เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 250 วิกฤติครั้งใหญ่จากตระกูลเซวียนเยวี๋ยน
“ได้ยินหรือเปล่าเทียนเฉิน กินข้าวเสร็จก็ออกไปเดินรอบๆ กับหรูเสวี่ยนะ!” หลัวเยี่ยนจ้องลูกชายของตนแล้วเอ่ยปากขึ้น
ความจริงแล้วหลัวเยี่ยนเองก็รู้จักแยกแยะเป็นอย่างมาก ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและมีความสามารถ เธอย่อมมองออกว่าครั้งนี้ที่ฉีหรูเสวี่ยมาตระกูลเย่ ไม่เพียงแต่มาขอบคุณในสิ่งที่เธอเคยได้รับ แต่ยังมีความคิดอื่นอีกด้วย นั่นก็คืออยากที่จะจุดประกายความรักกับเย่เทียนเฉิน แม้แต่เย่เชี่ยนเหวินก็ยังมองออก หลัวเยี่ยนจะมองไม่ออกได้อย่างไร?
หลัวเยี่ยนหวังจริงๆ ว่าเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูกของตนจะแต่งงานให้เร็วเสียหน่อย ต่อให้ไม่ได้แต่งงานเร็วๆ ก็ควรมีแฟนสาวที่จะสามารถแต่งงานกันได้สักคนหนึ่งก็ยังดี จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก่อนหน้านี้ก็ไม่ทำให้พ่อแม่วางใจเลยจริงๆ ก่อเรื่องมากมาย วันๆ เอาแต่ทำตัวเรื่อยเฉื่อย ไม่ร่ำเรียนหนังสือ ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะเห็นเขารู้ความขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังคงสร้างเรื่องไม่หยุดหย่อน ถึงจะถูกแก้ไขไปได้แล้วแต่ก็ทำให้หลัวเยี่ยนและเย่หงรู้สึกกังวลมากขึ้นจริงๆ ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ ย่อมหวังให้ลูกๆ ของตนปลอดภัยสงบสุข ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้เย่เทียนเฉินแต่งงานให้เร็วเสียหน่อย หรือจะมีแฟนที่เป็นตัวเป็นตนก็ยังอยู่ในเหตุผลที่รับได้
ตอนนี้ฉีหรูเสวี่ยมาที่บ้านตระกูลเย่แล้ว ไม่ว่าเย่เทียนเฉินจะชอบหรือไม่ จะรักหรือไม่ ผู้อื่นเขาก็มาเป็นแขก ในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านจะต้องไปเป็นเพื่อนถึงจะถูก ดังนั้นหลัวเยี่ยนจึงพูดกับลูกชายด้วยความเคร่งขรึมจริงจัง
“รู้แล้วครับ ขอแค่เธอไม่กลัวว่าออกไปข้างนอกดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้ผมจะจับเธอไปขาย ก็ไปเดินเล่นกับเธอสักหน่อยก็แล้วกัน!” เย่เทียนเฉินพูดพลางหัวเราะชั่วร้าย
“นายยังไม่กลัวแล้วฉันจะกลัวอะไร…รอดูไปเถอะ!” ฉีหรูเสวี่ยทำแก้มป่องใส่เย่เทียนเฉินอย่างน่ารัก พูดขึ้นด้วยเจตนาท้าทายเต็มที่
“งั้นก็ดี อีกเดี๋ยวฉันจะพาเธอออกไปขาย!” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ พูดออกมาด้วยท่าทางเหมือนหมาป่าตัวหนึ่ง
“ใครจะขายใครก็ยังไม่แน่!” ฉีหรูเสวี่ยตอบด้วยท่าทางทะเล้น
ความจริงความประทับใจที่เย่เทียนเฉินมีต่อฉีหรูเสวี่ยก็ไม่เลวเลย ถึงแม้ทั้งสองจะเคยทะเลาะกันบ่อยๆ ดูแล้วเป็นน้ำกับไฟที่เข้ากันไม่ได้ แต่ความจริงความใจดีของฉีหรูเสวี่ย ความอ่อนโยน และฝีมือในการทำอาหารที่อร่อย อีกทั้งยังเป็นคนสวย มีรูปร่างน่าหลงใหล ก้นใหญ่ สิ่งเหล่านี้เย่เทียนเฉินต่างก็เห็นอยู่ในสายตา แต่ก็ยังวางตำแหน่งไว้ให้เป็นเพื่อนที่ดี เพียงแต่รู้สึกไม่อยากพูดถึงความรักระหว่างชายหญิงอยู่บ้าง
ก๊อกๆๆ!
ในตอนนี้เอง นอกประตูคฤหาสน์มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชะงักไป สองทุ่มแล้ว ปกติตระกูลเย่มีคนมาหาน้อยมาก เป็นใครที่มาเคาะประตูกัน?
การเคลื่อนไหวของเย่เชี่ยนเหวินว่องไวที่สุด หลังจากที่วางถ้วยวางตะเกียบลงก็วิ่งออกไปเปิดประตู ในตอนที่เธอเปิดประตูออกก็พบว่าบริเวณประตูไม่มีใครอยู่ มีเพียงจดหมายฉบับหนึ่งเท่านั้น ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า “ถึงเย่เทียนเฉิน”
เย่เชี่ยนเหวินหยิบจดหมายขึ้นมา รู้สึกแปลกใจมาก ยุคนี้แล้วยังมีใครส่งจดหมายอีก? ยิ่งไปกว่านั้นเอาจดหมายมาวางไว้หน้าประตูแล้วก็จากไป คนที่ส่งจดหมายจะสะเพร่าเกินไปหรือเปล่า? บนจดหมายเขียนว่าถึงพี่ชาย ถ้าไม่กลัวว่าพี่ชายจะโกรธ เย่เชี่ยนเหวินก็อยากจะเห็นจริงๆ ว่าด้านในเขียนอะไรเอาไว้ เป็นใครที่ส่งจดหมายลึกลับนี้มากันแน่
“เชี่ยนเหวิน ใครมาเหรอ?” หลัวเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ประตูคฤหาสน์แล้วเอ่ยถาม
“ไม่มีใคร มีแค่จดหมายฉบับเดียว!” เย่เชี่ยนเหวินปิดประตูคฤหาสน์ เดินกลับมาพลางพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เชี่ยนเหวิน เย่เทียนเฉิน หลัวเยี่ยนและฉีหรูเสวี่ยก็รู้สึกสงสัยและแปลกใจ วางตะเกียบและถ้วยลงแล้วพากันเดินมาที่ห้องโถง มองจดหมายสีขาวในมือของเย่เชี่ยนเหวิน เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว สัญชาตญาณบอกเขาว่า ผู้มาเยือนไม่ได้มาดี
“เทียนเฉิน ใครส่งจดหมายให้ลูกกัน?” หลัวเยี่ยนมองจดหมายฉบับนั้นแล้วเอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ในยุคปัจจุบันจะยังมีใครใช้จดหมายกันอยู่อีก แค่เรื่องที่มาส่งจดหมายตอนดึกๆ ดื่นๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้คนอื่นสงสัยได้แล้ว
เย่เทียนเฉินรับจดหมายมาจากในมือของเย่เชี่ยนเหวิน เขาเองก็สงสัยเช่นกัน ทันใดนั้นเอง เขาสัมผัสได้ถึงกระแสของพลังงานอันแปลกประหลาดจึงขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นจึงพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “แม่ครับ ผมขึ้นไปข้างบนนะครับ!”
“ของอะไรทำไมต้องขึ้นไปชั้นบน? เปิดอ่านตอนนี้ไม่ได้หรือ?” หลัวเยี่ยนไม่ได้ต้องการวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของลูกชาย แต่เธอรู้สึกเป็นห่วงจึงได้ถามแบบนี้ออกมา
“ฮี่ๆ จดหมายรักแบบนี้ไม่ใช่อะไรที่คุณแม่จะดูได้นะครับ!”
พูดจบเย่เทียนเฉินก็ไม่รอให้หลัวเยี่ยนเอ่ยปากอีกครั้ง รีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองและเข้าไปในห้องของตนก่อนจะปิดประตู ทำให้หลัวเยี่ยน เย่เชี่ยนเหวินและฉีหรูเสวี่ยที่อยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่งต่างรู้สึกแปลกใจมาก ดึกๆ ดื่นๆ ขนาดนี้ยังมีคนมาส่งจดหมายรัก อีกทั้งส่งเสร็จก็รีบหนีไป จะแปลกไปหรือเปล่า?
ทุกคนไม่รู้เลยว่า เย่เทียนเฉินที่เพิ่งจะเข้ามาที่ห้องของตน จะรีบกางเขตแดนปิดกั้นออกมาทันที ขอบเขตครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1-2 เมตรรอบตัวเท่านั้น เนื่องจากเย่เทียนเฉินรู้สึกได้ถึงพลังงานอันแข็งแกร่งที่ปะทุอยู่ในจดหมายฉบับนี้ หากระเบิดออกมาเกรงว่าคงจะระเบิดจนคฤหาสน์ทั้งหลังปลิวไปแน่นอน
จุดเด่นที่สุดของเขตแดนปิดกั้นก็คือ ไม่เพียงแต่จะสามารถปิดกั้นเสียงทั้งหมดได้ แต่ยังสามารถควบคุมขอบเขตของการระเบิดให้อยู่ในเขตแดนได้อีกด้วย แน่นอนว่าจะต้องไปถึงระดับเขตแดนที่แน่นอนเสียก่อนถึงจะสามารถควบคุมได้
ตอนนี้ภายในขอบเขตสองเมตร เย่เทียนเฉินได้กางเขตแดนปิดกั้นของตนเอาไว้แล้ว มือซ้ายถือจดหมาย ค่อยๆ ส่งพลังพิเศษแห่งการรับรู้เข้าไป เขารับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งสายหนึ่งกำลังไหลเวียนอยู่ ส่วนพลังนี้จะร้ายกาจมากขนาดไหนเขาเองก็ไม่รู้ แต่เขาไม่อาจทำให้แม่น้องและฉีหรูเสวี่ยต้องพบกับอันตราย ดังนั้นทันทีที่วิ่งเข้ามาในห้องของตนก็รีบล็อคประตูและกางเขตแดนปิดกั้นออกมา ต่อให้พลังงานอันมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ภายในจดหมายระเบิดออก ก็จะถูกเขาควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่แน่นอน ทำร้ายเขาได้แต่จะไม่ให้ทำร้ายครอบครัวอย่างเด็ดขาด
ผู้มาเยือนไม่ได้มาดีแน่นอน หากไม่ใช่ว่าพลังพิเศษแห่งการรับรู้ของตนแข็งแกร่งขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง จะไม่มีทางค้นพบอย่างแน่นอน ในจดหมายฉบับนี้มีพลังอันแข็งแกร่งซ่อนอยู่ คนธรรมดาอย่างแม่และน้องจะรู้ได้อย่างไร? เมื่อเปิดจดหมายออก จะต้องทำให้เกิดการระเบิดของพลังงานอันมหาศาลแน่ จากสิ่งที่เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ในตอนนี้ เกรงว่าคฤหาสถ์ทั้งหลังคงจะถูกระเบิดจนปลิว ถ้าหากว่าตนไม่อยู่ที่บ้าน และจดหมายถูกแม่และน้องเปิดออก ผลลัพธ์คงเลวร้ายไม่อาจจินตนาการ จะเป็นใครกันแน่ที่โหดเหี้ยมถึงขนาดนี้? เย่เทียนเฉินมีใจคิดจะฆ่าขึ้นมาแล้ว จะต้องกำจัดปัญหานี้ออกไปให้ได้
ใครก็คิดไม่ถึงว่า ในจดหมายเล็กๆ ฉบับหนึ่งจะอัดแน่นไปด้วยพลังงานอันมหาศาลแบบนี้ เย่เทียนเฉินระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากนี่เป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษอันสูงส่งลึกล้ำประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นการนำพลังพิเศษอันมหาศาลอัดแน่นให้เล็กเท่าเม็ดข้าว เล็กเท่าเม็ดข้าวจนไม่อาจเล็กไปกว่านี้ได้ เมื่อระเบิดออกมายังร้ายกาจยิ่งกว่าขีปนาวุธเป็นร้อยเท่า ก็เหมือนกับผู้แข็งแกร่งระดับเทพราชันในตำนานเล่าขาน ที่สามารถคว้าดาวเอาไว้ในมือได้ นี่ก็เป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งมากอย่างหนึ่ง
ฉัวะ!
เย่เทียนเฉินเปิดจดหมายสีขาวในมือซ้ายออกทันที พริบตานั้นพลังพิเศษอันมหาศาลฟุ้งกระจายออกมา กระทั่งเย่เทียนเฉินก็รู้สึกถึงอันตรายจึงรีบใช้โล่พลังพิเศษเบื้องหน้าของตนอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
เสียงที่เรียกได้ว่าดังลั่นสนั่นฟ้าดังขึ้น เพียงแต่ถูกเขตแดนปิดกั้นที่เย่เทียนเฉินใช้ควบคุมเอาไว้ มิเช่นนั้นเมื่อระเบิดออกมาและเย่เทียนเฉินประเมินพลังและวิธีการของมันต่ำเกินไป เกรงว่าคงไม่จบแค่คฤหาสน์ตระกูลเย่ของเขาถูกระเบิดจนปลิว ถูกระเบิดจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ แต่กระทั่งเขตคฤหาสน์ผืนนี้ก็คงกลายเป็นพื้นราบ ดูท่าคนที่มาส่งจดหมายคิดจะส่งคนตระกูลเย่ทุกคนไปขึ้นสวรรค์ในชั่วพริบตา โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก
ภายในเขตแดนปิดกั้น เสียงดังสนั่น โล่พลังพิเศษเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินถูกระเบิดจนแหลกสลาย เขาให้ความสำคัญกับพลังป้องกันมาโดยตลอด และลงทุนลงแรงกับเคล็ดวิชาโล่พลังพิเศษนี้ไปมาก นี่เป็นครั้งแรกที่โล่พลังพิเศษของเขาถูกคนอื่นทำให้แตกได้ จินตนาการได้เลยว่าพลังที่ระเบิดออกมาจากจดหมายน่าหวาดกลัวเพียงใด โล่พลังของเขาถึงกับแตกเป็นเสี่ยงๆ กระทั่งเขตแดนปิดกั้นก็เกือบจะพังทลาย ผู้ลงมือสามารถนำพลังพิเศษอันมหาศาลนี้อัดแน่นลงไปในจดหมายเล็กๆ ฉบับเดียวได้ วิธีการที่แข็งแกร่งขนาดนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกตื่นตะลึง ท่าทางอีกฝ่ายจะเป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ไม่อาจดูเบาได้
ตอนนี้เอง เบื้องหน้าของเย่เทียนเฉินมีตัวอักษรแถวหนึ่งปลิวออกมา ซึ่งเป็นตัวอักษรที่เขียนขึ้นจากพลังพิเศษ หลังจากที่ปรากฏขึ้นก็จะสลายไปในทันที แต่ก็มีเวลาเพียงพอที่จะทำให้ผู้รับมองเห็นอย่างชัดเจน
“เย่เทียนเฉิน แกฆ่าลูกหลานตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของฉัน ฉันก็จะให้ตระกูลเย่ทั้งตระกูลตายเป็นเพื่อน ไม่ให้เหลือแม้แต่ไก่สักตัว หากแต่ไม่ตายก็ดี ฉันจะให้แกได้เห็นคนใกล้ชิดของแกตายไปต่อหน้าต่อตาแกทีละคน!”
ท้าทาย คุกคามและข่มขู่ นี่คือสารท้ารบที่มาจากตระกูลเซวียนเยวี๋ยน เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการแก้แค้นของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะมาถึงรวดเร็วขนาดนี้ และคิดไม่ถึงว่าในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะมียอดฝีมือแบบนี้อยู่ เกรงว่านี่จะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบหลังจากที่มาเกิดใหม่ในโลกใบนี้ ดูจากวิธีการที่พลังพิเศษอันมหาศาลที่แฝงอยู่ในจดหมายระเบิดออกมาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้คนต้องตื่นตะลึงจนตาค้างแล้ว กระทั่งเย่เทียนเฉินเองก็ไม่กล้าดูเบาแม้แต่ครึ่งส่วน
“ตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ดูท่าฉันจะต้องเตรียมตัวให้เร็วสักหน่อยแล้ว!” เย่เทียนเฉินกำมือขวาเบาๆ ตัวอักษรเบื้องหน้าสลายไปหมดแล้ว ในสายตาของเขาปรากฏความโกรธราวเปลวเพลิงขึ้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเซวียนเยวี๋ยนที่ทรงอำนาจและกดดันผู้คนเช่นนี้ เย่เทียนเฉินไม่มีความกลัวอยู่เลย เขาเพียงกำลังคิดว่า จะกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอย่างไรภายใต้สถานการณ์ที่ต้องคุ้มครองคนในครอบครัว ผู้อื่นมาหาเรื่องถึงประตูแล้ว ถ้ายังไม่ลงมืออีกก็สายเกินไป
ก๊อกๆ!
ประตูห้องนอนมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงของแม่ “เทียนเฉิน อ่านจบหรือยัง รีบออกมาเถอะ ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนหรูเสวี่ยสักหน่อย!”
เย่เทียนเฉินรู้ว่าแม่เป็นห่วงตน บางทีที่ตนพูดว่าเป็นจดหมายรักอาจจะหลอกเย่เชี่ยนเหวินได้ แต่กลับไม่สามารถหลอกหลัวเยี่ยนที่ฉลาดเฉลียวได้ เขาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเย็นยะเยือก วันนี้หากไม่ใช่เพราะตนอยู่บ้าน ผลกระทบที่มีต่อแม่และน้องคงไม่อาจจินตนาการได้เลยจริงๆ
“พ่อแม่ เชี่ยนเหวิน ผมจะต้องคุ้มครองทุกคนให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้ามาคุกคามความปลอดภัยของทุกคน ผมจะต้องทำให้มันไม่มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์วันพรุ่งนี้อีก ในเมื่อสวรรค์มอบความโปรดปรานให้กับผมแล้ว ในเมื่อได้มีชีวิตใหม่แล้ว ถ้างั้นผมจะต้องคุ้มครองทุกสิ่งทุกอย่างที่มีในตอนนี้ ครอบครัวของผม มิตรสหายของผม ใครกล้ามาทำร้าย? ก็ต้องใช้ชีวิตเข้าแลก!” ในใจของเย่เทียนเฉินทำการตัดสินใจแล้ว จากนั้นจึงเดินไปที่ประตูห้อง
…………………..