้อจํากัดนี้
แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็ไม่ลังเลที่จะใช้หนึ่งในสามครั้งเพื่อสังหารจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า
จักรพรรดินีอสูรสายฟ้ามีพลังการต่อสู้สูง ยิ่งนางอยู่ที่นี่นานเท่าใด ภัยคุกคามต่อแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก็ยิ่งมากเท่านั้น
หากนางสามารถระเบิดตัวเอง การสูญเสียจะรุนแรงมาก
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องฆ่านางก่อนที่นางจะสามารถตอบสนอง
วังสวรรค์
เฉินอี้มองเสาแสงและกล่าว “ให้ข้าไป”
เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้า
ในฐานะผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาที่มีกระดานหมากรุกกลุ่มดาว เทพธิดาจื่อเว่ยเข้าใจความคิดของเฉินอี้ไม่มากก็น้อย
หลังจากได้รับอนุญาตจากเทพธิดาจื่อเว่ย เฉินอี้บินเข้าไปในเสาแสงด้วยความกังวล
“ข้าต้องรีบเคลื่อนไหว!”
“ด้วยพลังการต่อสู้ของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า ยิ่งข้าช้าเท่าใด โอกาสสร้างผลงานของข้าก็ยิ่งน้อยเท่านั้น ตอนนี้นางอาจสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์กลายพันธุ์ไปบ้างแล้ว
“แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้ามาแล้ว!”
เฉินอี้เข้าไปในเสาแสงด้วยความตื่นเต้น
ในเวลาต่อมา เขาปรากฏตัวขึ้นในค่ายกลวิญญาณอมตะของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
“นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยางั้นหรือ? คือ?” ร่างของเฉินอี้แข็งค้าง รูม่านตาของเขาหดเล็กลงจนเหลือขนาดเท่าปลายเข็ม
เขาเห็นศพของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้า!
ฟางหยวนเพิ่มความสามารถบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเข้าไปในค่ายกลวิญญาณอมตะ นั่นทําให้เวลาเดินช้าลง
แต่ที่วังสวรรค์เวลายังเดินตามปกติ
หลังจากจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเข้ามา เฉินอี้ก็ตามเข้ามาแทบจะพร้อมกัน
เมื่อฟางหยวนสังหารจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและจับกุมดวงวิญญาณของนาง เฉินอี้ก็ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าค่อนข้างเร็ว” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง
เฉินอี้มองศพของจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าและตะโกน “ผู้อาวุโส!?”
จักรพรรดินีอสูรสายฟ้าไม่ตอบ
นางตายแล้วอย่างไม่สามารถปฏิเสธ
“นี่เป็นไปได้อย่างไร? มันเป็นไปได้อย่างไร?” เฉินอี้รู้สึกราวกับถูกน้ําเย็นราดลงกลางศีรษะ
ความจริงก็คือจักรพรรดินีอสูรสายฟ้าเสียชีวิตขณะที่ฟางหยวนยังสามารถเผยรอยยิ้มโดยปราศจากบาดแผลใดๆ
ผู้ใดจะสามารถคาดคิดถึงสถานการณ์นี้
เฉินอี้กระพริบตาก่อนคําราม “ปีศาจ เจ้าสร้างภาพลวงตานี้และทําให้ข้าเกือบถูกหลอก!”
หลังกล่าวจบคํา เฉินอี้เร่งใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกัน
เขาไม่รีบโจมตีแต่ยืนปกป้องเกลียวแสงสีดําที่อยู่ข้างหลัง
ในเวลาต่อมาเฉินอี้เริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกต “หือ? พลังอํานาจบนเส้นทางแห่งกาลเวลากําลังส่งผลกระทบต่อข้า!”
ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันของเขาเกิดขึ้นช้ามาก
วังสวรรค์
เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวกับฟงจิวเก้ออย่างสงบ “ไปได้”
ฟงจิวเก้อพยักหน้าและบินเข้าไปในเสาแสง
“ด้วยความแข็งแกร่งของฟงจิวเก้อ เขาสามารถป้องกันตัวเอง เราต้องอาศัยโชคของผู้พิทักษ์เต๋า นี่เป็นวิธีเดียวที่เราจะสามารถต่อต้านฟางหยวน”
เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ
หลังจากฟังจิวเก้อก็เป็นนาง
แต่ในจังหวะที่นางกําลังจะเข้าไปในเสาแสง
เสาแสงกลับระเบิดขึ้นอย่างกะทันหัน
เทพธิดาจื่อเว่ยตกตะลึง “”
ผู้อมตะของวังสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังนาง “”