เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 192 ฐานะของเย่เทียนเฉินถูกสงสัย
หลายคนยังคงไม่ได้สติกลับมาจากสถานการณ์อันน่าตื่นตะลึง เย่เทียนเฉินล่วงเกินคุณชายใหญ่และคุณชายสองแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไปแล้ว และยังอัดคุณชายสามอย่างแรง พริบตาเดียวก็ล่วงเกินคุณชายทั้งสามที่เป็นตำนานครบทุกคน ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึงจนคางแทบร่วง
เย่เทียนเฉินกลับไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ไม่ใช่เขาโอหังและหยิ่งยโส แต่ในสายตาของเขา คุณชายทั้งสามนี้ก็เป็นแค่คนที่รังแกชาวบ้านธรรมดาทั่วไป เป็นแค่คนที่รังแกนักศึกษามหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่มากระทบกระทั่งกับตนเองก็ยังดี แต่เมื่อมากระทบกระทั่งกับเขาแล้ว ก็ขอโทษด้วย ผมเย่เทียนเฉินไม่ชอบหาเรื่อง แต่ก็ไม่กลัวมีเรื่องอย่างเด็ดขาด
เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อของเย่เทียนเฉิน หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาก็ได้สติกลับมา ต่างก็มองเย่เทียนเฉินด้วยสายตาเอือมระอา เมื่อสักครู่นี้คนคนนี้ทำให้พวกเธอต้องเป็นห่วงมาก จะอย่างไรสามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงก็มีชื่อเสียงไม่น้อย เย่เทียนเฉินไปอัดเซวียนเยวี๋ยนเถิงอย่างแรง และยังล่วงเกินโอวหยางเฟยอวิ๋น ตอนนี้กระทั่งคุณชายใหญ่ที่เป็นคุณชายลึกลับก็ยังสอดมือเข้ามา เรื่องราวชักจะน่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็ทำให้เย่เทียนเฉินตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก
ในความเห็นของคนปกติ สามคุณชายนี้หากล่วงเกินไปหนึ่งคน เกรงว่าจะต้องตายโดยที่ศพไม่สมบูรณ์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาล่วงเกินไปแล้วสามคนแต่ก็ยังไม่ถูกสับเป็นชิ้นๆ เย่เทียนเฉินจึงกลายเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลคนใหม่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง และเป็นจุดสนใจของคนจำนวนมาก หลายคนต่างกำลังคิดว่าเย่เทียนเฉินจะตายอย่างไร จะถูกทำให้หายไปโดยทันทีหรือไม่
“ไอ้หน้าเหม็น สะดีดสะดิ้งทำไม อยากตายหรือไง!” หลิงอวี่สวิ๋นด่าอย่างไม่สบอารมณ์
“สะดีดสะดิ้งสักหน่อยชีวิตจะได้มีความสุข!” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดขึ้น
“เทียนเฉิน ครั้งนี้นายล่วงเกินพวกเขาไปแล้ว จะต้องมีปัญหาใหญ่แน่นอน ยังไม่ต้องมามหาวิทยาลัยดีไหม?” เสี้ยวหยาถามด้วยความเป็นห่วง
เมื่อเห็นเสี้ยวหยาใส่ใจตนเองและคิดเพื่อตนแบบนี้ ในใจของเย่เทียนเฉินก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ความจริงแล้ว เขาค่อยๆ มีความรู้สึกดีๆ ให้กับเสี้ยวหยาทีละนิด แรกเริ่มเป็นเพราะเสี้ยวหยามีหน้าตาเหมือนผู้หญิงที่เขารักที่สุดในช่วงยุคสิ้นโลก หลังจากนั้นเขาก็พบว่านอกจากเธอจะมีหน้าตาเหมือนกับผู้หญิงที่เขารักอย่างลึกซึ้งในช่วงยุคสิ้นโลกแล้ว ยังมีนิสัยที่ไม่เหมือนกันหลายอย่าง ใจดี อบอุ่น ไร้เดียงสา คิดทำอะไรเพื่อเขาอยู่ตลอด โดยเฉพาะการต่อสู้ในซอยแคบนั้น เย่เทียนเฉินแบกเสี้ยวหยาอยู่บนไหล่ซ้าย มือขวาถือมีดตัดฟืน ฆ่าฟันเพื่อเปิดทางออกมาโดยตลอด ช่วงเวลานั้นในใจของเขาตัดสินใจแล้วว่าเสี้ยวหยาก็คือนางฟ้าของเขา ใครกล้าแตะต้องนางฟ้าของเขาเขาจะฆ่ามันซะ!
“วางใจเถอะ ฉันมีวิธีของฉัน ช่วงนี้เริ่มจะน่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เล่นด้วยสักหน่อยก็คงดี จะได้ไม่น่าเบื่อจนไร้รสชาติ!” เย่เทียนเฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้นอย่างสบายๆ
“ไม่ต้องให้ฉันใช้อำนาจในตระกูลเพื่อช่วยจัดการเรื่องนี้ให้นายจริงๆ เหรอ?” หลิงอวี่สวิ๋นเองก็ถามอย่างใส่ใจ
“ไม่ต้องๆ ฉันคิดว่าต่อให้ตระกูลหลิงของเธอจะร้ายกาจขนาดไหน ก็เข้าไปขวางอำนาจของสามตระกูลของสามสุนัขแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงพวกนั้นไม่ได้หรอก เมื่อถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่จะช่วยฉันไม่ได้ แต่ยังจะทำให้ตระกูลหลิงของเธอเข้ามาเกี่ยวพัน แบบนั้นก็ไม่ใช่แผนการที่ดีอะไรเลย!” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายศีรษะ
เย่เทียนเฉิน หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยา เดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยหลงเถิงท่ามกลางสายตาตกตะลึงของนักศึกษาชายหญิงจำนวนมาก ตลอดเส้นทางทั้งสามคนต่างก็คุยเล่นกันอย่างเบิกบานใจเกี่ยวกับเรื่องของวัยรุ่น อย่างเช่นเรื่องเล่นเกม เล่นแอพใหม่ล่าสุดในมือถือ เป็นต้น และยังมีเรื่องเกี่ยวกับข่าวซุบซิบดาราด้วย ต่างก็คุยกันอย่างมีความสุข เดิมทีเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้เก็บเรื่องของสามคุณชายมาใส่ใจ หลิงอวี่สวิ๋นเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ส่วนเสี้ยวหยานั้นถึงแม้ว่าจะกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของแม่ แต่เมื่อได้อยู่กับเย่เทียนเฉินและหลิงอวี่สวิ๋น ได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานก็ทำให้สามารถลืมเลือนไปได้ชั่วคราว
“เทียนเฉิน มีบางเรื่องที่ฉันจำเป็นจะต้องเตือนนาย คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเป็นคนที่ร้ายกาจมาก ไม่อาจนำไปเทียบได้กับเซวียนเยวี๋ยนเถิงและโอวหยางเฟยอวิ๋นเลย น่าจะต้องระวังสักหน่อยนะ!” จู่ๆหลิงอวี่สวิ๋นก็คิดถึงคุณชายใหญ่ขึ้นมา จึงกล่าวเตือนกับเย่เทียนเฉินอย่างจริงจัง
“อ้อ? ตกลงคุณชายใหญ่นี่มันเป็นใครกัน?” เย่เทียนเฉินถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดพลางส่ายหน้า
“จะเป็นไปได้ยังไง? คนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง จะถึงกับไม่มีใครรู้ว่าเขาชื่ออะไร ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง นี่มันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอ!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินและเสี้ยวหยาที่รู้สึกสงสัย จากนั้นจึงหยุดไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อว่า “คุณชายใหญ่เป็นใครนั้น ไม่มีใครรู้จริงๆ รู้แต่ว่าตำแหน่งของเขายังสูงกว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงและโอวหยางเฟยอวิ๋น ถ้าพูดให้ชัดเจนสักหน่อยก็คือ เซวียนเยวี๋ยนเถิงและโอวหยางเฟยอวิ๋นเป็นได้แค่ลูกน้องของคุณชายใหญ่เท่านั้น จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณชายใหญ่”
“งั้นเหรอ? คุณชายใหญ่คนนี้ ได้รับตำแหน่งหัวหน้าของสามคุณชายได้ยังไง?” เย่เทียนเฉินถามต่อไป
“เรื่องนี้ก็ไม่ชัดเจนนัก เพียงแต่ลือกันว่าเมื่อสองปีก่อน เซวียนเยวี๋ยนเถิงและโอวหยางเฟยอวิ๋นทำตัวระรานอยู่ในมหาวิทยาลัยหลงเถิง เพราะอยากที่จะเป็นเจ้าถิ่นคุมมหาวิทยาลัย และกลายเป็นคนที่อยู่ในจุดสูงสุด การต่อสู้ของทั้งสองจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งในทางลับทางแจ้งก็ประมือกันมาหลายครั้งแล้ว มีแพ้มีชนะ แต่ในตอนนั้นชายสวมแว่นกรอบทองซึ่งเป็นคนที่นายพบคนนั้นแหละ เขามีฉายาว่าโหมวซู คนคนนี้ได้ปรากฏตัวออกมา และให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงและโอวหยางเฟยอวิ๋นดูของอย่างหนึ่ง สองคนนี้จึงได้วางมือ และได้เป็นคุณชายมหาวิทยาลัยหลงเถิง โอวหยางเฟยอวิ๋นเป็นคนชายสอง เซวียนเยวี๋ยนเถิงเป็นคุณชายสาม นี่จึงทำให้ทั้งสองคนสงบลง” หลิงอวี่สวิ๋นเราทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับคุณชายใหญ่ที่เธอรู้ออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงอวี่สวิ๋น เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ท่าทางจะต้องสนใจสักหน่อยแล้ว คุณชายใหญ่คนนี้ลึกลับเหลือเกิน คำโบราณกล่าวไว้ว่า ทวนเปิดเผยหลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับยากระวัง ศัตรูที่เผยตัวย่อมไม่ทำให้ผู้คนหวาดเกรง แต่ศัตรูที่แอบซ่อนตัวอยู่นั้นถึงจะทำให้ผู้คนไม่อาจป้องกันได้
“ให้ดูของอย่างหนึ่งก็ทำให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงและโอวหยางเฟยอวิ๋นที่เป็นคนยโสโอหังถึงกับยอมวางมือ ไม่แย่งชิงตำแหน่งเจ้าถิ่นมหาวิทยาลัยอีก ท่าทางของสิ่งนี้จะมีอำนาจมาก มันเป็นอะไรกันแน่?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเคยได้ยินคนในตระกูลพูดขึ้นมาครั้งหนึ่ง เป็นบทสนทนาของคุณปู่และคุณพ่อของฉันแล้วฉันก็ไปแอบได้ยินมา เขาบอกว่าหลายปีมานี้มีตระกูลโลกเบื้องหลังหลายตระกูลที่คิดจะปรากฏตัวในโลกเบื้องหน้า และต้องการกอบกุมของบางอย่างเอาไว้ในมือ ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางต่างก็เป็นตระกูลในโลกเบื้องหลัง อำนาจที่เก็บซ่อนเอาไว้ก็ยิ่งใหญ่จนไม่อาจรู้ได้ ส่วนอำนาจตระกูลของคุณชายใหญ่ก็เพียงพอที่จะเทียบเคียงได้กับสามตระกูลชั้นยอดแห่งประเทศจีนที่มีอยู่ทุกวันนี้” หลิงอวี่สวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
ประเทศจีนมีกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในโลกเบื้องหลังหรือว่าโลกเบื้องหน้า ต่างก็มีอำนาจที่ผู้คนภายนอกไม่รู้ และสามตระกูลชั้นยอดเป็นตระกูลที่อยู่เบื้องบนอย่างแท้จริง พูดโดยไม่เกินจริงได้เลยว่า เพียงแค่ขยับขาข้างเดียวก็สามารถทำให้ประเทศจีนต้องสั่นสะเทือนได้ทั้งประเทศ ตระกูลที่คุณชายใหญ่อยู่ถึงกับสามารถเทียบเคียงได้กับนามสกุลชั้นยอดของประเทศจีน ช่างทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงจริงๆ
“น่าสนุก น่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ เลย งั้นก็ให้ฉันเล่นเป็นเพื่อนพวกเขาสักหน่อยก็แล้วกัน!” เย่เทียนเฉินยื่นมือออกไปบิดขี้เกียจครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“นาย…ฉันพูดจริงนะเนี่ย ระวังตัวด้วย!” หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“รู้แล้ว พวกเราแยกย้ายกันไปเรียนเถอะ วันนี้ฉันเข้าเรียนวันแรก จะต้องสร้างความประทับใจให้อาจารย์สาวสวยสักหน่อย…” เย่เทียนเฉินพูดขึ้นพลางยิ้มอย่างน่าเกลียด
เย่เทียนเฉิน เสี้ยวหยาและหลิงอวี่สวิ๋นเรียนอยู่ในภาควิชาที่แตกต่างกัน ดังนั้นหลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว สุดท้ายก็มีเพียงเย่เทียนเฉินคนเดียวที่เดินมุ่งหน้าไปยังตึกภาควิชาโบราณคดี
ภาควิชาโบราณคดีเดิมทีก็เป็นเอกวิชาที่ไม่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว ดังนั้นตึกการเรียนการสอนและห้องทำงานของอาจารย์จะรวมอยู่ด้วยกัน ตึกนี้มีเพียงสามชั้น และตั้งอยู่ในจุดที่ห่างไกลที่สุดของมหาวิทยาลัย และยังคงเป็นเอกวิชาที่ไม่ได้รับความนิยมเช่นนี้ที่มีอาจารย์สาวสวยผู้ลึกลับคนหนึ่ง ยิ่งทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกสนใจ
ในตอนที่ฉินเหยาเยว่ได้พบกับเย่เทียนเฉินเป็นครั้งที่สองขณะที่เขาเดินเข้าไปในตึกภาควิชาโบราณคดีโดยไม่รู้ตัวนั้น ฉินเหยาเยว่ได้ใช้วิชาสะกดใจกับเย่เทียนเฉิน เป็นเคล็ดวิชาโบราณประเภทหนึ่งที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก ขอเพียงคนที่ถูกเคล็ดวิชานี้มองดวงตาของผู้ใช้ก็จะหลงเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว วันนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะขอบเขตพลังพิเศษของเย่เทียนเฉินได้ไปถึงขอบเขตจอมราชันแล้วจึงทำให้ภายในเลือดเนื้อมีพลังพิเศษอันแข็งแกร่งแฝงอยู่ เมื่อถูกเคล็ดวิชาสะกดใจของฉินเหยาเยว่และกำลังที่จะสูญเสียสติสัมปชัญญะอยู่นั้น พลังพิเศษภายในร่างกายก็ระเบิดออกมา หากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้เกรงว่าเขาก็คงจะถูกฉินเหยาเยว่ควบคุมไปแล้ว
เกี่ยวกับฉินเหยาเยว่นั้น ในตอนนั้นเย่เทียนเฉินยังไม่ได้ลงมือเพราะเขารู้สึกสนใจ ฉินเหยาเยว่สวยและเซ็กซี่ขนาดนี้ เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง และยังมาเป็นที่ปรึกษาภาควิชาโบราณคดีอีกด้วย? ฉินเหยาเยว่มีฐานะที่ลึกลับอะไรกันแน่? มีจุดประสงค์อะไรถึงได้มาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาภาควิชาโบราณคดี?
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินไปถึงหน้าประตูตึกการเรียนการสอนภาควิชาโบราณคดีนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังชั้นสามโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงชะงักไปครู่หนึ่งและเดินเข้าไปในตึกการเรียนการสอน ใกล้จะเริ่มเรียนแล้ว อีกไม่นานก็จะได้พบกับฉินเหยาเยว่ ความตื้นลึกของผู้หญิงคนนี้จะต้องทำให้กระจ่างชัดให้ได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือทำไมเธอต้องใช้วิชาสะกดใจกับเขาด้วย ตกลงแล้วอยากจะได้ข้อมูลอะไรจากเขาเองกันแน่?
คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เย่เทียนเฉินเดินเข้าไปในตึกการเรียนการสอนของภาควิชาโบราณคดีแล้ว ในมุมหนึ่งของชั้นสามจะมีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น สวมชุดสีดำอันเซ็กซี่ หน้าอกทั้งสองตั้งตระหง่าน ผมยาวสีทอง ในดวงตาอันงดงามมีสายตาอันคมกริบ ผู้หญิงคนนี้ก็คือฉินเหยาเยว่ เขามองเย่เทียนเฉินเดินเข้าไปในตึกการเรียนการสอนของภาควิชาโบราณคดี มุมปากปรากฏรอยยิ้มเซ็กซี่ขึ้น
“เย่เทียนเฉิน ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับช่วงยุคสิ้นโลกจากนายหรือไม่ นายจะเก็บซ่อนไว้ได้นานขนาดไหนกัน…” ฉินเหยาเยว่พูดด้วยเสียงเย็นชา
หากเย่เทียนเฉินได้ยินคำพูดนี้ของฉินเหยาเยว่ เป็นไปได้มากว่าจะลงมือทำลายดอกไม้งามดอกนี้ทันที คงจะลงมือฆ่าฉินเหยาเยว่อย่างแน่นอน เรื่องที่ตนเองมาเกิดใหม่จากช่วงยุคสิ้นโลกนั้น เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ แต่ถึงกับถูกฉินเหยาเยว่ผู้หญิงแปลกหน้าที่ลึกลับคนนี้สงสัยเอาได้ ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วคงจะไม่ธรรมดาจริงๆ เธอรู้ได้อย่างไรกันแน่?
“ยุคสิ้นโลก มีเรื่องทุกเรื่องของประเทศจีนในยุคโบราณ ก็เหมือนกับการกลับมาเกิดใหม่นั่นแหละ บางทีที่นั่นอาจจะมีทุกอย่าง มีแม้กระทั่งการมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะ…” ฉินเหยาเยว่มองท้องฟ้า พูดด้วยความโหยหา
……………………………..