เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 279 เบิกทาง
ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเตรียมจะออกสู่โลกเบื้องหน้าอีกครั้ง โดยมีสาเหตุอยู่สองประการ ประการแรกเพราะมีคนของพวกเขาอยู่ในระดับสูงของประเทศแล้ว สามารถคุ้มครองได้ ประการที่สอง เพราะตระกูลเซวียนเยวี๋ยนรู้สึกว่าความสามารถของตนเพิ่มขึ้นมาก จนถึงขั้นที่สามารถปรากฏตัวสู่โลกเบื้องหน้าได้แล้ว ถึงขั้นที่รัฐบาลไม่กล้าแตะต้องพวกเขาง่ายๆ อีก
สำหรับสาเหตุทั้งสองประการนี้เย่เทียนเฉินเชื่อว่าจะต้องมีเบื้องหลังแน่นอน เนื่องจากเขาเคยพบท่านผู้นำสูงสุดมาก่อน ถึงแม้วันนั้นทั้งสองจะพูดคุยกันอย่างสบายอารมณ์จนคล้ายกับลืมเลือนอายุไป แต่เย่เทียนเฉินมองออกว่าท่านผู้นำสูงสุดเป็นบุคคลที่จริงจังคนหนึ่ง และเป็นคนที่ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ต่อให้ไม่สามารถทำให้ข้าราชการทั้งหมดของประเทศใสสะอาดได้ แต่อย่างน้อยในหมู่บุคคลระดับสูงของประเทศก็ไม่มีคนเช่นนี้อยู่ เพราะนี่เกี่ยวพันถึงการพัฒนาของประเทศ กระทั่งเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย
“ตามที่ฉันรู้ ในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีคนที่มีความแข็งแกร่งเหนือระดับอยู่คนหนึ่ง บางทีความสามารถคงจะไม่เหนือไปกว่าฉัน ทุกคนต้องทำภารกิจอย่างระมัดระวังสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
จนถึงตอนนี้เย่เทียนเฉินยังจำคำพูดที่มือสังหารชุดดำของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนคนนั้นพูดกับตนเองได้ คนที่แข็งแกร่งอย่างมือสังหารชุดดำ เมื่ออยู่ในมือของขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนก็ยืนหยัดได้ไม่ถึงสามกระบวนท่า นี่ทำให้คนต้องตื่นตะลึงระดับไหนกัน จากการสำรวจของเย่เทียนเฉิน ขุนพลชั้นยอดของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนคนนี้อาจจะเก่งพอๆ กับตน หรือกระทั่งเหนือกว่าด้วยซ้ำ ดังนั้นการกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนในครั้งนี้ เย่เทียนเฉินก็ไม่มีความมั่นใจนัก กล่าวได้ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก นี่เป็นสงครามครั้งแรกของสิบสามจ้าวสวรรค์ หากคิดจะชนะคงยากแน่นอน
แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าหากไม่ยอมทำเพราะมันยาก คุณก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จไปตลอดกาล มัวแต่ระวาดระแวงไม่ใช่นิสัยของเย่เทียนเฉินโดยเด็ดขาด ต่อให้ครั้งนี้จะมีความยากมากเท่าไหร่ เขาก็จะกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยน สร้างชื่อเสียงในการต่อสู้ครั้งแรกของสิบสามจ้าวสวรรค์ให้ได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นการกำจัดอุปสรรคในภายภาคหน้าของตระกูลเย่ของตนไปตลอดกาล
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยก็ตกตะลึง ความสามารถในการต่อสู้ของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งมากเพียงใดพวกเขาต่างเคยสัมผัสมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นจากการคาดเดาของพวกเขา ในตอนที่ประมือกับพวกเขา เย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่ใหญ่ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ ความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา คนที่สามารถทำให้เย่เทียนเฉินประเมินค่าเช่นนี้ได้หาได้ยากมากจริงๆ ท่าทางยอดนักสู้ของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนคนนี้ อาจจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาก็เป็นได้
“หึ การต่อสู้ครั้งแรกของสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราจะต้องชนะแน่นอน ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอะไรกัน ตระกูลหมาบ้าบอ ต้องกำจัดให้หมด!” ทันใดนั้นมุมปากของหวังเจี๋ยปรากฏรอยยิ้มโหดเหี้ยมขึ้นมา คนคนนี้เดิมทีก็ชอบต่อสู้อยู่แล้ว
“ถูกต้อง การต่อสู้ครั้งแรกของสิบสามจ้าวสวรรค์ ไม่อนุญาตให้แพ้!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างแน่วแน่
เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อย การที่มีกลุ่มขุนพลสิบสามจ้าวสวรรค์นี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกดีใจมาก และอู๋เสวี่ยกับหวังเจี๋ยเป็นคนที่มีฝีมือสูงสุดในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์โดยไม่ต้องสงสัยเลย ทั้งยังมีหัวคิดมากที่สุดอีกด้วย จะต้องกลายเป็นขุนพลระดับสูงในกลุ่มลูกน้องของตนได้แน่นอน
“มีความมั่นใจก็ดีแล้ว วางใจเถอะ สงครามครั้งแรกของสิบสามจ้าวสวรรค์จะต้องชนะแน่นอน!” เย่เทียนเฉินเองก็จริงจังเป็นอย่างมาก ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความเชื่อมั่น
วันต่อมา ในตอนที่ฟ้าสว่าง เย่เทียนเฉินพาสิบสามจ้าวสวรรค์มาถึงทะเลสาบซือไห่ที่มีชื่อเสียงของมณฑลชวน เดิมทีเพราะนี่เป็นฤดูร้อน นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวทะเลซือไห่แห่งนี้ก็เยอะมากอยู่แล้ว พวกเย่เทียนเฉินมาถึงก็พบทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากลางวัน รอให้ถึงเวลากลางวันก่อนคงจะเยอะกว่านี้แน่นอน
“หวา นายดูรูปร่างของผู้หญิงคนนั้นสิ…”
“นายดูสิก้นของผู้หญิงคนนั้นงอนดีจริงๆ …”
“แย่แล้ว เลือดกำเดาจะไหลแล้ว ผู้หญิงคนนั้นสวมเสื้อซีทรู…”
“ชายหญิงในยุคนี้ใส่เสื้อผ้าได้กล้าหาญจริง ไม่ไหวแล้ว!”
พวกอู๋เสวี่ยเลือดลมพุ่งพล่าน ในตอนยังเป็นวัยรุ่นช่วงรุ่งโรจน์ ได้เห็นสาวงามมีส่วนเว้าส่วนโค้งสมบูรณ์แบบสวมชุดบิกินี่ไปทั่วทุกที่ จะไม่ให้ดวงตาเปล่งประกายได้อย่างไร ถ้าหากไม่มีความรู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยก็คงไม่ใช่ผู้ชายที่แท้จริงแล้ว
“พวกอันธพาล!” หลีเสี่ยวชิงมองพวกอู๋เสวี่ยอย่างเหยียดหยามแล้วกล่าวขึ้น
“อะไรล่ะ พวกเราเป็นผู้ชาย ชื่นชมผู้หญิงก็เป็นเรื่องปกติ!” อู๋เสวี่ยพูดกับหลีเสี่ยวชิงอย่างไร้ยางอาย
“ใช่แล้ว ผู้หญิงพวกนี้แต่งตัวเซ็กซี่ยั่วยวนขนาดนี้ ไม่ใช่เพื่อจะให้ผู้ชายอย่างพวกเรามองหรือไง? พวกเราใช้สายตาของผู้ชายคนหนึ่งชื่นชมผู้หญิง!” หวังเจี๋ยพูดขึ้นอย่างไร้ยางอาย
“ใช่แล้ว เธอไม่มีร่างกายดีๆ ก็อย่าห้ามให้ผู้หญิงคนอื่นเปิดเผยเรือนร่างของตัวเองจะดีกว่ามั้ง?” อู๋เสวี่ยพูดโจมตีหลีเสี่ยวชิง
“ช่างเถอะ พวกเราไปดูผู้หญิงสวยๆ กันเถอะ ยังไงซะตอนกลางวันก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ แล้วที่นี่ก็ไม่มีสาวสวยๆ ที่มีหุ่นสะบึมด้วย!” ในตอนที่หวังเจี๋ยพูดยังจงใจมองไปยังหลีเสี่ยวชิงอีกด้วย
“พวกแก…ไอ้พวกหื่นกาม!”
หลีเสี่ยวชิงโกรธจนทนไม่ไหว เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกจนใจ ในยามปกติเห็นว่าอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยต่างเป็นนักสู้ที่เคร่งขรึมจริงจัง ทำไมพอมาถึงสถานที่ที่มีผู้หญิงสวยๆ ถึงได้เปลี่ยนไปได้? หรือสัญชาตญาณดั้งเดิมจะกลับมาแล้ว? ทำให้เขารู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้จริงๆ แต่จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็คาดหวังในกองกำลังของตนมาก ไม่อยากให้ไร้ชีวิตชีวาแบบนั้น ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่สนุกเลยสักนิด พี่น้องกลุ่มหนึ่งก่อเรื่องสนุกสนานไปด้วยกัน มีความสุขบ้างเป็นบางครั้ง นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี จะอย่างไรเกิดเป็นคนก็ไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้น
“เอาล่ะ ทุกคนไปเล่นตามสบายเถอะ เที่ยงคืนของวันนี้เตรียมมารวมตัวกันที่นี่ด้วย!” เย่เทียนเฉินหันไปพูดกับทุกคน
คนอื่นๆ ต่างพากันแยกย้ายไปเล่น หลายคนไปซื้อชุดว่ายน้ำ ในที่แบบนี้ถ้าไม่สวมชุดว่ายน้ำก็จะถูกคนอื่นมองว่าไม่เข้าพวก เดิมทีที่นี่ก็เป็นทะเลจำลองซือไห่ หาดทรายก็กว้างใหญ่ ในเมื่อพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินออกคำสั่งมาแล้วว่าให้ทุกคนไปเล่นได้ ถ้างั้นก็เล่นได้ตามใจแล้ว
“พวกแกสองคนยังไม่ไปตีก้นหญิงงาม เสพสุขสักหน่อยล่ะ?” เย่เทียนเฉินเดินไปข้างหวังเจี๋ยและอู๋เสวี่ยพลางเอ่ยถามขึ้นมา
ตอนนี้เองอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยมีท่าทีจริงจังขึ้นมา ไม่มีท่าทางเหมือนอันธพาลเฉกเช่นเมื่อครู่นี้อยู่เลย พากันมองไปยังทางโค้งของทะเลซือไห่ที่อยู่ไม่ไกล จากที่เขียนไว้บนป้ายบอกทางบริเวณชายหาด หลังทางเลี้ยวมีเกาะทะเลทรายอยู่แห่งหนึ่ง หากข้อมูลที่พวกเย่เทียนเฉินได้รับรายงานมาไม่มีผิดพลาด ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนก็ควรจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่น
“พี่ใหญ่ ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่ที่เกาะทะเลทรายหลังทางเลี้ยวนั้นเหรอครับ?” อู๋เสวี่ยถามเสียงเบา
“เป็นไปได้มาก พวกเราควรจะต้องไปเบิกทางก่อนถึงจะถูก ไม่งั้นคืนนี้คงเคลื่อนไหวลำบาก!” หวังเจี๋ยเองก็พูดขึ้นเสียงเบาด้วยท่าทางจริงจัง
เย่เทียนเฉินพยักหน้า เขาก็มีความคิดเช่นนี้อยู่พอดี ต้องการให้คนไปตรวจสอบสถานการณ์บนเกาะทะเลทรายนั้นก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่บนนั้นหรือไม่ ที่สำคัญก็คือตำแหน่งที่แน่ชัดบนเกาะทะเลทรายของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน
จินตนาการได้เลยว่า ในเมื่อตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเก็บซ่อนตัวตนอยู่บนเกาะทะเลทรายภายในทะเลซือไห่ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้มากว่าจะมีมาตรการป้องกันที่แข็งแกร่ง สำหรับตระกูลที่ปิดซ่อนตัวตนเช่นนี้ หากจะบอกว่าด้านในมียอดฝีมืออยู่แค่ไม่กี่คนคงจะเป็นไปไม่ได้ ทั่วทั้งเกาะทะเลทรายคงจะมีบอดี้การ์ดชั้นยอดคุ้มครองอยู่ หากไม่ทำการสำรวจเส้นทางให้ชัดเจนแล้วบุ่มบ่ามเข้าไป ตอนที่ถูกพบขึ้นมาเกรงว่าคงจะทำให้ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนทั้งตระกูลแตกตื่นในทันทีแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นก็จะมียอดฝีมือปรากฏตัวออกมา เกรงว่าพวกเย่เทียนเฉินคงถูกบีบจนพ่ายแพ้แน่นอน
มีความกล้ามีแผนการจึงจะสามารถชนะศึก อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยล้วนเป็นคนมีความกล้าและมีแผนการ ในจุดนี้เป็นส่วนที่เย่เทียนเฉินชื่นชมมากที่สุด กองกำลังสิบสามจ้าวสวรรค์มีพวกเขาทั้งสองเป็นผู้นำ ตนก็วางใจลงมาก
“ถ้างั้นพวกแกสองคนก็ไปด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องระวังให้มาก อยากได้แหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด!” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากกล่าว
“ครับพี่ใหญ่!” อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยตอบรับอย่างจริงจังพร้อมกัน
หลังจากกำชับเวลาดีแล้ว อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยจะไปสำรวจสถานการณ์ ส่วนเย่เทียนเฉินก็ไปซื้อชุดว่ายน้ำอย่างสบายอารมณ์ จากนั้นจึงหาสถานที่ที่ไม่มีคน นอนเอนตัวบนเก้าอี้ชายหาด อาบแดดอย่างสุขอุรา ดื่มเหล้าเย็นชื่นใจ มองชายหญิงที่เล่นสนุกกันอยู่บนชายหาด
ตอนนี้เอง หญิงน่ารักคนหนึ่งเดินมาข้างกายเย่เทียนเฉินแล้วนั่งลงเบาๆ ริมฝีปากเรียวบางเอ่ยขึ้นว่า “พี่ชาย พวกเราดื่มด้วยกันสักแก้วเป็นยังไง?”
เย่เทียนเฉินมองไปยังหญิงน่ารักตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จากนั้นจึงพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “หวา เสี่ยวชิง หุ่นแบบนี้เกรงว่าจะดีที่สุดในหมู่ผู้หญิงบนชายหาดแล้ว!”
หลีเสี่ยวชิงสวมชุดว่ายน้ำวันพีซตัวหนึ่ง เผยผิวงดงามสมบูรณ์แบบและรูปร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งออกมาทั้งหมด เดิมทีใบหน้าของหลีเสี่ยวชิงก็สวยมากอยู่แล้ว หุ่นก็ค่อนข้างดี เพียงแต่ว่าไม่เคยมีใครเห็นตอนที่เธอใส่ชุดเปิดเผยเรือนร่างแบบนี้มาก่อนว่ามีรูปร่างแบบไหน โดยเฉพาะอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยที่เยาะเย้ยรูปร่างของหลีเสี่ยวชิง เห็นได้ชัดว่าทำให้ผู้หญิงคนนี้โกรธเข้าเสียแล้ว จึงทำแบบนี้ออกมา
“หึ อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยล่ะ ฉันต้องการให้พวกเขาได้เห็นว่าหุ่นของฉันเป็นยังไง!” หลีเสี่ยวชิงแค่นเสียงเย็นอย่างน่ารักแบบผู้หญิงแล้วพูดขึ้นมา
“ฮ่าๆ ใจเย็นๆ นั่งเถอะ อย่าไปโกรธสองคนนั่นเลย!” เย่เทียนเฉินหัวเราะฮี่ๆ แล้วพูดขึ้น
ในตอนนี้บริเวณไม่ไกลมีสาวผมทองคนหนึ่งจับจ้องเย่เทียนเฉินที่นอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาดอยู่ตลอด ดูเหมือนว่ากำลังจับตามองเย่เทียนเฉิน ไม่สนใจชายข้างกายที่เข้ามาทักทายเลยสักนิด
สาวผมทองมีความเย้ายวนมาก ไม่เพียงแต่จะสวย รูปร่างก็สมบูรณ์แบบมากด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปหน้าที่เหมือนกับดาราสาวชาวต่างชาติ และใบหน้าที่ราวกับนางฟ้า กลายเป็นจุดศูนย์รวมสายตาของผู้ชายจำนวนมากบนชายหาดไปโดยปริยาย
สาวผมทองคนนี้ก็คืออลิซที่ลอบติดตามเย่เทียนเฉินมาจากประเทศ M จนมาถึงประเทศจีน อลิซเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M ตอนนั้นเย่เทียนเฉินไปก่อเรื่องที่วอชิงตัน ต้องการให้โฮบาม่าเลี้ยงข้าว เกือบจะบุกเข้าไปในทำเนียบขาวอยู่แล้ว ทำให้โฮบาม่าโกรธจนไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่อาจกล้ำกลืนความโกรธนี้ลงไปได้ เขาเป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศ M ที่สง่าผ่าเผย แต่ไหนแต่ไรมีแต่ประเทศ M ที่ไปรังแกประเทศอื่น มีประเทศอื่นมารังแกประเทศ M ของเขาได้เมื่อไหร่กัน? นี่คือความอัปยศอดสูของโฮบาม่าและประเทศ M ดังนั้นโฮบาม่าจึงสั่งให้อลิซลอบติดตามเย่เทียนเฉิน จะต้องตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเย่เทียนเฉินให้กระจ่างชัด และหาโอกาสกำจัดเขาให้ได้
……………