เทพมารตกสวรรค์ - ตอนที่ 379 การรวมตัวของเหล่าสัตว์ประหลาด 2
ถ้าหากเป็นอย่างที่กาเบรียลได้บอกมา..อาจจะเป็นไปได้ว่าตัวของไป๋หลงนั้นอาจจะ….เพียงแค่ไป๋หลงนึกคิดก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว…
“ การกลืนกินของพลัง… ”
“ ข้าอยากจะเตือนเจ้าก็มีแค่นี้แหละ..ความจริงแล้วเรื่องมันอาจจะไม่เกิดขึ้นถ้าเจ้าไม่จุติเป็นเผ่าปีศาจอีกทั้งยังมีสายเลือดบริสุทธิ์..ตัวเจ้าในตอนนี้นั้นก้ำกึ่งระหว่างสามเผ่าพันธุ์ เทพ ปีศาจ และสายเลือดของมาร ตอนนี้ในตัวของเจ้ามีพลังทั้งสามแบบไหลเวียลอยู่ภายในตัวเจ้า..พลังที่ควบคุมยากที่สุดก็คือ พลังของเผ่าปีศาจ เจ้าจงอย่าลืมว่ารากเหง้าของพลังปีศาจคือความเกลียดชัง และริษยา แม้เจ้าจะมีพลังเทพ ในการต่อต้าน แต่ทว่าบัดนี้นั้น ธาตุแสงของเจ้า จะสะกดข่มพลังแห่งความมืดทั้งสองได้สักแค่ไหน…อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน..ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดที่จะทำอะไรต่อไปหลังจากนี้..เจ้าคิดที่จะซึมซับเคล็ดกระบวนท่าขอฃเผ่าปีศาจจากผลึกปีศาจใช่หรือไม่…พลังที่มากเกินไปก็ยากที่จะควบคุม ”
สิ่งที่กลาเบรียลพูดมาย่อมไม่มีผิดเพี้ยนไปแม้แต่ประโยคเดียว..แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือการกลืนกินของพลัง..ตัวของไป๋หลงเองนั้นพึ่งจะรู้ถึงความร้ายแรงพลังของตน ออกมาจากปากของกาเบรียล..
“ เป็นอย่างที่ท่านว่ามาทั้งหมด..แต่ทำไมการกลืนกินของพลังมันถึง.. ”
“ เจ้าอยากรู้ใช่ไหมว่าข้ารู้ได้ยังไง..เอาเป็นว่าข้าเคยเห็นมากับตัวก็แล้วกัน..อย่าได้หลงละเริงในพลัง จงควบคุมพลังของตัวเอง อย่าได้ให้พลังควบคุมตัวเจ้า..ความน่ากลัวที่สุดไม่ใช่พลัง แต่เป็นอารมณ์ความรู้สึก ยิ่งเจ้าถูกกระตุ้นมากเท่าไหร่ในการต่อสู้ สภาวะกลืนกินของพลังก็จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็วหากเจ้าไม่มีจิตที่เข้มแข็งพอ พลังมันก็เปรียนเสมือนสุราเมไร ยิ่งใช้ก็ยิ่งเสพติดมากเท่านั้นก็เหมือนกับอำนาจพลังที่เจ้ามี..จริงอยู่ที่ว่าพลังเป็นของเจ้า แต่เมื่อใดก็ตามที่เจ้าเพลี้ยงพล้ำเจ้าจะกลายเป็นเพียงตัวหายนะเดินได้ก็เท่านั้น..เพราะฉะนั้นข้าขอเตือนอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นอันขาด.. ”
กาเบรียลกล่าวบอกด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับชี้แนะไป๋หลง…
ซึ่งไป๋หลงนั้นก็ยอมรับคำชี้แนะมาแต่โดยดี..อีกอย่างตนนั้นไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนจากพลังของตนทั้งนั้น..
ไม่นานไป๋หลงก็บินมาถึงค่ายหลบภัยที่ตนสร้างเอาไว้พร้อมกับเซเรฟที่ตามมาติดๆ…
เหล่าทหารเทพที่เห็นถึงการมาของไป๋หลงก็ต่างก้มศรีษะแสดงความเคารพต่อจ้าวสวรรค์..ปีกสีทองและเรือนผมสีทองยาวสลวยแสดงให้เห็นถึงธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์และรัศมีของผู้เป็นจ้าวปกครอง…
ส่วนเซเรฟที่ติดตามไป๋หลงมานั้นก็ค่อยๆล่อนตัวลงที่พื้น..เหล่าทหารเทพเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ต่างชี้ศาสตราวุธใส่เซเรฟในทันที…
“ เขาเป็นแขกของข้าเอง… ”
เหล่าทหารสวรรค์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ต่างลดอาวุธลง…
“ กลับมาแล้วสินะไป๋หลง…ดูเหมือนว่าจะสำเร็จราบรื่นไปได้ด้วยดีสินะ…แต่ว่านะเจ้าจะอุ้มนางไปถึงเมื่อไหร่กัน.. ”
โซโลม่อนกล่าวแซวไป๋หลง..เทียร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของไป๋หลงและเดินปลีกตัวแยกออกไปในทันทีด้วยความเขินอาย..
“ ราบลื่นอย่างงั้นเหรอ…จริงสิข้ามีใครบางคนอยากให้ท่านรู้จัก.. ”
ไป๋หลงหันกลับไปหาเซเรฟแต่ทว่าตัวของเซเรฟนั้นถอยหลังไปติดต้นไม้บริเวณใกล้เคียงพร้อมกับใบหน้าที่ขาวซีดทันทีที่พบหน้ากับ…
โซโลม่อนที่เห็นเซเรฟก็รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะเรียงลำดับความคิดทำให้เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในทันที…
“ ไงจักรพรรดิ์ธาตุจรัสแสง เจอกันอีกแล้วนะ.. ”
“ ตัวอันตราย!! สัตว์ประหลาด!! ”
เสียงของเซเรฟนั้นคล้ายกับว่ามีสองเสียงออกมาจากร่างของตนในเวลาเดียวกัน…
“ ไม่เจอกันนานเลยนะ..ตอนนั้นเจ้ายังท้าตีท้าต่อยกับข้าอยู่เลย..ทำไมตอนนี้ถอยหนีซะเล่าไม่สนใจรำลึกความหลังหน่อยอย่างงั้นหรือ.. ”
ไป๋หลงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมาชั่วขณะ…ต่อสู้กับโซโลม่อนจ้าวแห่งนครอันธกาลเนี่ยนะ..ถ้าไม่บ้าจริงก็คงทำไม่ได้..แต่ก็มีคนบ้าอยู่ที่นี่แล้วหนึ่งคน!!
“ ดูท่าแล้วการที่เจ้าจะสังหารจักรพรรดิ์เงา คงจะเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ เจ้าว่าไหม…เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจะขัดเจตนารมณ์ของเจ้าหรอกนะ…ถ้าช่างน่าเสียดายที่จักรพรรดิ์เงาคนนี้เป็นน้องคนสนิทของข้าคนนึงล่ะนะ.. ”
“ ท่านโซโลม่อนเรื่องนี้ข้าได้พูดคุยกับเซเรฟเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว..”
แน่นอนว่าไป๋หลงจะผิดสัญญาก็ย่อมได้ในเมื่อมีโซโลม่อนเป็นผู้สนับสนุน แต่ทว่า..ครั้นจะผิดสัญญาก็ไม่ใช่นิสัยของไป๋หลง..ละมั้งนะ
ตัวไป๋หลงได้เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้กับโซโลม่อนได้รับฟัง..ซึ่งโซโลม่อนก็ยอมรับฟังแต่โดยดี ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของไป๋หลง โซโลม่อนนั้นก็ไม่คัดค้าน..
“ เป็นอย่างงี้เองสินะ.. ”
โซโลม่อนพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก..ก่อนจะลากตัวเซเรฟเข้ามาใกล้ตนด้วยพลังแรงดึงดูดที่มหาศาล..แม้เซเรฟจะขัดขืนก็เปล่าประโยชน์!!
ร่างของเซเรฟถูกดึงดูดเข้ามาหาเซเรฟ…อย่างมิอาจขัดขืน..
“ นะ..นี่เจ้า!! ”
“ ข้าแค่อยากจะทำความรู้จักใหม่กับเจ้าก็เท่านั้นเอง.. ”
โซโลม่อนกอดคอเซเรฟพร้อมกับยิ้มเย็นออกมา..เหล่าทหารเทพต่างกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอแม้เป้าหมายจะไม่ใช่พวกตน..แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงและรอยยิ้มนั่น…
ไป๋หลงที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเท่านั้นก่อนที่ตัวของชายหนุ่มจะทำการเรียกรวมพลเตรียมรับมือสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น…
แต่ในขณะนั้นเองมิติช่องว่างก็เกิดบิดเบี้ยวขึ้นมาก่อเกิดเป็นบานประตูสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ขึ้น!!
พร้อมกับร่างของใครบางคนที่ก้าวออกมาจากประตูที่ค่อยๆถูกเปิดออก..ไป๋หลงขมวดคิ้วแน่นเพราะตนนั้นได้ใช้พลังในการขัดขวางการใช้พลังมิติในการก้าวเข้ามา ณ ที่แห่งนี้..อีกทั้งไป๋หลงนั้นยังจับสัมผัสถึงจิตสังหารไม่ได้แม้แต่น้อย
เหล่าทหารเทพและตุลาการสวรรค์ทั้งสองต่างพุ่งตรงมาด้วยความเร็วเพื่ออารักษ์ขาความปลอดภัยของไป๋หลงในทันที..
“ ปกป้องจ้าวสวรรค์!!! ”
ร่างที่เดินออกมานั้นสวมใส่อาภรณ์ที่ประดับประดาไปด้วยสีเขียวมรกตอาภรสีเขียวขริบทอง รวมถึงเรือนผมสีเขียวนั่นไป๋หลงรับรู้ได้ในทันทีว่าบุคคลดังกล่าวคือคนที่ไป๋หลงนั้นรู้จักเป็นอย่างดี…
“ ทุกคนลดอาวุธลง นี่เป็นแขกคนสำคัญของข้า..”
“ จักรพรรดิ์เทียนหยก!! ”
“ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..ก็ว่าอยู่ทำไมข้าถึงแทรกแซงมิติด้วยพลังของตัวข้าเองไม่ได้ ทำให้ข้าต้องให้ท่านเต่าทมิฬเป็นผู้แทรกแซงด้วยตัวเอง..เพราะเจ้าทำเขตแทนเอาไว้นี่เอง..แต่ก็สมควรแล้วล่ะนะ.. ”
จักรพรรดิ์เทียนหยกโบกพัดไปมาก่อนที่สายตาจะมาหยุดลงที่บุคคลผู้หนึ่งที่ยืนเทียบเคียงกับไป๋หลง..เพราะระดับพลังที่มิอาจหยั่งและบรรยากาศที่ชวนขนลุกนั่น…
“ ไงเจ้าหนูไป๋หลงไม่ได้เจอกันซะตั้งนาน.. ”
เต่าทมิฬที่เกาะอยู่ข้างหลังของจักรพรรดิ์เทียนหยกกล่าวขึ้น..ไม่ใช่แค่นั้น มีเหล่าทหารฝีมือระดับสูงเดินออกมาจากประตูหยกขนาดใหญ่เรื่อยๆ..
“ นี่ท่าน… ”
“ เสาแสงสีแดงนั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มสงคราม..จะให้ข้านั่งดูโดยไม่ทำอะไรก็ไม่ใช่นิสัยของข้าสักเท่าไหร่นัก ข้าเลยตัดสินใจเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน..พร้อมกับทหารที่มีพลังระดับสูง อีก 5,000 คนที่ข้านำพามาด้วย..”
ซึ่งการได้ทัพเสริมย่อมเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน..เพราะทหารที่มีระดับชั้นพลังอยู่ในระดับสูงหนึ่งคนก็มีสิทธิพลิกแพลงผลชนะของสงครามครั้งนี้ได้..แม้ไป๋หลงจะไม่ได้ออกปากขอความช่วยเหลือ..
แต่จักรพรรดิ์เทียนหยกนั้นก็ยินดีเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้!!
จากที่ไป๋หลงดูระดับพลังของทหารเหล่านี้ล้วนอยู่ที่ชนชั้นจักรพรรดิ์แทบทั้งหมด!!
หลังจากเหล่าทหารออกมาจนหมด..ประตูมรกตสีเขียวก็สลายหายไป..แต่ทว่ายังไม่หมดแค่นั้นดูเหมือนว่าจะมีเหล่าจอมยุทธ์ที่รวมตัวกันมาเดินทางมาถึง ณ ที่แห่งนี้ อีกจำนวนมาก..
และในช่วงระยะเวลานั้นเองไป๋หลงก็สัมผัสพลังที่แข็งแกร่งได้ถึงหลายร้อยจุดที่กำลังบินตรงมา..ไป๋หลงเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าก็พบเจอ มังกรนับร้อยตัว…แน่นอนว่าการมาถึงที่นี่มีแค่จุดประสงค์เดียว คือเข้าร่วมสงคราม แต่ทว่าไป๋หลงนั้นกลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมาในทันที..
“ เผ่าพันธุ์มังกรเข้าร่วมสงครามอย่างงั้นหรือ…อะไรกันที่ทำให้เหล่ามังกรที่ไม่สนความเป็นไปของโลกนี้ถึงขนาดยอมเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้… ”
……………………………………………………..
ย้อนกลับไปไม่นานก่อนหน้านี้
ณ หุบเขามังกร
ตู้ม!! ตู้ม!! ตู้ม!!
“ นี่เจ้าจะบังอาจเกินไปแล้ว!!! ”
เหล่ามังกรชั้นสูงต่างร่วงเลยลงสู่พื้นราวกับใบไม้แห้งที่ล่วงหล่นลงสู่พื้นดิน..แต่ทว่ามังกรเหล่านั้นกลับไม่ได้รับบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต..เพียงแค่ถูกทำให้ต่อสู้ไม่ได้ก็เท่านั้น…
ราชามังกรตะหวาดเสียงออกมาด้วยความฉุนเฉียว..สตรีนางนั้นที่ได้ยินก็ใช้มือปิดหูเอาไว้..
“ หนวกหู ซะจริงๆ.. ”
ตู้มมม!!!
สตรีผู้นั้นเตะเข้าที่ปากของผู้เป็นราชามังกร..ถึงขนาดที่ทำให้ร่างใหญ่ยักษ์กระเด็นกระดอนไปหลายตะหลบ…ด้วยความเร็วที่น่าสะพรึง!!
“ ระ..ราชินีแวมไพร์อัลเบียร์!! เจ้าต้องการอะไรกันแน่!! ”
อัลเบียร์เดินขึ้นไปบนบัลลังก์ก่อนที่จะนั่งลงบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทางไขว่ห้างสายตามองต่ำปลดปล่อยแรงกดดันออกมาสยบเหล่ามังกรที่แข็งข้อ..รวมไปถึงราชามังกร…
“ เข้าร่วมสงครามในครั้งนี้และให้การสนับสนุนจ้าวสวรรค์ซะ..นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจากพวกเจ้า..ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะใช้แรงพวกเจ้าโดยไม่มีสิ่งตอบแทน..หากสงครามจบลงข้ายินดีทำตามข้อเรียกร้องของพวกเจ้าหนึ่งประการ..แต่หากพวกเจ้าปฏิเสธ.. ”
อัลเบียร์เคลื่อนที่ในพริบตาก่อนจะเหยียบหัวของราชามังกรให้หมอบราบลงกับพื้นอีกครั้ง…
ตึง!!!
ท่ามกลางเหล่ามังกรกว่าร้อยตนที่หมอบราบลงกับพื้นอย่างมิอาจแข็งขืน…
“ แต่หากเจ้าปฏิเสธ ก็จงสูญพันธุ์ไปซะ!!! ”
จบตอน…