เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 212 “สุนัขรับใช้แห่งชิบะ” ปรากฏตัว
เย่เทียนเฉินและมู่หรงซินกำลังโอบกอดและจูบกันด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า นั่งอยู่ในถังไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำร้อนอยู่เช่นนั้น ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ไม่สามารถให้ใครก็ตามมารบกวนได้ หากทำให้หญ้าสยบกายาในร่างกายของมู่หรงซินตกใจ ไม่เพียงแต่มู่หรงซินจะตาย แต่เย่เทียนเฉินก็อาจจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้เช่นกัน
หากต้องการที่จะแก้พิษของหญ้าสยบกายา เดิมทีก็ต้องใช้ชีวิตของเย่เทียนเฉินไปแลกกับชีวิตของมู่หรงซิน ที่สำคัญที่สุดก็คือ หญ้าสยบกายาก่อให้เกิดพลังหยินและความเย็น ที่ต้องให้เย่เทียนเฉินใช้ปากประกบปากกับมู่หรงซิน ก็เพราะต้องการใช้หยางเข้าสยบ และควบคุมหญ้าสยบกายาเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หญ้าสยบกายาวิ่งพล่านอยู่ในร่างกายของมู่หรงซินจนทำให้อวัยวะของมู่หรงซินได้รับบาดเจ็บ
สิ่งที่จางอีเต๋อควรทำก็ทำไปหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็เป็นอย่างที่เขาพูด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องพึ่งพาเย่เทียนเฉิน เข็มทองทั้งสิบสองเล่มปักเข้าไปในจุดลมปราณของเย่เทียนเฉินและมู่หรงซินคนละหกเล่ม เพื่อบีบบังคับหญ้าสยบกายาให้ออกมา และเพื่อปกป้องให้ปลอดภัย หลีกเลี่ยงไม่ให้มันวิ่งพล่านจนทำร้ายอวัยวะภายในและกระอักเลือดออกมา
แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินและมู่หรงซินกอดกันอย่างแนบแน่น ทุกสิ่งทุกอย่างเดินเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญที่สุด ไม่อนุญาตให้ใครมารบกวนเป็นอันขาดนั้น กลับมีนักฆ่าระดับหนึ่งบุกทะลวงบอดี้การ์ดชั้นยอดอาวุธครบมือนับร้อยคนเข้ามาในลานบ้านตระกูลจาง เพื่อต้องการฆ่ามู่หรงอวี๋ตู
ก่อนหน้านี้นักสู้ที่อยู่ข้างกายของมู่หรงอวี๋ตูมีแค่เฮยเมี่ยนคนเดียว อย่างไรก็ตามชายชุดดำที่บุกเข้ามาก่อนเป็นคนแรกนั้นมีฝีมือร้ายกาจมาก สามารถพูดได้ว่าฝีมือพอๆ กับเฮยเมี่ยน ทั้งสองต่อสู้กันอย่างว่องไวรวดเร็วดุจสายฟ้านับร้อยกระบวนท่าก็ยังไม่สามารถรู้แพ้รู้ชนะได้ นี่ทำให้ทั้งสองตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะพบกับคู่ต่อสู้ที่เหมาะเจาะกันเช่นนี้
โดยเฉพาะเฮยเมี่ยน เห็นได้ชัดว่าทหารถือปืนหลายร้อยคนนี้ไม่สามารถขัดขวางกลุ่มนักฆ่านี้ได้ มิฉะนั้นคงไม่ถูกคนอื่นโจมตีเข้ามาง่ายๆ ตอนนี้เขากำลังต่อสู้พัวพันกับนักฆ่าแข็งแกร่งคนนี้อยู่ แต่กลับมียอดฝีมือบุกเข้ามาลอบสังหารมู่หรงอวี๋ตูอีก เย่เทียนเฉินก็กำลังรักษาผิดให้มู่หรงซิน ไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้แน่นอน หากเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่ามู่หรงอวี๋ตูจะต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ แล้ว
หลังจากเสียงดังสนั่นผ่านไป ประตูรั้วของบ้านตระกูลจางถูกระเบิดจนปลิว คนชุดดำหลายคนบุกเข้ามา แต่ละคนต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่ง ในมือของทุกคนกุมดาบยาวเอาไว้หนึ่งเล่ม ไอสังหารฟุ้งกระจาย เฮยเมี่ยนเห็นดังนั้นก็ตื่นตะลึง คนที่มาลอบสังหารมู่หรงอวี๋ตูเหล่านี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณทั้งหมด ร้ายกาจกว่านักฆ่าที่ใช้อาวุธปืนธรรมดาเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่สามารถหลบซ่อนทหารชั้นยอดหลายร้อยคนที่ถืออาวุธปืนอยู่ในมือเข้ามาได้ ดังนั้นที่คนธรรมดาทั่วไปคิดว่าอาวุธปืนของยุคปัจจุบันร้ายกาจที่สุดนั้นไม่เป็นความจริง ต่อหน้ายอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณและผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ของเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น
“ฆ่ามันซะ ทำภารกิจให้สำเร็จ!” มือสังหารคนหนึ่งมองไปยังมู่หรงอวี๋ตูแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินคำสั่งของคนผู้นั้น คนชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ตวัดดาบพุ่งเข้ามายังมู่หรงอวี๋ตูด้วยความว่องไว ทั่วทั้งลานบ้านของตระกูลจางมีชายชุดดำบุกเข้ามาสี่คน แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่ง ตอนนี้มีเฮยเมี่ยนเพียงคนเดียว ซึ่งกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับชายชุดดำที่ลอบโจมตีเข้ามาเป็นคนแรกอยู่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลาปลีกตัวไปสู้กับคนอื่น จินตนาการได้เลยว่ามู่หรงอวี๋ตูตกอยู่ในความอันตรายขนาดไหน
ตอนนี้เอง สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องเลื่อมใสมากก็คือ มู่หรงอวี๋ตูนั้นไม่เสียทีที่เป็นทหารผู้ผ่านสงครามแล้วการฆ่าฟันมาแล้วจริงๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักฆ่าที่ร้ายกาจเช่นนี้ ต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายถึงขั้นเป็นตายของตน ก็ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาและไม่ยอมถอยเลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางดวงตาขุ่นมัวทั้งสอง กลับปรากฏความเคร่งขรึมจริงจัง นายพลเฒ่าที่ไม่เกรงกลัวความเป็นความตายนี้ มีบรรยากาศแห่งจักรพรรดิ์แพร่ออกมา
ฉัวะ!
ฉัวะ!
ดาบอันคมกริบทั้งสองเล่มฟาดฟันลงไปยังมู่หรงอวี๋ตู มู่หรงอวี๋ตูถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ใช้เท้าเตะมือสังหารคนหนึ่งจนกระเด็นออกไป แต่จะอย่างไรเขาก็แก่มากแล้ว อายุ 70 กว่าปีแล้ว รวมกับที่ทำสงครามมาเป็นเวลานานหลายปี ทำให้การบาดเจ็บบนร่างกายมีมากจนเกินไป สามารถตอบสนองได้อย่างว่องไว ใช้เท้าเตะนักฆ่าฉันยอดจนปลิวออกไปได้คนหนึ่งก็นับได้ว่าเป็นกระบี่คมไม่เสื่อมคลายแล้ว เห็นได้ว่าเขาเป็นทหารผ่านศึกที่มีฝีมือมากคนหนึ่ง
แต่ในตอนที่มู่หรงอวี๋ตูเตะนักฆ่าคนหนึ่งจนปลิวออกไปนั้น ดาบในมือของนักฆ่าอีกคนก็ฟันตรงมายังศีรษะของเขา ประกายเย็นยะเยือกส่องสว่าง สามารถฟันคนให้ขาดครึ่งได้เลย
เคร้ง!
ในช่วงเวลาอันหวาดเสียว เฮยเมี่ยนสลัดหลุดจากนักฆ่าที่กำลังประมือด้วย รีบพุ่งไปเบื้องหน้าของมู่หรงอวี๋ตูด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ใช้มีดทหารขวางกั้นดาบในมือของนักฆ่าที่ฟันลงมา
ตอนนี้เอง นักฆ่าที่ถูกมู่หรงอวี๋ตูเตะจนปลิวออกไปก็บุกเข้ามาอีกครั้ง เฮยเมี่ยนในตอนนี้ แสดงความสามารถของเขาในฐานะที่เป็นขุนศึกระดับทัพฟ้าออกมา ต่อสู้กับยอดฝีมือชั้นหนึ่งพร้อมกันสองคน มีดในมือซ้ายขวางนักฆ่าคนนึงเอาไว้ หมัดที่มือขวาซัดเข้าไปยังนักฆ่าอีกคนหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็ปกป้องมู่หรงอวี๋ตูที่อยู่ด้านหลังไปด้วย ทำให้นักฆ่าทั้งสี่ตกใจจนอดไม่ได้ที่จะลอบส่งสายตาให้กัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ข้างกายของมู่หรงอวี๋ตู จะมียอดฝีมือเช่นเฮยเมี่ยนอยู่ด้วย
“แกเก่งมาก แต่แกปกป้องมู่หรงอวี๋ตูไม่ได้หรอก คืนนี้เขาจะต้องตาย!” ในที่สุดคนชุดดำร่างกำยำที่ยังไม่ได้ลงมือ ก็มองไปยังเฮยเมี่ยนแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“พวกแกเป็นใครกันแน่? มาจากองค์กรไหน?” เฮยเมี่ยนรู้สึกได้ถึงความอันตราย ถึงแม้ว่าจะไม่พูดออกมา แต่ในใจก็เข้าใจอย่างกระจ่างชัด เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักฆ่าชั้นหนึ่งทั้งสี่คน เขาเพียงคนเดียวหากคิดที่จะขวางนั้นยากมาก มิหนำซ้ำ คนชุดดำที่ยังไม่ได้ลงมือมาตั้งแต่ต้นผู้นี้ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากคนคนนี้ลงมือ จะเป็นช่วงที่อันตรายที่สุดอย่างแน่นอน
“แกไม่จำเป็นต้องรู้ แกต้องปล่อยให้พวกเราฆ่ามู่หรงอวี๋ตู ไม่งั้นต่อให้แกจะแข็งแกร่งก็ต้องตายเหมือนกัน!” คนชุดดำร่างกำยำพูดขึ้นพลางหัวเราะเสียงเย็น
เฮยเมี่ยนไม่ได้กล่าวอะไร แต่ปกป้องมู่หรงอวี๋ตูเอาไว้ด้านหลัง คนชุดดำทั้งสี่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามพวกเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้ ทหารชั้นยอดนับร้อยคนที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก ก็ยังไม่มีสักคนเดียวที่ตามเข้ามา เกรงว่าพวกเขาคงจะร้ายมากกว่าดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คืนนี้ทุกคนคงต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน
“นายพลมู่หรง คุณไปก่อนเถอะ ผมจะสกัดเอาไว้ให้!” เฮยเมี่ยนพูดกับมู่หรงอวี๋ตูเสียงเบา
“ไม่ต้อง ถ้าหากต้องใช้ชีวิตของแกมาแลกเปลี่ยนกับชีวิตของฉัน ชื่อเสียงของฉันมู่หรงอวี๋ตูคงถูกทำลายแน่ แต่ไหนแต่ไรฉันก็ไม่เคยให้สหายร่วมรบของตัวเองไปตายเพื่อฉัน” มู่หรงอวี๋ตูส่ายหน้า ออกมายืนเบื้องหน้าเฮยเมี่ยน เขาไม่ได้พูดจาใหญ่โตอะไร และไม่ได้จงใจที่จะแสดงอะไรออกมา แต่เขามู่หรงอวี๋ตูสู้รบมาตลอดชีวิต สู้จนมีชื่อเสียงออกมาได้ ต่อให้วันนี้จะแก่มากแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้ใครมาทำลายชื่อเสียงของตนเป็นอันขาด
“หึ มู่หรงอวี๋ตู นับว่าแกเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง หากไม่ใช่ว่าฉันได้รับคำสั่งให้ฆ่าแก ฉันก็อยากจะปล่อยแกไปสักครั้งจริงๆ!” คนชุดดำร่างกายกำยำแค่นเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“จะเข้ามาก็มาเลย ฉันมู่หรงอวี๋ตูไม่เคยกลัวใคร!” ตอนนี้เอง ดวงตาทั้งสองของมู่หรงอวี๋ตูอัดแน่นไปด้วยความโกรธขึ้นมาแล้ว ในฐานะที่เป็นนายพลเฒ่าคนหนึ่ง ต่อให้ต้องตาย เขาก็มีความเคารพในตนเองอย่างเข้มข้น ไม่ยอมให้ใครมาดูหมิ่นง่ายๆ
“ฆ่า!” คนชุดดำร่างกำยำพูดอย่างไร้ปราณี
คนชุดดำทั้งสามบุกเข้าไปยังมู่หรงอวี๋ตูและเฮยเมี่ยนพร้อมกัน มู่หรงอวี๋ตูเผชิญหน้ากับอันตรายโดยไม่หวาดกลัว ไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว นี่เป็นนิสัยของนายพลเฒ่าอย่างเขา ต่อให้มีดาบพาดอยู่บนลำคอ ก็จะไม่ถอยอย่างเด็ดขาด
เฮยเมี่ยนไม่ได้พูดอะไรมาก ในฐานะที่เป็นขุนพลระดับทัพฟ้าคนหนึ่ง ในฐานะที่เป็นคนที่เห็นคำสั่งสำคัญกว่าชีวิต การปกป้องมู่หรงอวี๋ตูก็คือภารกิจของเขา ต่อให้เลือดต้องสาดกระเซ็น เขาก็จะบุกเข้าไปเต็มกำลัง เพื่อขัดขวางคนชุดดำทั้งสี่นี้ให้ได้
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น มือสังหารทั้งสามสู้กับเฮยเมี่ยน ส่วนคนชุดดำร่างกำยำที่เป็นหัวหน้า ซึ่งยังไม่ได้ลงมือก็ขมวดคิ้วมองไปยังเฮยเมี่ยน เขาถูกฝีมือของเฮยเมี่ยนทำให้ตื่นตะลึงไปแล้วจริงๆ ลูกน้องทั้งสามของตนต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับหนึ่ง ทุกคเคยได้รับการฝึกฝนเคล็ดวิชาของพรรควรยุทธโบราณมาก่อน บอดี้การ์ดธรรมดาหรือทหารธรรมดาไม่ใช่คู่มือของพวกเขาโดยเด็ดขาด แต่เฮยเมี่ยนใช้หนึ่งต้านสามและยังสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้ นับว่าไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ
ขุนพลระดับทัพฟ้า ในประเทศจีนนับว่าเป็นกองกำลังเดี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขายังแข็งแกร่งยิ่งกว่ากองกำลังเหยี่ยวนักล่าและหน่วยมังกรฟ้าเสียอีก และภารกิจที่พวกเขากระทำ ส่วนใหญ่ต่างก็เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองระดับผู้นำของประเทศ หรือกระทั่งเป็นภารกิจที่เป็นความลับ เกี่ยวกับของบางอย่างที่ไม่สามารถให้โลกภายนอกได้รับรู้ได้ไปตลอดกาล
ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่เฮยเมี่ยนเองก็ยืนหยัดได้ไม่นานมากนัก จะอย่างไรเขาก็เผชิญหน้ากับมือสังหารระดับหนึ่งทั้งสามคนที่ผ่านประสบการณ์การต่อสู้จริงมาอย่างโชกโชน ไม่นานก็เกิดบาดแผลบนร่างกาย ถึงแม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เฮยเมี่ยนจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“นายพลมู่หรง คุณไปก่อนเถอะครับ ผมจะขวางพวกมันไว้เอง!” เฮยเมี่ยนฟันมีดไปยังมือสังหารคนหนึ่ง หันกายไปพูดกับมู่หรงอวี๋ตูอย่างร้อนรน
“พยายามอย่างสุดความสามารถก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียสละชีวิตเพื่อชาติ คนที่พวกมันต้องการฆ่าก็คือฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นลิขิตฟ้า!” มู่หรงอวี๋ตูยอมไม่หนีไปอย่างเด็ดขาด เป็นนายพลคนหนึ่ง มีเพียงยืนหยัดสู้ตายในสงครามเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหนี เขาเตรียมตัวที่จะตายที่นี่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หากยังไม่ได้เห็นมู่หรงซินผู้เป็นหลานปลอดภัยไร้อันตราย เขาจะจากไปได้อย่างไร?
“ในเมื่อแกรู้ตัวว่าจะตาย ฉันก็จะช่วยแกเอง!”
ในตอนนี้ คนชุดดำร่างกำยำที่ยังไม่ลงมือก็กล่าวคำพูดนี้ขึ้นมาและชักดาบที่แขวนอยู่ด้านหลังออกมา ในตอนที่เขาชักดาบออกมา เฮยเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง นั่นเป็นดาบทหารสไตล์ชิบะ บนคมดาบเปล่งประกายเย็นยะเยือก หรือว่านักฆ่าเหล่านี้จะเป็นคนของ “สุนัขรับใช้แห่งประเทศชิบะ”? ตกลงแล้วเป็นใครกันแน่ที่ใช้มือสังหารของสุนัขรับใช้แห่งประเทศชิบะเหล่านี้?
ฟุ่บ!
ชายชุดดำร่างกำยำเคลื่อนไหวแล้ว ทั้งยังรวดเร็วจนไม่มีเวลาให้คิด เฮยเมี่ยนตกตะลึงจนชะงักไปครู่หนึ่ง เขาคาดเดาไม่ผิดจริงๆ ชายชุดดำร่างกำยำคนนี้แข็งแกร่งมาก เป็นสุดยอดนักฆ่าคนหนึ่ง เมื่อเทียบกันแล้วยังร้ายกาจกว่านักฆ่าระดับหนึ่งทั้งสามคนมาก
เฮยเมี่ยนพยายามสลัดมือสังหารทั้งสามคนที่ล้อมตนเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ต้องการที่จะไปขวางชายชุดดำร่างกำยำคนนั้น เพียงแต่น่าเสียดายที่มือสังหารทั้งสามคนนี้พัวพันกับเฮยเมี่ยนยังไม่ยอมปล่อย แต่ละดาบที่โจมตีเข้ามาล้วนหวังเอาชีวิต ทำให้เฮยเมี่ยนไม่มีเวลาปลีกตัวออกไป ทำได้เพียงมองดูชายชุดดำคนนั้นตวัดดาบฟันลงไปยังมู่หรงอวี๋ตู
“คนจีนทั้งหมดสมควรตาย!” ชายชุดดำร่างกำยำพุ่งเข้าไปเบื้องหน้ามู่หรงอวี๋ตู พูดออกมาอย่างเย็นชา
“แกเป็นใครกันแน่?” มู่หรงอวี๋ตูถามด้วยอาการขมวดคิ้ว
ฉวะ! ดาบสไตล์ชิบะที่เปล่งประกายเย็นยะเยือกฟันลงไปยังมู่หรงอวี๋ตู…