เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 241 ท่าไม้ตายของเปาเทียนหลง
ตู้ม!
นอกประตูบ้านสไตล์โบราณของตระกูลหลัวเกิดเสียงดังสนั่น ทุกคนมองฉากนี้จนตาค้าง โดยเฉพาะคนตระกูลหลัวเหล่านั้น คุณลุงทั้งหลายของตระกูลหลัวเหล่านั้นที่หวังจะให้เปาเทียนหลงซึ่งเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันอัดเย่เทียนเฉินให้ตายภายในหมวดเดียว ทั้งหมดต่างก็อึ้งจนแข็งเป็นหิน สูดหายใจเย็นยะเยือกด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้
เย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงประหมัดกันจริงๆ ทั้งคู่ต่างก็ยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน มือขวาของพวกเขาชนกัน มองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่พื้นหินใต้เท้าของพวกเขาในขอบเขตหนึ่งเมตรต่างแหลกจนกลายเป็นฝุ่นผงไปหมดแล้ว เรียกได้ว่าหมัดนี้สูสีกัน สุดท้ายแล้วใครที่แข็งแกร่งกว่ากันแน่ เกรงว่ามีเพียงเย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงเท่านั้นที่จะรู้
“แม่งเอ้ย ฉัน…ฉันไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม? ไอ้หนูนี่ถึงกับประหมัดกับหัวหน้าได้เลยเหรอ?” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งไม่อยากจะเชื่อสายตาโดยสิ้นเชิง ขยี้ตาของตนอย่างแรงแล้วอุทานออกมา
“นี่…หัวหน้า หัวหน้าจะต้องยังไม่ได้ใช้พลังภายในของตนแน่นอน ถ้าเขาใช้พลังภายในก็จะไม่มีใครต้านทานได้!” ผู้คุ้มกันอีกคนหนึ่งก็ทำได้เพียงหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเอง
“ใช่แล้ว หัวหน้าจะต้องยังไม่ได้ใช้พลังภายในแน่นอน ไม่งั้นมือขวาของไอ้หนูนี่คงหักไปแล้ว…”
ผู้คุ้มกันสองคนที่เดิมทีคิดจะลงมือสั่งสอนเย่เทียนเฉิน ในตอนที่เห็นเย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงประหมัดกันอย่างรุนแรงแต่ถึงกับไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย กระทั่งกล่าวได้ว่าไม่ถอยเลยแม้แต่ครึ่งก้าว ต่างก็ต้องแปลกใจจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา เมื่อคิดว่าสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังต้องการสั่งสอนเย่เทียนเฉินแทนท่านหัวหน้า ตอนนี้จึงเริ่มรู้สึกหนาวถึงกระดูก ต่อให้พวกเขาสองคนเข้าไปพร้อมกันก็คงไม่สามารถป้องกันหมัดนี้ของเย่เทียนเฉินได้
คุณลุงทั้งหลายของตระกูลหลัวต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน โดยเฉพาะคนที่รู้ว่าเปาเทียนหลงเคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้ามาก่อน ต่างก็ลอบประหลาดใจ ใครก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินแห่งตระกูลเย่จะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ให้ผู้คุ้มกันยิงปืนฆ่าเย่เทียนเฉินให้ตายไปเสียยังจะดีกว่า เพียงแต่ถ้าทำแบบนี้หัวหน้าตระกูลอย่างหลัวเหยียนซงคงไม่อนุญาต และถ้าทำแบบนี้ก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของตระกูลหลัวอย่างแท้จริง คงจะถูกคนอื่นพูดกันว่ากระทั่งคนนอกแค่คนเดียวตระกูลหลัวก็เก็บกวาดไม่ได้ ทำได้เพียงใช้ปืนโจมตี เช่นนั้นก็จะกลายเป็นตัวตลกของตระกูลใหญ่และกลุ่มอำนาจใหญ่จริงๆ แน่
“ไอ้หนูตระกูลเย่มีฝีมือจริงๆ แม่งเจอผีหลอกแล้ว!”
“ต่อให้ร้ายกาจกว่านี้ก็ไปจากตระกูลหลัวของพวกเราไม่ได้ ต่อให้มีความรวดเร็วจะเร็วไปกว่าปืนหรือไง?”
“คะ…ความหมายของคุณคือ?”
“ถ้าหากเปาเทียนหลงแพ้จริงๆ ก็ให้ผู้คุ้มกันที่เหลืออีกสองคนยิงปืน พวกเขานับถือหัวหน้าขนาดนั้น จะต้องระบายความโกรธแทนเขาแน่!”
“เป็นความคิดที่ดี ยังไงก็ห้ามปล่อยให้ไอ้หนูนี่มีชีวิตออกไปจากตระกูลหลัวได้เป็นอันขาด ถ้าหากว่ามันเติบโตขึ้นจริงๆ อาจจะไม่เป็นผลดีกับตระกูลหลัวของพวกเรา”
มีคนใจคอโหดเหี้ยมของตระกูลหลัวบางคนเริ่มมีพากย์วิจารณ์กันขึ้นมา พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการจะเก็บกล่องหยกหงส์มังกรเอาไว้ แต่ยังต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินอีกด้วย เพราะพวกเขารับรู้ได้ถึงความกดดันอย่างหนึ่ง หากเย่เทียนเฉินเติบโตขึ้นก็เป็นไปได้มากว่าจะพาตระกูลเย่ให้เติบโตขึ้นมาด้วย ก่อนหน้านี้พวกเขาเพ่งเล็งเย่เทียนเฉิน เพ่งเล็งหลัวเยี่ยนซึ่งเป็นแม่ของเย่เทียนเฉิน และต้องการที่จะฆ่าพวกเขาสองแม่ลูก ดังนั้นเย่เทียนเฉินจะต้องไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปแน่
“ผ่านไปหนึ่งกระบวนท่าแล้ว ยังเหลืออีก 19 กระบวนท่า…” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“แกต้องแพ้แน่นอน เพราะฉันยังไม่ได้ลงมือเต็มที่!” ถึงแม้ว่าเปาเทียนหลงจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่เย่เทียนเฉินอายุน้อยเพียงเท่านี้แต่มีฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่จะอย่างไรเขาก็มีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเขายังไม่ได้ลงมือเต็มที่จริงๆ
“ลองดูเถอะ ฉันก็ไม่ได้ลงมือเต็มที่เหมือนกัน!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
เปาเทียนหลงขมวดคิ้ว ออกแรงสะกิดเท้าด้านหลัง ใช้แรงส่งนี้เตะกวาดไปยังศีรษะด้านซ้ายของเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเองก็แปลกใจ เมื่อเผชิญหน้ากับเปาเทียนหลงที่เคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้า เขาย่อมไม่กล้าลำพองใจ จากหมัดเมื่อสักครู่นี้เขาก็รู้สึกได้ว่า หากต้องการทำให้เปาเทียนหลงพ่ายแพ้ จะต้องเปลืองแรงอยู่บ้าง อย่างน้อยฝีมือของเปาเทียนหลงก็ไม่ด้อยไปกว่าเฮยเมี่ยน ถ้าสู้สุดชีวิตขึ้นมาจริงๆ ใครจะตายใครจะรอดก็ยังไม่แน่
จากความประทับใจที่มีต่อเย่เทียนเฉิน แรกเริ่มเดิมทีในตอนที่เพิ่งจะเข้ามาในห้องโถงใหญ่ของบ้านสไตล์โบราณ เปาเทียนหลงก็รู้สึกได้แล้ว บางทีคนอื่นอาจจะคิดว่าเย่เทียนเฉินโอหัง ไม่เอาไหน พูดจาโอ้อวด แต่เปาเทียนหลงกลับรู้สึกว่าคนหนุ่มที่ดูเอ้ยระเหยและมีนิสัยเหมือนอันธพาลคนนี้ มีฝีมือแข็งแกร่งมาก และไม่ใช่แข็งแกร่งธรรมดา แต่ยังเก็บซ่อนเอาไว้ได้อย่างดี คนทั่วไปมองไม่ออกอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาผ่านการสู้รบมานับร้อยสนาม เคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้ามาก่อน จึงมีสายตาเฉียบแหลมเช่นนี้
หมัดเมื่อสักครู่นี้ทำให้เปาเทียนหลงลอบตกตะลึงในใจ เขามองออกว่าเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ หมัดเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้ลงมือเต็มที่จริงๆ แต่อย่างน้อยก็ใช้พลังภายในไปสามส่วน เดิมทีคิดว่าเป็นการลงมือเกินความจำเป็น คิดอยากจะลองเชิงเย่เทียนเฉินสักหน่อย ทำให้ไอ้หนูนี่รู้ถึงความร้ายกาจบ้าง ไหนเลยจะรู้ว่าไอ้หนูนี่จะประหมัดกับตนได้โดยไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ความจริงนี้ทำให้เปาเทียนหลงต้องแปลกใจและตกตะลึง อย่างน้อยความสามารถที่เย่เทียนเฉินแสดงออกมาในตอนนี้ก็แข็งแกร่งกว่าตอนเขาหนุ่มๆ
เมื่อเจอกับลูกเตะของเปาเทียนหลงในระยะใกล้แค่นี้ และยังเป็นการลงมือที่รวดเร็วว่องไวจนดูเหมือนว่าจะหาจุดอ่อนไม่พบ เย่เทียนเฉินจำเป็นต้องถอยหลังไปสอองก้าวและเอนร่างหลบไปด้านหลัง ขาขวาของเปาเทียนหลงเตะเฉียดหน้าอกของเย่เทียนเฉินไป
“ย๊าก!”
ในตอนนี้เองเปาเทียนหลงตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง ขาขวาหยุดอยู่บนตำแหน่งหน้าอกของเย่เทียนเฉิน จากนั้นจึงสะบัดตอกลงมายังหน้าอกของเย่เทียนเฉินอย่างรุนแรง ทุกคนที่ได้เห็นต่างตกใจจนคางแทบร่วง การปะทะกันของยอดฝีมือเช่นนี้ดูตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าในภาพยนตร์เป็นร้อยเท่า ยิ่งไปกว่านั้นการต่อสู้ในระดับสูงที่หาได้ยากแบบนี้ ต่อใหมียอดฝีมืออยู่ด้วย ก็เกรงว่าจะอดตกใจไม่ได้
“สวรรค์ นั่นมันไม้ตายของหัวหน้า!”
“จะต้องรู้แพ้รู้ชนะในลูกเตะเดียวแน่ มีไม่กี่คนที่รอดไปได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์แบบนี้!”
ผู้คุ้มกันที่เห็นว่าเปาเทียนหลงเพิ่งจะลงมือก็ใช้ท่าไม้ตายออกมาอดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้น ใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้ม เนื่องจากพวกเขาเคยเห็นเปาเทียนหลงใช้กระบวนท่านี้มาก่อน ขาขวาเตะไปในแนวขวางด้วยความรวดเร็วอย่างหาใดเปรียบ อีกฝ่ายจะหลบก็หลบไม่ได้ ทำได้แค่เอนตัวหลบไปข้างหลัง ในตอนนี้เองเปาเทียนหลงก็จะหยุดขาขวาที่เตะออกไปตามปกติของตน แล้วตอกขาลงมา อีกฝ่ายไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก
ในตอนนี้ เย่เทียนเฉินเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ร่างกายเอนไปด้านหลัง ไม่มีอะไรค้ำยัน เป็นสภาพที่ถูกบีบบังคับ ส่วนขาขวาของเปาเทียนหลงก็สะบัดลงมาอย่างรุนแรง ตอกลงไปยังหน้าอกของเย่เทียนเฉิน
“ลูก…” หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียกอย่างเคร่งเครียด เธอไม่อยากเห็นลูกชายบาดเจ็บ
“ช่วยไม่ได้แล้ว ต้องตายแน่!”
“ให้หัวหน้าผู้คุ้มกันเปาเทียนหลงแต่ส่งมันไปพบมัจจุราชเถอะ!”
“ถ้าตายก็จะดีที่สุด!”
ตู้ม!
ในตอนที่เย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงหยุดมือ บรรยากาศพลัยเงียบเชียบลงอย่างมาก ทุกคนเบิกตากว้างจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลง
ขาซ้ายของเปาเทียนหลงยืนอยู่ที่เดิม ขาขวายังคงรักษาสภาพที่กำลังโจมตีสะบัดลงเอาไว้ ส่วนเย่เทียนเฉินนั้น ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายก็ใช้มือซ้ายตบลงบนพื้นเพื่อยันร่างกายของตนเอาไว้ ส่วนมือขวาก็จับข้อเท้าของเปาเทียนหลง ต่อให้เป็นแบบนี้เขาก็ยังถูกกระแทกจนหลังแนบพื้น ทุกคนเห็นว่าพื้นหินที่หลังของเย่เทียนเฉินแนบติดไปนั้นแหลกเป็นผุยผงไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าลูกเตะนี้ของเปาเทียนหลงรุนแรงเพียงใด
“ย่ะ!”
เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา ออกแรงที่มือขวาอย่างฉับพลัน เปาเทียนหลงถูกโยนขึ้นสูงสองเมตรจนลอยอยู่ในอากาศ เขาตกใจจนหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าท่าไม้ตายนี้ของตน ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถฆ่าเย่เทียนเฉินได้ กระทั่งอาการบาดเจ็บสาหัสไอ้หนูนี่ก็ยังไม่แสดงออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ท่าไม้ตายของเขาล้มเหลว
ฉัวะ!
ในตอนที่เปาเทียนหลงลอยตัวขึ้นสูงสองเมตรและมีทีท่าว่าจะลอยสูงขึ้นไปอีกเล็กน้อย เย่เทียนเฉินก็ใช้ฝ่ามือขวาตบลงที่พื้นอย่างรุนแรงจนปรากฏรอยประทับฝ่ามืออย่างชัดเจน พริบตาเดียวร่างทั้งร่างของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น หมัดทั้งสองกำแน่น พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันอาบย้อมทั่วทั้งหมัดในเวลาเพียงพริบตา ต่อยโจมตีไปยังเปาเทียนหลง
ตู้มๆๆ…
เงาร่างของคนทั้งสองอยู่ในตำแหน่งสูงขึ้นไปสองเมตร เริ่มออกหมัดโจมตีกันไม่หยุด คุณต่อยผมสวน ในตอนนี้เย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันออกมาโดยไม่สงวนไว้เลยแม้แต่น้อย ในการรับมือกับขุนพลระดับทัพฟ้า ถ้าเขาไม่ใช้ความสามารถในขอบเขตจอมราชันออกมา ก็ไม่มีทางเอาชนะได้ ส่วนเปาเทียนหลงก็ไม่เก็บซ่อนพลังอีกต่อไป แสดงความสามารถของตนออกมาอีกครั้ง ใช้เคล็ดวิชาพลังภายในของเขาออกมา ทุกหมัดที่โจมตีออกไปรุนแรงจนทำให้อากาศสั่นสะเทือน จนกระทั่งตอนที่ทั้งสองตกลงมาสู่พื้นในเวลาเดียวกันก็ยังแลกหมัดกันไม่หยุด
ทุกคนที่อยู่ที่นี่มองจนตาค้างไปนานแล้ว ภาพการต่อสู้เช่นนี้ดุเดือดจริงๆ ตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นยอดฝีมือคนไหนที่ได้เห็นก็ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากความสามารถที่เย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงแสดงออกมาน่าตกใจจริงๆ
ปัง!
สองหมัดปะทะสองหมัด เย่เทียนเฉินและเปาเทียนหลงปะทะกันอย่างรุนแรงอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งสองคนถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกล เปาเทียนหลงกระเด็นถอยหลังไปสิบกว่าก้าวถึงจะหยุดร่างกายเอาไว้ได้ ส่วนเย่เทียนเฉินก็พลิกตัวกลางอากาศสี่ห้าตลบแล้วม้วนลงมายืนที่พื้นอย่างมาดเท่ แถมด้วยการโพสท่าครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงมองไปยังเปาเทียนหลงด้วยรอยยิ้ม ในการต่อสู้กับเปาเทียนหลงเมื่อสักครู่นี้ เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงพลังพิเศษของตนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะสัมผัสจุดสูงสุดของขอบเขตจอมราชันแล้ว ถึงแม้จางอีเต๋อจะพูดว่าบนโลกนี้ไม่มีเส้นทางแห่งการสำนึกถึงธรรมชาติ ไม่มีพลังธรรมชาติ แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่ยอมแพ้ เขายังพยายามทะลวงไปยังระดับจักรพรรดิอย่างเต็มที่ เนื่องจากเขาเข้าใจดีว่า หากมีวันหนึ่งที่ตนเองสามารถกลับไปยังดาวสิ้นโลกได้ ด้วยความสามารถในเขตจอมราชันในตอนนี้ย่อมไม่เพียงพออย่างแน่นอน
“มาเถอะ ตัดสินแพ้ชนะกัน!”
เปาเทียนหลงตะโกนออกมา มือเหยียดเป็นฝ่ามือแบขึ้นด้านบน แผ่นหินแผ่นใหญ่ลายสิบแผ่นที่อยู่รอบๆ เขาต่างก็ลอยขึ้นมา มีอำนาจมากจนทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง
………………