เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 356 ศึกใต้ทะเล 3
เหล่าปีศาจระดับชนชั้นจักรพรรดิ์หลายพันตัวต่างออกตามหาร่างสถิตวิหคสวรรค์ในท้องทะเลทั่วทั้งสี่ทิศ แต่ดูเหมือนว่าพวกมันนั้นจะไม่สามารถสามารถฝ่าระดับความลึกก้นสมุทรลงไปได้แม้จะเป็นชนชั้นจะกรพรรดิ์ก็ตาม
การที่จะลงไปยังก้นสมุทรแม้แต่ชนชั้นเทพนักรบหรือกระทั่งชนชั้นเทพสงครามก็ลงไปข้างล่างได้อย่างยากยิ่ง..
ปีศาจบางตัวถูกแรงดันน้ำจำนวนมหาศาลบีบอัดร่างจนระเบิดบ้างก็ถูกสัตว์อสูรทะเลโจมตีเนื่องจากบุกรุกอาณาเขตใต้ท้องทะเลของพวกมัน..
ความลึกระก้นสมุทรทำให้เหล่าปีศาจต่างเกรงกลัวที่จะต้องลงไปยังจุดนั้น…
“ ท่านเซร่า ทั่วน่านน้ำทั้งสี่ทิศพวกเราระดมกำลังพลกันค้นหาแล้วไม่พบร่องรอยของร่างสถิตวิหคสวรรค์แม้แต่น้อย..เกรงว่าระดับความลึกที่ร่างสถิตหลบซ่อนตัวอยู่ ลำพังระดับพลังอันต่ำต้อยของพวกข้า ไม่อาจที่จะฝ่าลงไปได้..”
“ อืม..ข้างล่างที่พวกเจ้าลงไปพวกเจ้าไม่ได้พบเจอสิ่งผิดปกติใดๆใช่หรือไม่.. ”
“ ใช่ขอรับท่านเซร่า นอกจากสัตว์อสูรทะเลที่มุ่งมาโจมตีพวกเราก็ไม่มีอย่างอื่นนอกเสียจากว่า..”
เซร่ามองปีศาจด้วยใบหน้าที่เย็นชาดุจน้ำแข็ง..ปีศาจชั้นต่ำตนนั้นแทบจะคลองสติเอาไว้ไม่อยู่..
“ นอกเสียจากว่าอะไร..”
“ อะ..อาจจะเป็นไปได้ว่าจักรพรรดิ์เทพอสูรทะเลถูกสังหารด้วยฝีมือของใครบางคน..”
ปีศาจสาวชั้นสูงที่ได้ยินดังนั้นก็แสดงท่าทีแปลกใจเล็กน้อย…
“ อะไรที่ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น ”
“ เรียนท่านเซร่า ปกติแล้วอสูรทะเล จะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มไม่แตกแยกออกเป็นเช่นนี้ อีกอย่างก่อนจะถึงระดับความลึกขั้นก้นสมุทร ปกติแล้วจักรพรรดิ์เทพอสูรทะเลต้องออกมาโจมตีพวกเราอย่างแน่นอนที่มาบุกรุกอาณาเขตของมัน..แต่ว่าในครั้งนี้นั้นทุกอย่างกลับนิ่งสงบผิดปกติ…”
ปีศาจตนนั้นบอกเล่าสิ่งที่ตนเองรู้อยู่ทั้งหมดออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าแม้แต่จะสบตามองเซร่า…
“ ไปได้แล้ว..”
“ ขะ..ขอรับ.. ”
เซร่าที่ได้ยินปีศาจระดับต่ำตนนั้นพูดเมื่อครู่ก็รู้สึกตะหงิดใจอยู่ไม่น้อย..
“ หากเป็นเช่นนั้นจริง ร่างสถิตวิหคสวรรค์ไม่มีทางทำได้แน่ๆ แม้จะเป็นเปลวเพลิงที่เกิดจากเทพอสูรศักดิ์อย่างหงส์เพลิงนกอัมตะ การจะต่อกรกับเทพอสูรทะเล เป็นไปได้ยากยิ่ง…จะต้องมีใครบางคนให้ความช่วยเหลือเด็กคนนี้เป็นแน่..เห็นทีข้าคงต้องลงไปดูให้เห็นกับตาซะแล้ว.. ”
“ เจ้าคิดจะลงไปข้างล่างด้วยตัวเองอย่างงั้นหรือเซร่า.. ”
เดียร์รอสที่พึ่งเดินทางมาถึงได้ยินสิ่งที่เซร่ากำลังพูดอยู่เข้าพอดี..
“ ก็มีแค่พวกเราเท่านั้นที่มีพลังมากพอที่จะลงไปข้างล่างนั่น…ข้าไม่อยากเสียกำลังพลโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้นข้าจะลงไปด้วยตัวเอง..แล้วทางเจ้าเป็นยังไงบ้างดูท่าคงจะไม่ราบรื่นอย่างที่เจ้าคิดสินะ.. ”
เซร่ามองเข้าไปนัยน์ตาของเดียร์รอสก็รับรู้ได้ถึงความกังวลที่ส่งออกมาผ่านสายตา…
“ เป็นถึงมือขวาของท่านเบลเซบับ มีเรื่องอะไรให้เจ้ากลุ้มใจอย่างงั้นเหรอเดียร์รอส.. ”
“ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน…รู้สึกเหมือนกับว่าข้างล่างมีอะไรบางอย่างที่น่าหวาดหวั่นอยู่ข้างล่างนี้.. ”
เซร่าก็สัมผัสได้เช่นเดียวกับเดียร์รอสแต่มันช่างเบาบาง..อาจจะเป็นเพราะอยู่ห่างกันเกินไป อีกอย่างหากเป็นสิ่งที่เดียร์รอสเป็นกังวล การนำตัวร่างสถิตวิหคสวรรค์ขึ้นมาอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด..
“ ช่างเรื่องนี้เถอะ เอาเป็นว่าข้าจะระวังตัวส่วนเรื่องที่เจ้าขอ ข้าจะทำเท่าที่ทำได้..อีกอย่างหนึ่งเจ้าไปที่พำนักของเทพมารซีสมาแล้ว..ได้กลับมาไหม..แต่ดูจากร่องรอยการต่อสู้บนตัวเจ้า ถ้าข้า มองไม่ผิดแขนของเจ้าบาดเจ็บ..จากการต่อสู้กับเทพมารซีสอย่างงั้นใช่ไหม..หรืออาจะไม่ได้เกิดจากเทพมารซีส ลำพังเทพมารซีสข้ามั่นใจว่าไม่อาจทำอะไรเจ้าได้แน่นอน..แสดงว่ามีผู้อื่นอยู่ที่นั่นด้วยสินะ..”
“ เหตุการณ์เหนือความคาดหมายของข้า..บาดแผลนี้เกิดจากเทพมารซีสจริง..แต่ราชันย์แวมไพร์ก็อยู่ที่นั่นด้วยเหมือนกัน..หากปะทะกันซึ่งๆหน้าอีกครั้งข้าก็ไม่อาจรู้ว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นไร..อาจจะต้องตายกันไปข้าง ”
“ อะไรนะ!! เจ้าบอกว่า ราชันย์แวมไพร์ อัลเบียร์ อยู่ที่พำนักเทพมารซีสอย่างงั้นเหรอ…เป็นไปได้ยังไง นางหลุดออกมาจากการผนึกแล้วอย่างงั้นหรือ..แล้วฝีมือกับระดับพลังของนางเป็นเช่นไรบ้าง.. ”
เซร่ากล่าวถามด้วยความสงสัยใคร่รู้..แม้จะพยามปกปิดความตกตะลึงไว้ในใจก็ตามที..
“ ข้าประมือกับนางประมาณ 5-6กระบวนท่า นางสามารถป้องกันและโต้ตอบกระบวนท่าของข้าได้ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ..ความแข็งแกร่งไม่ต่างจากเมื่อก่อนแม้แต่น้อย ฝีมืออาจจะทัดเทียมกับเจ้า หรือไม่ก็เหนือกว่าไปหนึ่งขั้น.. ”
เดียร์รอสพูดจบดูเหมือนว่าเซร่านั้นคิดไม่ต่างจากตนตัวแปรอีกตัวแปรที่สำคัญในสงครามครั้งนี้อาจจะเป็นราชันย์แวมไพร์อย่างอัลเบียร์ก็เป็นไปได้..
“ อย่างงั้นเหรอ….แสดงว่าสงครามครั้งนี้ดูท่าจะไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิดไว้ซะแล้ว..แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเพราะยังไงสงครามครั้งนี้เผ่าปีศาจจะต้องชนะ..ข้าจะลงไปด้านล่างฝากที่เหลือไว้กับเจ้าก็แล้วกัน.. ”
“ ตกลง..”
หลังจากนั้นไม่นานเซร่าก็ดำดิ่งลงไปใต้มหาสมุทรด้วยความเร็ว…
………………………………………………..
ณ โบราณสถานใต้น้ำ
“ ท่านเมดูซ่ามีอะไรอย่างงั้นหรือ..ข้าเห็นท่านมองขึ้นไปด้านบนหลายครั้งแล้ว..”
อู้เฉียงกล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย..เพราะตนนั้นเห็นเมดูซ่ามองขึ้นไปด้านบนหลายครั้งแล้ว..ซึ่งตนก็มองขึ้นไปก็เห็นเพียงแค่มวลน้ำจำนวนมหาศาลและสัตว์อสูรทะเลโดยรอบ..
“ พวกมันกำลังจะลงมาข้างล่างแต่ดูเหมือนว่าด้วยแรงดันน้ำมหาศาลและสัตว์อสูรทะเลโดยรอบทำให้พวกปีศาจไม่อาจที่จะลงมาที่ได้..จนถึงเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าจะมีปีศาจระดับสูงกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่…”
“ !!!! ”
อู้เฉียงแสดงสีหน้าไม่สู้ดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด..ปีศาจที่ลงมาที่นี่ ระดับความลึกก้นสมุทรย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อู้เฉียงจะเอาชนะได้ในตอนนี้..
“ แล้วเจ้าจะเอายังไง จะสู้หรือจะหนี ไม่ว่าจะเลือกทางไหนข้าก็จะทำตามหนทางที่เจ้าเลือกถ้าจะหนีข้าก็จะพาเจ้าหนีไปจากที่นี่…การหนีไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด..”
“ ถ้าข้าหนี..ข้าก็จะต้องหนีต่อไปเรื่อยๆอย่างงั้นเหรอ..ข้าจะไม่หนีอีกต่อไปแล้วข้าจะสู้..ตัวข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้ยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างกับไป๋หลง!! ”
อู้เฉียงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ไม่ไหวติง..
“ ข้ารู้สึกชื่นชมในความใจสู้ของเจ้า..แต่เจ้าจงอย่าลืมอู้เฉียงทุกคนในยุทธภพต่างเสียสละปกป้องเจ้า แม้แต่สหายของเจ้าในตอนนี้กำลังทำเรื่องที่คนเสียสติเท่านั้นถึงจะทำ..ถ้าพวกมันได้ตัวเจ้าไปทุกอย่างก็จบ สงครามในครั้งนี้เราจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ในทันที.. ”
“ ข้ารู้ดีเพราะแบบนั้นข้าจะไม่เป็นภาระของท่านอย่างแน่นอน!! ข้าจะเข้าร่วมศึกในครั้งนี้!!!.. ”
เมดูซ่าที่ได้รับฟังอยู่ก็รู้สึกชื่นชมอู้เฉียงอยู่ลึกๆภายในจิตใจ…
“ เจ้าพูดผิดนะ..ตั้งแต่ที่เจ้าฝึกกับข้า เจ้าก็ไม่ได้เป็นตัวถ่วงของใครอีกต่อไปแล้วแสดงผลการฝึกให้ข้าดูหน่อยก็แล้วกันอู้เฉียง.. ”
ตึง!!!
ขณะนั้นเองดูเหมือนว่าปีศาจที่เมดูซ่ากล่าวถึงจะลงมาถึงที่นี่แล้ว..อู้เฉียงเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบเจอกับสตรีงามผู้หนึ่ง แต่กลิ่นอายแผ่ออกมาชายหนุ่มย่อมรับรู้ได้ภายในทันที.
ทั้งกลิ่นอายรวมถึงระดับพลังเหนือกว่าอู้เฉียงในทุกด้าน..สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังเผชิญอยู่ก็หนึ่งในขุนพลปีศาจชั้นสูงที่แข็งแกร่งที่สุด!!
“ ในที่สุดก็เจอ..ร่างสถิตวิหคอัมตะ!! ”
จบตอน..