เทพสงครามอันดับหนึ่ง - ตอนที่ 19-20
บทที่19 แค่เพียงเท่านี้
“แกจะทำอะไร? แค่กๆ….”
หูเจิงสีหน้าเปลี่ยน อยากจะหนีก็สายเกินไปแล้ว
แม้จะดิ้นรนยังไง ก็หนีไม่พ้นกรงเล็บของหลินขุยได้!
ส่วนคนอื่นในตระกูลหู ต่างก็ตกใจกลัวจนไม่กล้าพูด ไม่ขยับเลยสักนิด
“หูเจิง ชาติหน้าก็เบิกตาของแกให้กว้าง คนบางคน แกมีเรื่องด้วยไม่ได้หรอกนะ”
พูดแล้วหลินขุยก็ออกแรงที่มือเล็กน้อย
ฉึก!
ลำคอของหูเจิงถูกบีบหัก
ตายอย่างน่าอนาถ!
ทั้งภูเขาซิ่วเสว่เข้าสู้ความเงียบกริบอีกครั้ง!
ไม่มีใครคิดเลยว่า หูเจิงที่น่ากลัวในตอนแรก จะตายไปอย่างนี้
ตระกูลเศรษฐีระดับรองแท้ๆ กลับล่มสลายในกำมือของเย่เทียน
ล่มสลายอย่างคาดไม่ถึง!
ถ้ารู้แต่แรกว่าจุดจบจะเป็นแบบนี้ หูเจิงยอมผิดต่อตระกูลสวี และไม่กล้ามีความคิดแตะต้องภูเขาซิ่วเสว่แน่นอน
คนอื่นๆในตระกูลหูต่างก็หวาดระแวง หูเจิงและหูหมิงตายแล้ว ตระกูลหูจบเห่แน่
แล้วพวกเขา ควรจะทำยังไง?
รวมแม้กระทั่งไม่มีการอนุญาตจากเย่เทียน พวกเขาไม่กล้าขยับ กล่าวว่าจะมีจุดจบอย่างหูเจิง
หลินขุยกวาดมอง ทุกคนรีบก้มหน้า ไม่กล้าสบตาด้วย
หลินขุยแสยะยิ้ม แล้วถึงได้กลับไปที่ข้างกายของเย่เทียน
“คุณชายครับ….”
เย่เทียนไม่หันไปมองด้วยซ้ำ : “คนของตระกูลหู รบกวนแม่ของฉัน จะต้องคุกเข่าทำความเคารพอีกครั้ง พรุ่งนี้หลังเที่ยงถึงจะกลับได้”
“ผู้ที่ไม่คุกเข่า ผู้ที่หนีกลับก่อน ฆ่าไม่เว้น”
“ครับ!”
หลินขุยโค้งตัวตอบรับ หันหลัง ไม่ต้องรอให้เขาพูด คนของตระกูลหูต่างก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าภูเขาซิ่วเสว่
ไม่นาน คนมากมายก็คุกเข่าลงเต็มไปหมด
อลังการอย่างมาก!
หลินขุยพยักหน้าอย่างพอใจ ท่าทางอย่างนี้ ไม่ถึงหลังเที่ยงวันพรุ่งนี้ คงจะไม่มีใครกล้ากลับแน่นอน
“คุณอาครับ ไปเถอะ กลับบ้านกัน!”
เย่เทียนพยุงเย่จิ้งซานไว้ มุ่งหน้าสู่บ้านตระกูลเย่
และในตอนนี้ ใบหน้าของเย่จิ้งซานนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่ตื้นตันใจแล้ว
“เสี่ยวเทียน นายไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆด้วย! ถ้าหากว่าคุณนายหลินได้เห็นทั้งหมดนี้ จะดีแค่ไหนกันนะ”
เย่เทียนเงยหน้า มองไปสู่ยอดเขาของภูเขาซิ่วเสว่
“คุณแม่ เห็นแน่นอนครับ!”
หลินขุยขับรถส่งทั้งสี่คนมาบ้านตระกูลเย่
ไม่เหมือนกับครั้งก่อน หวังซิ่วฉิงระมัดระวังเย่เทียนมากขึ้นเยอะ
ทำเอาเย่เทียนไม่ชินนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือก
รวมแม้กระทั่งเย่น่าเองก็เช่นกัน
“พี่เย่เทียนคะ เชิญดื่มชาค่ะ”
เย่น่าวางแก้วชาลงตรงหน้าเย่เทียน แล้วก็ไปยืนด้านหลังของเย่จิ้งซานอย่างระมัดระวัง
ใบหน้าเย่เทียนมีรอยยิ้ม แต่ในใจอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
สองใจถ้าหากมีระยะห่างแล้ว ถึงแม้ว่าจะกลับไปเรียกเหมือนเดิม แต่ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
“เสี่ยวเทียน นายล้มตระกูลหู ตระกูลสวีไม่ปล่อยไว้แน่ ตระกูลสวีไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลหูจะเทียบได้ นายจะต้องระวังไว้นะ” เย่จิ้งซานดื่มชาแล้วพูดเตือนอย่างกังวล
เย่เทียนยิ้ม “คุณอาวางใจได้ครับ ผมมีลิมิตครับ”
เย่จิ้งซานพยักหน้า เย่เทียนโตแล้ว แน่นอนว่าไม่ต้องมาคอยกังวลแต่ละเรื่องของเขา
พักผ่อนสักพัก เย่เทียนก็ลุกขึ้นขอตัว
เย่น่าไปส่ง
“เสี่ยวน่า นี่คือเบอร์ของฉัน มีเรื่องก็โทรมาได้ตลอด”
ยื่นกระดาษขาวที่เขียนเบอร์โทรให้เย่น่าแผ่นหนึ่ง เย่เทียนก็หันหลังขึ้นรถ รถแลนด์โรเวอร์ค่อยๆจากไป
เหลือเพียงเย่น่ายืนอยู่หน้าประตู ในมือจับนามบัตรไว้แน่น นิ่งค้างอยู่นาน
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ เย่เทียนก็งีบหลับบนเตียงเหมือนอย่างทุกวัน
เสียงเคาะประตูแล้วหลินขุยก็เดินเข้ามา
“คุณชายครับ หยางไห่ซานพาหยางเจียวเจียวมาขอขมาแล้วครับ”
เย่เทียนปรือตา “กี่คน?”
“มีเพียงแค่หยางไห่ซานและหยางเจียวเจียวครับ!”
“ไม่ต้องสนใจ ให้พวกเขารออยู่ข้างล่างไปเถอะ” เย่เทียนพลิกตัวแล้วก็นอนต่อ
“ครับ!”
หลินขุยหันหลังเดินออกไป ไม่ลืมที่จะปิดประตูเบาๆ พยายามไม่มีมีเสียง
ภายนอกคฤหาสน์หรูหรา หยางไห่ซานใส่สูทสีดำทั้งตัว ผมที่ขาวโพลนหวีไว้อย่างเรียบร้อย อายุไม่น้อยแล้ว แต่จิตวิญญาณนี่ไม่เลวเลย
ข้างกายของเขา หยางเจียวเจียวไม่มีความเย่อหยิ่งอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว แต่เหมือนกับแม่ไก่ที่เปียกฝน
ภาพของหูเฉวียนที่เละเทะคอยวนเวียนอยู่ในสมองตลอด ทำเอาเธอหน้าซีดไม่กล้าหลับตาลง
เย่เทียนคนนั้น ก็คือคนบ้าขั้นสุด
หยางเจียวเจียวเองก็ไม่ได้โง่ แน่นอนว่าไม่อยากตามรอยหูเฉวียน
เอี๊ยด
ประตูคฤหาสน์ถูกเปิดออก เห็นว่าหลินขุยออกมา หยางไห่ซานยีตาแล้วรีบเข้าไปหา
“คุณหลินครับ คุณเย่มีเวลาว่างมั้ยครับ? พวกผมมาเพื่อขอโทษจริงๆครับ”
หลินขุยมองเขาทีหนึ่ง และส่ายหัวอย่างกับเครื่องจักร : “คุณขายกำลังหลับกลางวันอยู่ ห้ามใครรบกวนทั้งนั้น!”
หยางไห่ซานขมวดคิ้ว : “สามารถแจ้ง…..”
“รวมทั้งนาย!”
หลินขุยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ตัดบทพูดของเขา ดวงตาถลึงใส่ ทำเอาหยางไห่ซานถอยหลังไม่กี่ก้าว
หลินขุยเองก็ไม่สนใจเขา ยืนตัวตรง เหมือนกับยามเฝ้า
ถ้าไม่ได้กลัวว่าสองคนนี้จะรบกวนการพักผ่อนของคุณชาย เขาเองก็ขี้เกียจจะสนใจ
“นี่……”
หยางไห่ซานรู้สึกไม่พอใจ แต่ทำได้เพียงถอยหลัง และนั่งอยู่ตรงขั้นบันไดที่หน้าประตูคฤหาสน์กับหยางเจียวเจียว
ทั้งๆที่เย่เทียนบอกให้เขามาขอโทษ แต่ตอนนี้กลับไม่ยอมเจอ นี่มันอะไรกัน?
ส่วนเย่เทียน เมื่อก่อนหยางไห่ซานก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ได้ใส่ใจ
จนถึงวันนี้ที่หยางเจียวเจียวกลับบ้านไปร้องไห้แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมด
เขาถึงตัดสินใจมาเจอกับเย่เทียน
ยังไงซะ กล้าสั่งให้หยางไห่ซานคนนี้มาขอโทษถึงที่ นอกจากเย่เทียน ทั้งเมืองหรงเฉิงก็หาคนที่สองไม่ได้แล้ว
แต่เพิ่งออกจากบ้าน ก็เห็นเข้ากับภาพที่เย่เทียนตบหูหมิงกระเด็นพอดี
ทำเอารู้สึกไม่ดีเลย
หูหมิง เขารู้จักแน่นอนอยู่แล้ว ในหรงเฉิงก็ถือเป็นคนใหญ่คนโต
แต่ถึงแม้จะเป็นเขาก็ยังถูกเย่เทียนตบตาย
พลังขนาดนี้ มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงหลายอย่างได้
ดังนั้น เขาก็กลับรถแล้วเอาของกำนัลมาไม่น้อยถึงได้มายังภูเขาเทียนเชว่
ไม่ใช่เพราะเขากลัวแล้ว เพียงแต่ว่า การมีอยู่อย่างเย่เทียน ถ้าสามารถเป็นมิตรด้วย ก็อย่าได้เป็นศัตรูเลย
แต่เขาเพิ่งออกจากบ้านตระกูลหยางก็ได้ยินข่าว
ตระกูลหูล่มแล้ว!
เวลาไม่กี่ชั่วโมงสั้นๆ ตระกูลหูที่ร่ำรวย ก็ล่มสลายแล้ว
หยางไห่ซานถึงกับต้องประเมินความแข็งแกร่งของเย่เทียนอีกครั้ง
การร่วมธุรกิจกับตระกูลสวีก็ต้องวิเคราะห์ใหม่แล้ว
แต่ตอนนี้ กลับไม่ได้เจอแม้แต่หน้าเย่เทียน
ถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่รอ
ถ้าหากว่าทำให้เย่เทียนไม่พอใจ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรออกมา
แต่เมื่อรอ ก็คือเกือบสามชั่วโมง
หยางไห่ซานและหยางเจียวเจียวนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน แม้แต่น้ำก็ไม่ได้ดื่มสักอึก
ก้นจะขึ้นรากอยู่แล้ว
แต่ที่มากขึ้นก็คือความไม่พอใจที่มีอยู่ในใจ
“เย่เทียน รังแกกันมากเกินไปแล้วจริงๆ”
อยากจะบุกเข้าไปถามให้รู้เรื่อง แต่เมื่อมองดูหลินขุยที่ไม่ขยับเลยในสามชั่วโมงนี้ ก็เลยลบล้างความคิดนี้ออกไป
เย่เทียน จะต้องมีที่มาที่ไม่ธรรมดาแน่ ถ้าไม่ถึงจนถึงที่สุด ห้ามมีเรื่องด้วยเด็ดขาด
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้ว คฤหาสน์ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม หยางไห่ซานรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก ความไม่พอใจที่มีอยู่ก็ระเบิดออก
“ดี เย่เทียน นายมันแน่! ลูกสาว พวกเราไปกัน ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับคนแบบนี้”
เขาเป็นผู้นำตระกูลหยางทั้งคน เป็นคนใหญ่คนโตอันดับต้นๆของเมืองหรงเฉิง
ที่ผ่านมามีแต่คนอื่นรอเขา เขาเคยได้รับการต้อนรับแบบนี้ที่ไหนกันละ?
ดึงหยางเจียวเจียวไว้กำลังจะขึ้นรถ อยู่ๆเสียงนิ่งๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ความอดทนแค่นี้ก็ไม่มี หยางไห่ซาน ผู้นำตระกูลหยาง ก็แค่เพียงเท่านี้เอง”
หยางไห่ซานตกใจ รีบหันกลับไป กลับเห็นศาลาที่อยู่ไม่ไกลมีร่างกายหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ชายหนุ่มคนนั้นกำลังนั่งดื่มชาเงียบๆ เหมือนกับภาพวาดน้ำหมึก ให้ความรู้สึกเงียบสงบ
“พ่อคะ เขา เขาก็คือเย่เทียนค่ะ!”
หยางเจียวเจียวแค่เห็นเย่เทียนก็ตกใจจนหน้าซีด รีบไปหลบด้านหลังของหยางไห่ซาน
บทที่20 คืนความยุติธรรมให้กับเขา
หยางไห่ซานขมวดคิ้ว
ความรู้สึกแรกที่เขาเห็นเย่เทียนคือยังหนุ่มเกินไป!
อายุไม่ถึงสามสิบ สามารถมีความกล้าหาญและความแข็งแกร่งอย่างนี้ได้ ยากมากจริงๆ
อย่างที่สองก็คือ ความลึกลับของเย่เทียน
หยางไห่ซานคิดว่าตัวเองมองคนออก แต่เย่เทียน เขามองไม่ออก
หรือก็คือ เขาไม่แน่ใจ!
หลายชั่วโมงก่อน เพิ่งจะล้มตระกูลหูอย่างเก่งกล้า
ตอนนี้ กลับนั่งดื่มชาอยู่ที่นี่อย่างเงียบสงบ
ทุกๆคน จะมีนิสัยหลักอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น!
แต่หยางไห่ซานดูไม่ออกว่าเย่เทียนนั้นเอนไปทางไหนมากกว่า
“นายก็คือเย่เทียน? อายุไม่มาก? แต่วางท่าไม่น้อยเลย!”
หยางไห่ซานแสยะยิ้ม กำลังจะก้าวเข้าในศาลา แต่ขาที่ยกขึ้นนั้นก็ไม่ได้ลงพื้นสักที
ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่อยากเข้าไป แต่ว่า เหมือนว่าตรงหน้าจะมีพลังหนึ่งที่ไม่มีตัวตนกำลังห้ามไว้
ทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกแม้แต่นิดเดียว!
“เย่เทียน นี่นายหมายความว่ายังไง?”
หยางไห่ซานเก็บขาขวากลับมา ท่าทางไม่ค่อยพอใจ
นี่คืออะไร ข่มขู่หรอ?
เย่เทียนเทน้ำชาแก้วหนึ่ง แล้วลิ้มรสเงียบๆคนเดียว
“ไม่มีความหมายอะไร เพียงแต่…”
“ในเมื่อมาขอขมา ก็ต้องมีท่าทีที่มาขอขมาสิ”
น้ำเสียงเย่เทียนอ่อนโยน ท่าทางเหมือนดั่งคนมีสติปัญญา
“นาย…..” หยางไห่ซานสีหน้ามืดครึ้ม
“เย่เทียน ฉันมาก็ให้เกียรตินายมากแล้วนะ นายอย่าให้เกียรติแล้วไม่รับ”
หยางไห่ซานอยู่ในเมืองหรงเฉิงนับสิบปี ไม่ว่าไปที่ไหน ใครๆก็ต้องให้เกียรติกับเขา
แต่เย่เทียนคนนี้ เหมือนกับว่าไม่วางเขาไว้ในสายตา หยางไห่ซานจะทนได้ยังไง?
“เย่เทียน อย่าคิดว่าฉันมาแล้วจะหมายความว่าฉันกลัวนาย อย่างมาก เราก็แค่ตายกันไปข้าง”
ถึงแม้จะเป็นอย่างนี้ เย่เทียนก็ไม่ตกใจอะไร แล้วหมุนแก้วชาในมือ
“ตามใจนาย!”
สองคำสั้นๆ ทำเอาหยางไห่ซานมีสีหน้าแปรปรวน
เย่เทียนคนนี้ จงใจจะดูถูกเขาชัดๆ
“ได้ นายเป็นคนพูดเองนะ ถ้าหากฉันลงจากภูเขาเทียนเชว่แล้ว ตระกูลเย่และตระกูลหยางไม่จบไม่สิ้นกันแน่”
หยางไห่ซานพูดคำนี้ออกมา
ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับไป
เขามีความรู้สึกหนึ่งว่าถ้าตัวเองกลับไปจริงๆ
ตระกูลหยาง อาจจะได้ตามรอยตระกูลหู
แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจคือ อยู่ๆเย่เทียนก็เงียบ หมุนแก้วชาแล้วไม่พูดอะไรสักคำ
ขณะนั้น ทำเอาหยางไห่ซานอ่อนข้อลงไม่ถูก จะกลับก็ไม่ใช่ ไม่กลับก็ไม่ใช่
มีความโกรธแต่ก็ไม่รู้จะลงที่ไหน
เย่เทียนคนนี้ มีความหลักแหลมจริงๆ สั้นไปไม่กี่ประโยคก็ทำเอาหยางไห่ซานเป็นฝ่ายที่ถูกบังคับ
จนถึงตอนนี้ หยางไห่ซานถึงได้ให้ความสนใจกับเย่เทียนอีกครั้ง
“เย่เทียน นายต้องการจะทำยังไงกันแน่?”
หยางไห่ซานถาม แต่ว่า เย่เทียนลุกขึ้นมองออกไป แล้วเหลือไว้เพียงแผ่นหลังให้เห็น
หยางไห่ซานกัดฟันยังอยากจะถามอีก แต่หลินขุยมาขวางไว้ด้านหน้า
แล้วทำมือท่าทางเชิญไปทางที่ลงเขา
“ผู้นำหยาง เชิญครับ!”
นี่มัน!
หยางไห่ซานมีความรู้สึกอยากจะด่าแม่ออกไป
ตอนนี้ เขายิ่งไปไม่ได้กว่าเดิม
เมื่อหมดหนทางก็กัดฟันหันไปทางหยางเจียวเจียว แล้วกัดฟันพูด
“เจียวเจียว ขอโทษคุณเย่ซะ!”
“ฮ้ะ? ค่ะ!”
หยางเจียวเจียวตกใจไปสักพักแล้วถึงจะเข้าใจ
เดินไปตรงหน้าอย่างระมัดระวัง แล้วโค้งคำนับไปทางเย่เทียน
“คุณ คุณเย่ ขอ ขอโทษค่ะ….”
สำหรับเย่เทียน หยางเจียวเจียวกลัวแล้วจริงๆ
แต่ว่า หลังจากขอโทษ เย่เทียนก็ยังหันหลังและมือไขว้หลังใส่หยางไห่ซานอยู่
ไม่มีความคิดที่จะหันกลับมาเลยสักนิด
หยางไห่ซานจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ลูกสาวของฉันก็ขอโทษแล้ว นายยังต้องการอะไรอีก?”
หลินขุยส่ายหัวเบาๆ : “เธอขอโทษแล้ว แต่ว่านาย ยัง”
“ฉัน?” หยางไห่ซานพยายามเก็บความโกรธไว้
“ฉันไม่ได้ทำผิดอะไรกับเขาสักหน่อย ทำไมจะต้องขอโทษ?”
หลินขุยมองเขา “ลูกนิสัยไม่ดีเพราะพ่อแม่ ลูกสาวของนายอวดเก่งขนาดนี้ นายที่เป็นพ่อ ไม่มีความรับผิดชอบหรอ?”
“นาย!”
หยางไห่ซานสาบานได้ว่านี่เป็นวันที่เขารู้สึกไม่ดีที่สุด
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษโอเครึยัง?”
พูดจบ ก็เดินมาอยู่ตรงหน้าหยางเจียวเจียว
“ฉันดูแลไม่ดีเอง ขอโทษด้วย! แบบนี้ได้รึยัง?”
หลินขุยมองดูเย่เทียน ถึงได้เดินเข้าไปในศาลา
“เข้ามาสิ!”
หยางไห่ซานสบถคำหนึ่งแล้วค่อยๆเข้าไปในศาลา
ครั้งนี้ ไม่เจออะไรขวางสักอย่าง พลังลึกลับเมื่อกี้ก็หายไปแล้ว
หยางไห่ซานแอบตกใจ เย่เทียนคนนี้ ช่างทรงพลังจริงๆ
“ผู้นำหยาง ครั้งนี้ที่ให้นายมา ก็เพราะอยากจะถามเกี่ยวกับคนๆหนึ่ง”
หยางไห่ซานยังไม่ทันได้นั่ง เสียงของเย่เทียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“นายอยากถามถึงใคร?” หยางไห่ซานสบถอย่างไม่พอใจ!
“สวีเทียนเฉิง!”
สวีเทียนเฉิง?
เมื่อได้ยินสามพยางค์นี้ หยางไห่ซานก็คิ้วขมวดอย่างไม่รู้ตัว ในใจรู้สึกไม่ดี
“คนของตระกูลสวี นายควรจะไปสอบถามตระกูลสวี ถามฉันทำไม!”
หยางไห่ซานเสียงเบาลงนิดหน่อย สายตาก็หดลง
เย่เทียนยังหันหลังให้เขาอยู่ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย “ฉันเคยไปมาแล้ว แต่พวกเขาบอกว่าตระกูลสวีไม่มีคนๆนี้”
หยางไห่ซานตกใจ เย่เทียนเคยไปบ้านตระกูลสวี?
ก็ว่าอยู่!
“ในฐานะผู้นำ ฉันมีเรื่องมากมาย จะไปมีเวลาสนใจเรื่องของคนรุ่นหลังได้ยังไง? ฉันไม่รู้!” หยางไห่ซานไม่ยอมรับ
“ไม่รู้จริงๆ?”
ในขณะที่พูดเย่เทียนก็หันมา สายตาที่น่ากลัวสบเข้ากับหยางไห่ซาน
หยางไห่ซานถึงกับตัวสั่น เหมือนว่ามีภูเขาลูกหนึ่งทับไว้บนตัว
ตกใจรีบก้าวถอยหลังจนเกือบจะล้มลงกับพื้น
เป็นสายตาที่น่ากลัวมาก!
หยางไห่ซานเคยเจอกับคนใหญ่คนโตมากมาย แต่ถึงแม่จะเผชิญหน้ากับนายกเทศมนตรี ก็ไม่รู้สึกกดดันขนาดนี้มาก่อน
เย่เทียนคนนี้ไม่ธรรมดา
“ไม่ ไม่เคยเจอ” หยางไห่ซานหายใจเข้าลึกๆและก็ยังส่ายหัว
เย่เทียนค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้หิน
“งั้นเปลี่ยนคำถาม นายรู้สักหลินเสว่มั้ย?”
หลินเสว่? หยางไห่ซานดวงตาเบิกกว้าง ถึงกับก้าวถอยหลัง
“เย่เทียน นายอยากทำอะไรกันแน่? หลินเสว่อะไรกัน ฉันไม่รู้!”
เย่เทียนไม่ได้สนใจเขา และเทน้ำชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง!
“ถ้าฉันจำไม่ผิด หลินเสว่ เป็นหลานสาวแท้ๆของนายนี่! นายเป็นคนชักจูงเรื่องงานแต่งของเธอกับเทียนเฉิง แต่ก่อนหน้านี้ นายแนะนำเธอให้กับสวีเทียนหมิงก่อนแล้ว!”
“นายรู้ได้ยังไง?”
เย่เทียนพูดจบ หยางไห่ซานตกใจจนสะดุ้ง
เรื่องนี้ มีเพียงเขา หลินเสว่และสวีเทียนหมิงที่รู้ แล้วเย่เทียนรู้ได้ยังไง?
หยางไห่ซานรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี
“และสินทรัพย์ภายใต้ชื่อของเทียนเฉิงถูกโอนจนเกลี้ยง คิดว่าคงมีส่วนของนายด้วยละสิ?”
เย่เทียนเปิดปากพูดอีกครั้ง หยางไห่ซานนั้นเงียบกริบแล้ว
สีหน้ามืดมน จ้องเย่เทียนตาเขม็ง รู้สึกอยากฆ่าทิ้ง!
แต่สิ่งนี้ เย่เทียนไม่สนใจ มีน้ำเสียงขุ่นเคือง
“สวีเทียนหมิงก็แค่คนโง่เท่านั้นแหละ! จะคิดแผนที่ดีขนาดนี้ได้ยังไง? ดังนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนให้คำแนะนำแน่ๆ แล้วถึงจะได้การอนุญาตและสนับสนุนจากยายแม่มดตระกูลสวีคนนั้น!”
“เทียนเฉิงเลยต้องตายไปอย่างนี้!”
เย่เทียนมองไปที่หยางไห่ซาน ทุกๆอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม
“ฉันพูดถูกมั้ย?”
หยางไห่ซานยังเงียบ สีหน้าค่อยๆซีดเซียว หน้าผากค่อยๆมีเหงื่อออก
“เย่เทียน นายต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
เย่เทียนเงยหน้า มองไปที่แสนไกล “ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของเทียนเฉิง ฉันแค่อยาก คืนความยุติธรรมให้กับเขา!”
สีหน้าของหยางไห่ซานมืดมนอย่างที่สุด
“นั่นก็คือการเป็นศัตรูกับตระกูลหยางของฉันและก็ตระกูลสวี!”
“แล้วยังไง!”
เย่เทียนถกแขนเสื้อ ในคำพูด มีการละเลยทุกสิ่งอย่างอย่างแข็งกร้าว