เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 229 อารมณ์ล้ำลึก
“ดี…ดี ไอ้เดรัจฉานน้อย แกก็เป็นแค่คนที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเท่านั้น กล้ามาทำกับฉันแบบนี้ รอดูเถอะ…”
จางอวิ๋นด่าออกมาอย่างโกรธเคือง ขับรถออดี้ของตนไปจากประตูบ้านสไตล์โบราณแห่งนี้ เย่เทียนเฉินไม่ได้ลงมืออีก เขารู้ว่าหลัวเยี่ยนแม่ของเขาจะต้องหยุดยั้งเขาเอาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามาก่อเรื่อง รีบเข้าไปดูยายทวดให้เร็วหน่อยจะดีกว่า
“คุณชายน้อย คุณไม่ควรจะลงมือเลย จางอวิ๋นเป็นคนใจแคบคนหนึ่ง เป็นคนที่มีแค้นต้องชำระ ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงที่คุณชายใหญ่ไม่อยู่ ดูเหมือนว่าตระกูลหลัวจะเชื่อฟังแม่ของจางอวิ๋นและลุงใหญ่ของคุณ ตอนนี้แม่เฒ่าป่วยหนัก พวกเขาจะต้องคิดหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้แน่นอน!” ลุงหวังเห็นเย่เทียนเฉินตบหน้าจางอวิ๋นไปครั้งหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่ากังวลใจ
“เทียนเฉิน หรือว่าลูกจะกลับไปก่อน แม่เข้าไปดูแป๊บเดียวก็ออกมาแล้ว…” หลัวเยี่ยนพูดอย่างกังวล
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กลับมาตระกูลหลัวยี่สิบปีแล้ว หลัวเยี่ยนก็ยังเข้าใจนิสัยของพี่ชายและน้องสาวของเธอเป็นอย่างมาก น้องสาวของเธอก็คือแม่ของจางอวิ๋น มีนิสัยยโสโอหังมาโดยตลอด และยังใช้อำนาจบาตรใหญ่ ตอนสมัยวัยรุ่นยังคิดที่จะเข้าไปคลุกคลีกับสังคมมืด เห็นได้ชัดว่าโอหังถึงขนาดไหน ส่วนพี่ชายของหลัวเยี่ยนซึ่งก็คือคุณลุงใหญ่ของเย่เทียนเฉิน นี่ก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง เมื่อปีนั้นต้องการที่จะไล่หลัวเยี่ยนออกมาจากตระกูลหลัว ก็เป็นเรื่องที่เขาพูดขึ้นมาเป็นคนแรก เจตนาของเขานั้นทุกคนต่างก็ดูออก เขากลัวว่าคุณพ่อจะยอมรับให้หลัวเยี่ยนอยู่ด้วยกันกับเย่หง ตอนนั้นคุณย่าก็ยังยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับหลัวเยี่ยน หากว่าคุณพ่อเองก็ยอมรับ เย่หงก็เป็นไปได้มากกว่าจะกลายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลหลัว เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ไม่มีทางควบคุมอำนาจส่วนใหญ่ของตระกูลหลัวได้ และความเป็นไปได้ที่จะได้เป็นผู้ควบคุมตระกูลหลัวก็น้อยลง
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าคุณพ่อของหลัวเยี่ยน หลัวเหยียนซง เป็นผู้ชายที่เข้มงวดและมีความสามารถคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเมื่อปีนั้นจะไม่เห็นด้วยพี่จะให้หลัวเยี่ยนแต่งงานกับเย่หง แต่ว่าในด้านของการสั่งสอนและการควบคุมคนรุ่นหลังก็เข้มงวดจริงจังเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ใช่คนที่เหลิงในอำนาจ ตอนนั้นพี่ชายของหลัวเยี่ยนเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่ยอมเรียนไร้ซึ่งความรู้ หลัวเหยียนซงจึงได้พูดประโยคหนึ่งต่อหน้าคนตระกูลหลัวทั้งตระกูลว่า ผู้ที่จะมาเป็นหัวเรือใหญ่ของตระกูลหลัว ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นสายเลือดของคนตระกูลหลัวเสมอไป ตระกูลหลัวของพวกเราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ จำเป็นที่จะต้องมีบุคคลผู้มีความสามารถคนหนึ่งมาเป็นหัวเรือใหญ่ ไม่ต้องการพวกไร้ประโยชน์
เพราะประโยคนี้พี่ชายใหญ่ของหลัวเยี่ยนจึงตกตะลึง เดิมทีเขาคิดว่าตนเองเป็นหลานชายคนโตของตระกูลหลัว ไม่ว่าจะอย่างไรพ่อก็ทำได้เพียงมอบตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของตระกูลหลัวให้เขา และด้วยอำนาจและอิทธิพลเบื้องหลังของตระกูลหลัวก็มากพอที่จะใช้ชีวิตสุขสบายไปทั้งชาติ เงินทอง ที่ดิน จากการประเมินของเขาก็มีมูลค่านับร้อยล้าน ไหนเลยจะรู้ว่าพ่อของเขาหลัวเหยียนซงจะพูดแบบนี้ออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังเข้าใจนิสัยของพ่อมากด้วย เป็นคนพูดจริงทำจริง นี่จึงทำให้เขารู้สึกอันตราย หลายปีมานี้จึงอยู่ในกฎเกณฑ์ขึ้นมาก คอยช่วยเหลือกิจการของตระกูลหลัวมาโดยตลอด แต่นิสัยดั้งเดิมก็ยากที่จะเปลี่ยน นิสัยยโสโอหังนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
“แม่ครับ ไม่เป็นไร พวกเราเข้าไปดูยายทวดกันก่อนเถอะ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“แต่ว่า…”
“ไปเถอะครับแม่…”
เย่เทียนเฉินกล่าวขัดคำพูดของแม่ ดันแม่ของตนให้เข้าไปในบ้านสไตล์โบราณ การปรากฏตัวจางอวิ๋นทำให้เย่เทียนเฉินเกิดความโมโหอยู่ในใจแล้ว เพียงแต่เขาไม่ต้องการที่จะก่อเรื่อง จะอย่างไรแม่ก็ต้องรู้สึกอึดอัด และไม่ต้องการให้เขาทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ขอแค่คนเหล่านี้ถ้าไม่มาหาเรื่องเขาก็พอ เขาก็จะไม่ใส่ใจไปสั่งสอน เขาทำเพียงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้แม่เท่านั้น
หลัวเยี่ยนเองก็รู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนมาก ยังไงก็มาถึงประตูใหญ่แล้วจึงไม่ได้มีการลังเลอะไรอีก เพียงแต่ในใจจะมากจะน้อยก็รู้สึกลำบากใจ ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว พี่ใหญ่และน้องสาวทั้งสองคนก็ยังเพ่งเล็งตนเองอยู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาคิดอะไร ไม่ว่าจะอย่างไรต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมต้องกังวลมากขนาดนั้นด้วย?
เย่เทียนเฉิน หลัวเยี่ยน และมุ่งหวัง ทั้งสามเดินเข้าไปในบ้านสไตล์โบราณด้วยกัน ด้านในหมีคุณลุงของหลัวเยี่ยนจำนวนหนึ่งอยู่กับคนรุ่นเดียวกับคุณพ่อ พวกเขาต่างก็เป็นลูกสาวลูกชายของคุณย่า ย่อมต้องมาอยู่ที่นี่ในตอนที่แม่เฒ่าป่วยหนักเป็นธรรมดา
มีคนลุงคุณอาหลายคนเห็นว่าหลัวเยี่ยนกลับมาแล้ว ต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก แต่กลับไม่ได้ขัดขวางเอาไว้ พวกเขารู้ว่าหลานสาวที่แม่เฒ่ารักมากที่สุดก็คือหลัวเยี่ยน ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนจะไปจากโลกนี้ คงจะต้องการเห็นหลัวเยี่ยนเป็นธรรมดา ใครก็ไม่คิดจะก่อเรื่องในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าทำแบบนั้นจะต้องถูกเพ่งเล็งแน่นอน
เย่เทียนเฉินมองคนที่อยู่บริเวณนี้ ต่างก็มีอายุมากกว่าแม่ของเขา เขาไม่ได้ทักทายใคร จะอย่างไรถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้ขัดขวางคุณแม่ แต่ในดวงตาจะมากจะน้อยก็มีความรู้สึกขับไล่ เชื่อว่าคนเหล่านี้จะต้องมีส่วนร่วมเรื่องที่หลัวเยี่ยนถูกไล่ออกมาจากตระกูลหลัวอย่างแน่นอน
ตระกูลใหญ่ก็มีความน่าเศร้าของตระกูลใหญ่ สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือลูกหลานคนรุ่นหลังของตระกูลต่างก็มีใจคิดแย่งชิงสมบัติกัน สุดท้ายก็ไม่เสียดายความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง กระทั่งสามารถหันหน้าเข้าห้ำหั่นกันได้ เรื่องเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรในตระกูลใหญ่
พ่อของหลัวเยี่ยนหลัวเหยียนซงเป็นหัวเรือใหญ่ของตระกูลหลัว สิ่งแรกที่เขาใคร่ครวญก็คือตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของตระกูลนี้จะต้องส่งมอบให้กับหนึ่งในลูกชายลูกสาวทั้งสามคนของเขา ในเรื่องของการส่งมอบตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของตระกูลใหญ่ไม่ได้แบ่งแยกชายหญิงมานานแล้ว ดูเพียงความสามารถเท่านั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้หลัวเยี่ยนถูกพี่ใหญ่และน้องสาวเล่นงาน หลัวเยี่ยนที่เป็นที่รัก นี่มีผลอย่างมากต่อคนที่จะได้รับตำแหน่งหัวเรือใหญ่แห่งตระกูลหลัว และยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกว่าหลัวเยี่ยนเป็นคนที่อาจจะคุกคามพวกเขาได้มากที่สุด
ดังนั้นในตอนที่รู้ว่าหลัวเยี่ยนคบกับเย่หง และดูเหมือนจะต้องพบกับการคัดค้านของคนทั้งหมดในตระกูล จึงทำการเสริมเติมแต่ง สร้างข่าวลือแย่ๆ บอกว่าหลัวเยี่ยนตกเป็นของเย่หงเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดก็บีบบังคับให้หลัวเยี่ยนออกไปจากตระกูลหลัว และยังทะเลาะกับหลัวเหยียนซงผู้เป็นพ่ออีกด้วย จนถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกัน
ตอนนี้หลัวเยี่ยนกลับมาแล้ว กลับมาเพื่อมาดูใจแม่เฒ่าตระกูลหลัวที่ใกล้จะลาโลกนี้ไป คนส่วนใหญ่รับรู้ได้ถึงอันตราย เป็นความรู้สึกที่อันตรายยิ่งกว่าเมื่อยี่สิบปีก่อน เพราะว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนคุณพ่อของหลัวเยี่ยนหลัวเหยียนซงยังอายุน้อย โดยปกติก็ไม่คิดที่จะมอบตำแหน่งหัวเรือใหญ่ให้ใคร แต่ยี่สิบปีผ่านมาแล้ว หลัวเหยียนซงก็แก่ลงมากแล้ว จำเป็นจะต้องใคร่ครวญถึงปัญหานี้
บางทีมีเพียงเย่หงผู้เป็นพ่อของเย่เทียนเฉินคนเดียวเท่านั้นถึงจะรู้ว่าในสิ่งที่แม้แต่เย่เทียนเฉินและเย่เชี่ยนเหวินก็ไม่รู้ นั่นก็คือหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ของพวกเขาเคยเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถมาก่อน จบการศึกษาสาขาวิชาการจัดการการเงินจากมหาวิทยาลัยหลงเถิง ตอนนั้นยังเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในมหาวิทยาลัยอีกด้วย เป็นผู้หญิงที่มีทั้งหน้าตาสวยงามและมีทั้งความเฉลียวฉลาด เพียงแต่หลายปีมานี้ เธอคอยสนับสนุนพ่อของเย่เทียนเฉินอยู่เบื้องหลังมาเงียบๆ โดยตลอด ทำตัวตามแบบฉบับของแม่และภรรยาที่ดี
เพราะคุณลุงคุณอาเหล่านั้นของตระกูลหลัว และยังมีพี่ชายและน้องสาวของหลัวเยี่ยนซึ่งเข้าใจว่าหลัวเยี่ยนเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถและเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ถึงได้กังวลขนาดนั้น หากหลัวเยี่ยนไม่ถูกไล่ออกจากตระกูลหลัว ก็ไม่รู้ว่าจะมีอุปสรรคมากน้อยเพียงใด เช่นคุณลุงคุณอาเหล่านั้น พวกเขาย่อมไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นหัวเรือใหญ่ของตระกูลหลัวแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีลูกสาวลูกชายของตนเองที่ต่อสู้แย่งชิงได้
“คุณย่า คุณย่า…หนูคือเยี่ยนเอ๋อร์ หนูกลับมาแล้ว…ย่ารู้สึกดีขึ้นไหมคะ?” หลัวเยี่ยนนั่งลงข้างเตียง กลุ่มมือขวาของแม่เฒ่าที่นอนอยู่บนเตียงเอาไว้แน่น น้ำตาไหลออกมาเต็มหน้า แต่ก็ยังพยายามเรียกด้วยน้ำเสียงยินดี
บนเตียงตรงกลางของห้องมีแม่เฒ่าที่อายุเกือบจะร้อยปีนอนอยู่ ร่างกายซูบผอมเป็นอย่างมาก สีหน้าซีดขาว ใครก็มองออกว่านี่เป็นวาระสุดท้ายของเธอแล้ว นี่ไม่ใช่การป่วยสาหัส แต่เป็นโรคชราตามธรรมชาติ อวัยวะต่างๆ เริ่มหยุดทำงาน ในทันทีที่เย่เทียนเฉินแผ่ขยายพลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไป เขาสามารถรับรู้ได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิตของแม่เฒ่าค่อยๆ หย่อนลง และใกล้จะดับไฟแล้ว
“เยี่ยนเอ๋อร์…เป็นหลานจริงๆ เหรอ?” แม่เฒ่าลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง ในดวงตามีความยินดีปรากฏ เธออยากที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง
“เป็นหนูเองค่ะคุณย่า เป็นหนูเองเยี่ยนเอ๋อร์…หนูกลับมาแล้ว หนูกลับมาเยี่ยมคุณย่าแล้ว ย่าจะต้องไม่เป็นอะไร….” หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา ตัวเองก็สามารถรับรู้ได้ว่าเวลาของเธอเหลืออีกไม่นานแล้ว
จากกันไปยี่สิบปี ย่าหลานถึงจะได้พบกันอีกครั้ง แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ผู้สูงวัยก็ใกล้จะจากโลกนี้ไปแล้ว จะให้ไม่รู้สึกเจ็บปวดใจได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลัวเยี่ยนคิดไปถึงตอนเด็กๆ คุณย่ารักตัวเองมาก เลี้ยงสามพี่น้องให้เติบโตมาด้วยมือของตน และรักตัวเองมากเป็นที่สุด หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะร้องไห้สะอึกสะอื้น นี่เป็นหญิงชราที่เมตตาคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเย็นชากับคนในครอบครัวด้วยเรื่องความร่ำรวยความยากจน ในใจของเธอครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดตลอดกาล
“กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว…หลายปีมานี้หลานมีความสุขดีหรือไม่?” ความจริงดวงตาของแม่เฒ่ามองได้ไม่ชัดเจนแล้ว แต่กลับยังจับมือของหลัวเยี่ยนไว้แน่นแล้วถามขึ้น
“มีความสุขค่ะ ย่าคะ หนูมีความสุขมาก!” หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหญิงชราที่หายใจอย่างยากลำบาก เอียงหัวไปด้านหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“งะ งั้นก็ดีแล้ว…เมื่อปีนั้นย่าไม่ได้สนับสนุนหลานในทางที่ผิด เป็นผู้หญิงสิ่งที่จำเป็นก็คือผู้ชายที่รักตัวเอง จำเป็นต้องมีครอบครัวที่มีความสุข นี่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทุกสิ่ง…” แม่เฒ่ายืนหยัดต่อไป ยืนหยัดที่จะพูดกับหลานสาวที่ตนเองรักที่สุดให้มากขึ้น
“ค่ะ คุณย่า ย่าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ จะต้องไม่เป็นอะไร…เดี๋ยวก็ดีขึ้น!” หลัวเยี่ยนพยักหน้า พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูฝืนๆ บริเวณมุมปาก
แม่เฒ่าไม่ได้พูดอะไร หลับตาลง สูดหายใจลึก เธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดอีกต่อไปแล้ว ได้เห็นหลานสาวที่ตนเองรักที่สุดในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เธอก็พอใจมากแล้ว ยกมือขวาของตนเองขึ้นมาอย่างยากลำบาก ดูเหมือนว่าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็ต้องการที่จะหยิบของบางอย่างออกมา
“คุณย่าคะ ย่าอย่าขยับเลย ไปคิดจะทำอะไรบอกเยี่ยนเอ๋อร์มาเถอะ เยี่ยนเอ๋อร์จะทำให้…” หลัวเยี่ยนพูดอย่างร้อนใจ
“ผมทราบครับแม่เฒ่า ผมทราบแล้วครับผมจะรีบกลับมา…” ในตอนนี้เอง ลุงหวังก็พูดขึ้นแล้ววิ่งออกนอกประตูไปด้วยความเร่งร้อน ดูเหมือนว่าจะไปเอาของบางอย่างออกมา
เย่เทียนเฉินมองแม่เฒ่าที่หลับตาลง หายใจอย่างหนักหน่วง และกำลังรอคอย กำลังพยายาม ต้องการที่จะทำเรื่องสุดท้ายที่เธอต้องการให้สำเร็จ มิฉะนั้นเธอก็ไม่อาบสงบใจได้
…………………………….