เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 210 เปลือยเปล่าด้วยกันกับมู่หรงซิน
จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็คิดไม่ถึงว่า หากต้องการรักษาพิษสยบให้มู่หรงซิน ไม่เพียงแต่จะต้องให้มู่หรงซินถอดเสื้อผ้าจนหมด นั่งลงในถังไม้ที่เติมน้ำร้อนจนเต็มด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ยังต้องให้เขาถอดเสื้อผ้าทั้งหมดและนั่งลงไปด้วย ทั้งสองต้องนั่งหันหน้าเข้าหากันโดยไม่มีอะไรขวางกั้น มิอาจจินตนาการได้เลยจริงๆ ว่าเหตุการณ์นี้จะทำให้ผู้คนต้องเลือดกำเดาไหลขนาดไหน
ถึงแม้ว่ามู่หรงซินจะถูกหญ้าสยบกายา ใบหน้าขาวซีด และเป็นเพราะเย่เทียนเฉินใช้ฝ่ามือกระแทกเข้าไปจนมีรอยเลือดที่มุมปาก ก็ยังคงไม่สามารถบดบังใบหน้าที่โดดเด่นของเธอได้เลยแม้แต่น้อย รูปร่างสะบึมมีเสน่ห์ สิ่งที่ควรนูนก็นูน สิ่งที่ควรเว้าก็เว้า สิ่งที่ควรงอนก็งอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาววัยสิบกว่าๆ ที่อยู่ในช่วงเบ่งบานเช่นนี้ ร่างกายแบบบางจนแทบจะปลิวลม ผิวขาวนวลลื่น ควรจะทำให้คนมากน้อยเท่าไหร่อดไม่ได้ที่จะจินตนาการเลยเถิด
ถ้าหากว่าให้ตนเองถอดเสื้อผ้าจนหมดจริงๆ แล้วลงไปนั่งสบตากับเธอในถังไม้ที่ดูใหญ่แต่ค่อนข้างคับแคบ เย่เทียนเฉินไม่กล้ารับประกันว่าตนจะไม่มองไปจุดอื่น ไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองจะไม่เลือดกำเดาไหล ไม่กล้ารับประกันว่าตัวเองจะไม่แข็งขืนขึ้นมา ไม่กล้ารับประกันว่าจะไม่สอดใส่…
“ปรมาจารย์จาง ผมไม่เข้าใจจริงๆ ผมรู้แค่ว่าหากต้องการที่จะกำจัดหญ้าสยบกายา จำเป็นที่จะต้องใช้การเสียสละของคนคนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องเสียสละแบบนี้…” เย่เทียนเฉินพูดออกมาด้วยใบหน้าแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ความจริงแล้ว สิ่งที่เย่เทียนเฉินรู้เกี่ยวกับหญ้าสยบกายานั้น เพียงแค่รู้มาอย่างชัดเจนว่าหญ้าสยบกายา ไม่ใช่ไม่มีทางรักษา มีวิธีที่สามารถรักษาได้ หากต้องการที่จะกำจัดหญ้าสยบกายา จะต้องให้คนคนหนึ่งใช้ชีวิตเข้าแลก เพื่อรักษาพิษสยบให้อีกคนหนึ่ง พูดให้ชัดเจนก็คือ จะต้องใช้วิธีการหนึ่งเพื่อดึงดูดหญ้าสยบกายาเข้ามาในร่างกายของตัวเอง ทำให้ตัวเองถูกพิษ เพื่อรักษาพิษของอีกฝ่าย
เพียงแต่สิ่งที่เย่เทียนเฉินไม่รู้ก็คือ วิธีนี้จะถึงกับต้องให้เขาและมู่หรงซินนั่งเผชิญหน้ากันด้วยเรือนร่างเปลือยเปล่า จากที่จางอีเต๋อพูด ยังต้องประกบปากกันอีกด้วย นี่…ถึงแม้มู่หรงซินจะสวยมาก และเจริญเติบโตมาค่อนข้างครบครัน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้จะอย่างไรก็ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วน ยิ่งไปกว่านั้นเย่เทียนเฉินและมู่หรงซินไม่รู้จักกัน หากในเวลาสำคัญควบคุมไม่ได้และเกิดอาการแข็งขืนตั้งผงาดขึ้นมาในชั่วพริบตา นั่นก็นับว่าเป็นความผิดใหญ่หลวงจริงๆ
“หญ้าสยบกายาชักนำให้เกิดหยินและความเย็น หากต้องการดึงมันออกมานอกร่างกาย จำเป็นต้องอยู่ในถังไม้ใหญ่ที่เติมน้ำร้อนจนเต็มแบบนี้ ให้หญ้าสยบกายาได้รู้สึกถึงอุณหภูมิจากภายนอกและคุ้นชินกับมัน และจะทำให้มันรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เหมาะสมยิ่งกว่าที่อยู่ด้านนอก จึงจะยอมออกมาเพื่อเข้าไปในร่างกายของคุณ หยินก่อเกิดความเย็น หยางก่อให้เกิดความแข็งแกร่ง ทุกสรรพสิ่งต่างก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน คุณเป็นผู้มีพลังพิเศษ ควรจะเข้าใจในจุดนี้ จำเป็นต้องทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถแก้พิษสยบให้มู่หรงซินได้!” จางอีเต๋อมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“งั้น…งั้นผมเหลือกางเกงในไว้ตัวหนึ่งได้ไหมครับ ถ้าต้องเปลือยกายจริงๆ มันกระอักกระอ่วน…” เย่เทียนเฉินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“ไม่ได้!” จางอีเต๋อพูดอย่างเด็ดขาด
“คุณ…” เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออก
“รู้ไหมว่าทำไมเมื่อครู่นี้ผมถึงได้ให้มู่หรงอวี๋ตูส่งลูกน้องไปคุ้มครองบริเวณรอบบ้าน 100 เมตร ไม่อนุญาตให้ใครส่งเสียงรบกวน ต่อให้เป็นแค่เสียงหมาเห่าก็ไม่ได้? เป็นเพราะหญ้าสยบกายาแปลกประหลาดมาก แม้จะบอกว่าเป็นหญ้าแต่ก็เป็นแมลง เป็นแมลงดูดเลือดประเภทหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับหญ้าปรสิต ขอเพียงมีเสียงเล็กน้อย หญ้าสยบกายาก็จะเจาะไปอาศัยอยู่ในร่างกายลึกขึ้น กระทั่งเจาะเข้าไปในอวัยวะภายใน ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยุ่งยากมากแล้ว!” จางอีเต๋อมองไปยังเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จางอีเต๋อและจางรั่วถงสองปู่หลานก็เดินไปหลังผ้าผืนใหญ่ เป็นผ้าที่ไม่สามารถมองทะลุได้ จางอีเต๋อเป็นเซียนแพทย์เทวะ ย่อมมีจรรยาบรรณแพทย์ จะไม่คิดอกุศลอะไรกับผู้ป่วยเด็ดขาด ส่วนจางรั่วถงหลานสาวของเขาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง คงไม่สามารถยืนอยู่หน้าถังไม้ มองเย่เทียนเฉินที่ร่างกายเปลือยเปล่ากอดจูบมู่หรงซินได้หรอกใช่ไหม?
“เตรียมตัวพร้อมแล้วก็บอกผมสักหน่อย!” จางอีเต๋อนั่งลงหลังผ้าม่านพูดออกมาเสียงเบา
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของตนเองออก จุดบุหรี่ขึ้นสูบ ภายในห้องยาที่ไม่ใหญ่อบอ้าวเพราะไอน้ำจากน้ำร้อนในถังไม้ใหญ่ เมื่อรวมเข้ากับเย่เทียนเฉินที่สูบบุหรี่ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างค่อยๆ ถูกหมอกควันปิดบังเอาไว้
เย่เทียนเฉินเข้าไปนั่งในถังไม้ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า มองมู่หรงซินที่นั่งอยู่ในน้ำตรงกันข้ามกับตนเองด้วยลมหายใจรวยระริน ใบหน้าขาวซีด เขาไม่ยืดเยื้อเวลาออกไปอีก หากมัวแต่ลังเลต่อไป เกรงว่ายังไม่ทันเริ่มแก้พิษให้มู่หรงซิน มู่หรงซินก็คงลมหายใจขาดห้วงไปแล้ว
เย่เทียนเฉินหลับตาลง กอดมู่หรงซินที่เปลือยกายเอาไว้ ผิวของทั้งสองคนแนบสนิทเข้าด้วยกัน หน้าอกชนหน้าอก เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงความอ่อนนุ่มและเต็มตึงของมู่หรงซิน รวมถึงผิวเรียบเนียนขาวบางของเธอ แต่เขาในตอนนี้ไม่มีเวลาที่จะชื่นชมสิ่งเหล่านี้ ริมฝีปากประทบลงไปยังปากเล็กๆ ของมู่หรงซิน ในขณะเดียวกันบุหรี่ในมือขวาก็ถูกดีดออกไปด้านนอกถังไม้ ทำให้เทียนเก้าเล่มบนกำแพงที่จัดเตรียมเอาไว้นานแล้วติดไฟ
จางอีเต๋อนั่งอยู่หลังผ้าม่านผืนใหญ่ ข้างกายมีจางรั่วถงยืนอยู่ เมื่อเห็นเทียนทั้งเก้าเล่มถูกจุดแล้ว จางอีเต๋อก็เปิดกล่องสีทองเบื้องหน้าของตัวเองในทันที ด้านในมีเข็มทองทั้งหมดสิบสองเข็ม ใช้ฝังเข็มเพื่อเปิดจุดลมปราณให้เย่เทียนเฉินไปหกเล่ม ตอนนี้ยังเหลืออีกหกเล่ม เหลือไว้เพื่อใช้บีบบังคับให้หญ้าสยบกายาในร่างกายของมู่หรงซินออกมา
ในฐานะที่เป็นผู้มีพลังพิเศษในสายรักษา เคยทำการยืดชีวิตท่านผู้นำของประเทศไป 20 ปีจนได้รับฉายาว่าเป็นเซียนแพทย์เทวะ แน่นอนว่าไม่ทำให้ฉายาต้องเสียเปล่า เมื่อเห็นว่าเทียนทั้งเก้าเล่มทุกจุดหมดแล้ว พลังพิเศษแห่งการรับรู้ก็ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว สะบัดเข็มทองที่เหลืออีกหกเล่มนี้ออกไปผ่านพลังพิเศษแห่งการรับรู้อันแข็งแกร่งซึ่งถูกกั้นขวางด้วยผ้าม่านที่ไม่อาจมองเห็นได้ จนเข็มปักเข้าไปในตำแหน่งลมปราณของมู่หรงซิน เป็นแรงช่วยบังคับให้หญ้าสยบกายาในร่างกายของเธอออกมา
“สิ่งที่ผมควรจะทำก็ทำเสร็จแล้ว ที่เหลือก็ต้องพึ่งตัวคุณเองแล้ว!” จางอีเต๋อพูดกับเย่เทียนเฉินผ่านทางพลังพิเศษ
เย่เทียนเฉินในตอนนี้มีสมาธิจดจ่อ นี่ไม่ใช่การล้อเล่น หญ้าสยบกายาเอาแต่ใจเป็นอย่างมากจนได้รับการขนานนามว่าไร้ทางแก้ นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของมันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงในโลกนี้เลย ต่อให้เป็นช่วงยุคสิ้นโลกที่มีผู้แข็งแกร่งดุจเมฆบนท้องฟ้า หากถูกหญ้าสยบกายาเข้าไป ก็ไม่สามารถกำจัดได้อย่างง่ายดายถึงขนาดนั้น ตอนนี้จะสามารถกำจัดหญ้าสยบกายาให้มู่หรงซินและทำให้เธอมีชีวิตต่อไปได้หรือไม่ ทั้งหมดต่างต้องพึ่งเย่เทียนเฉิน
มู่หรงซินในตอนนี้ ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาจากสภาพกึ่งตายเพราะถูกเข็มทองทั้งหกเล่มของจางอีเต๋อปักลงบนร่างกาย ในตอนที่เธอเห็นเย่เทียนเฉินที่เปลือยเปล่าอยู่ตรงข้าม เธอพลันตื่นตะลึงไปทั้งร่าง และในตอนที่พบว่าตนเองก็ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ปากเล็กๆ ก็เกือบจะกรีดร้องออกมา แต่กลับถูกเย่เทียนเฉินปิดปากเอาไว้แน่น
“อื้อๆ …” มู่หรงซินคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกปากของเย่เทียนเฉินประกบปิดปากอันเซ็กซี่ของเธอเอาไว้ คิดจะสลัดออกไปแต่ก็ถูกเย่เทียนเฉินกอดร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้แน่น ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อเย่เทียนเฉินเห็นว่าการต่อต้านของมู่หรงซินไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว จึงมองตาของเธอ ใช้สายตาบอกเธอว่าอย่าได้ต่อต้านและขัดขืน
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเลื่อนปากของตนออก คลายมือทั้งสองที่โอบกอดร่างกายของมู่หรงซินลงเล็กน้อย มู่หรงซินหน้าแดงก่ำ จนกระทั่งแดงไปทั้งตัว มือทั้งสองกอดหน้าอกของตนเอาไว้ แต่ไม่สามารถปิดบังความเอิบอิ่มเต่งตึงเอาไว้ได้
“หากต้องการที่จะกำจัดหญ้าสยบกายา จำเป็นต้องทำแบบนี้ ต่อไปเธออย่าถามอะไรอีก อย่าได้คิดอะไรอีก ให้ฉันทำเองก็พอแล้ว!” เย่เทียนเฉินมองตามู่หรงซินแล้วพูดอย่างจริงใจ ให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขา เพื่อที่จะทำให้หญ้าสยบกายาถูกบีบบังคับออกมาให้เร็วที่สุด
“อืม…” มู่หรงซินตอบรับเสียงเบาพลางพยักหน้าอย่างเขินอาย ไม่กล้าสบตาเย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ยืดเยื้อออกไป โอบกอดมู่หรงซินที่ร่างกายเปลือยเปล่าเอาไว้ ริมฝีปากทั้งสองประกบเข้าด้วยกัน สภาพอันคลุมเครือเช่นนี้ สภาพที่ต้องทำให้เขาเห่อร้อนคับพองแบบนี้ เย่เทียนเฉินกลัวจริงๆ ว่าตัวเองจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปในร่างกายของมู่หรงซิน สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ ในตอนที่เขาจูบมู่หรงซินอีกครั้ง ลิ้นร้อนของมู่หรงซินจะดุนดันอยู่ในปากของเขา ในเวลาแบบนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ต้องมีปฏิกิริยา เย่เทียนเฉินเองก็ย่อมตอบสนองเด็กสาวมู่หรงซินคนนี้เป็นธรรมดา
จางอีเต๋อรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงเดินออกไปจากประตูเล็กๆ ด้านข้าง จางรั่วถงก็ตามหลังคุณปู่ของเธอไป ดูเหมือนว่าจะมีความกังวลใจ
“คุณปู่คะ เขาจะตายไหมคะ?” จางรั่วถงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“โอกาสรอดน้อยมาก!” จางอีเต๋อตอบแล้วส่ายหน้า
“คุณปู่คะ เขาเป็นคนดี คิดหาวิธีช่วยเขาได้ไหมคะ?” จางรั่วถงเป็นห่วงเย่เทียนเฉิน ตอนนั้นที่อยู่ตรงประตูใหญ่ของบ้านจาง จางรั่วถงเป็นห่วงคุณปู่มาก เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณปู่ และตกใจมากจริงๆ อีกทั้งยังไม่สามารถเข้าไปได้ หากไม่ใช่เพราะคำพูดของเย่เทียนเฉิน เธอก็ไม่รู้ว่าจะร้อนใจมากขนาดไหน
“พิษนี้ไม่มีทางแก้ไข เดิมทีก็ต้องใช้ชีวิตของคนคนหนึ่งเพื่อแลกชีวิตกับอีกคน นี่เป็นสาเหตุที่ทำไมปู่ถึงไม่ตอบรับคำขอของมู่หรงอวี๋ตูที่ต้องการให้ช่วยหลานสาวของเขา แต่คนคนนี้ถึงแม้จะดูเรื่อยเฉื่อย แต่ก็มีหลักการเป็นของตัวเอง มีคุณธรรมน้ำใจยิ่งใหญ่ ตอนนี้ปู่ทำได้เพียงหวังว่า พลังพิเศษของเขาลึกล้ำเกินอย่าง เขาจะสามารถอาศัยพลังพิเศษของตัวเองกำจัดหญ้าสยบกายาได้!” จางอีเต๋อพูดแล้วทอดถอนใจ
ความจริงแล้ว เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ว่าจางอีเต๋อเป็นยอดฝีมือผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่ง ส่วนจางอีเต๋อเองก็มองออกว่าเด็กหนุ่มที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แข็งแกร่งถึงขั้นที่ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา หญ้าสยบกายาร้ายกาจมาก หากต้องการที่จะกำจัดมัน ดูเหมือนว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ที่จางอีเต๋อไม่ได้พูดออกไปก็เพราะเขาไม่เชื่อว่าเย่เทียนเฉินจะตาย เขารู้สึกชื่นชมความเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นของเด็กหนุ่มคนนี้
“แต่ว่าคุณปู่…” จางรั่วถงยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกปู่ของเธอขัดก่อน
“ไปเถอะ ไปดูที่ลานสักหน่อย ตอนนี้คนที่สามารถช่วยเย่เทียนเฉินได้ก็มีแต่ตัวเขาเอง สิ่งเดียวที่พวกเราจะสามารถทำเพื่อเขาได้ ก็คือรักษาความสงบรอบด้านเอาไว้ เพียงแต่น่าเสียดายที่มีนักฆ่าระดับสูงมาลอบสังหารมู่หรงอวี๋ตูแล้ว!” ในดวงตาของหมอจางเจือไปด้วยไอสังหาร เมื่อพูดจบก็เดินมุ่งหน้าไปกลางลาน!
…………………………