เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 290 พวกแกสองคนเป็นเกย์
เถี่ยเป้าเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือระดับแห่งพรรควรยุทธโบราณคนหนึ่ง เคยทำการต่อสู้ครั้งใหญ่กับอาชูร่าเมื่อสิบปีก่อนแต่ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะ เป็นคนคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากและทำให้เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงอันตราย เนื่องจากการต่อสู้กับอาชูร่าทำให้แขนทั้งสองของเย่เทียนเฉินได้รับความเสียหาย ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่หายดีก็ต้องมาต่อสู้กับเถี่ยเป้าอีกครั้ง ไม่กล่าวไม่ได้ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก
เพียงแค่ประลองกันก็แสดงความโดดเด่นออกมาแล้ว เย่เทียนเฉินสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเถี่ยเป้า เดิมทีเขาคาดเดาว่า ความสามารถของเถี่ยเป้าควรจะอยู่ในระดับสูงสุดของขอบเขตราชันนักรบ ยอดฝีมือในหมู่พรรควรยุทธโบราณที่มาถึงขอบเขตราชันนักรบได้ ความสามารถของเขาก็จะไม่ด้อยไปกว่าผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันเลย มิน่าล่ะเถี่ยเป้าถึงต่อสู้กับอาชูร่าโดยที่ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้
ตู้ม!
หมัด ดูเหมือนว่าเถี่ยเป้าจะไม่มีอาวุธอื่นอีก มีแต่หมัดเท่านั้น แต่หมัดของเขาคืออาวุธที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงที่สุด ทุกหมัดที่ต่อยออกไปต่างก็แฝงไปด้วยการปะทุของพลังภายในอันมหาศาล ราวกับหมาป่าที่หิวโหย ราวกับเสือร้ายลงภูเขา ราวกับนกกระเรียนสยายปีก นี่ไม่ใช่มวยสิงอี้ของอู๋เสวี่ย แต่เป็นจินตภาพที่ปรากฏออกมาผ่านพลังภายในที่แข็งแกร่งของเถี่ยเป้า ทั้งหมดมุ่งสังหารเย่เทียนเฉิน
ตู้ม!
ตู้ม!
ตู้ม!
เสียงดังขึ้นสามครั้ง เย่เทียนเฉินหลบหมัดทั้งสามของเถี่ยเป้าด้วยสภาพน่าอนาถอยู่บ้าง ไม่กล่าวไม่ได้ว่าความสามารถของเถี่ยเป้าแข็งแกร่งมากจริงๆ ตอนแรกเขาบอกว่าเคยสู้กับอาชูร่าเมื่อสิบปีก่อนโดยที่ไม่รู้แพ้รู้ชนะ จะมากจะน้อยก็ทำให้เย่เทียนเฉินไม่ค่อยเชื่อ ตอนนี้กลับสลัดความสงสัยทิ้งไปโดยสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งที่เถี่ยเป้าแสดงออกมาทั้งหมด จากการที่เย่เทียนเฉินประเมินความสามารถของอาชูร่า ต่อให้ทั้งสองคนต่อสู้กันอีกครั้งก็เกรงว่าคงยากที่จะรู้แพ้รู้ชนะ คงเป็นการปะทะกันของพลังอันแข็งแกร่งอย่างดุเดือดรุนแรงแน่นอน
แขนทั้งสองได้รับบาดเจ็บจากตอนที่สู้กับอาชูร่าไปแล้ว เย่เทียนเฉินไม่สามารถใช้ความสามารถขั้นสูงของพลังพิเศษขอบเขตจอมราชันออกมาได้ และไม่อาจใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้ ร่างกายนี้มีข้อจำกัดมากเกินไป ทั้งยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ในตอนที่สู้กับอาชูร่าก็ได้รับความเสียหายอีกด้วย ตอนนี้หากฝืนกระตุ้นพลังพิเศษที่มือ เย่เทียนเฉินก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสในทันที แขนทั้งสองมีความรู้สึกเหมือนจะระเบิดออกมา ถึงแม้จะรู้ว่าร่างกายนี้ไม่แข็งแกร่งมากพอ ยังต้องการการฝึกฝนบ่มเพาะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะสาหัสถึงขั้นนี้ได้ ตอนนี้เป็นไปได้มากกว่าจะกลายเป็นอาการบาดเจ็บที่สาหัสถึงชีวิตของตนก็เป็นได้
หมัดทั้งสามของเถี่ยเป้าต่อยพลาด หมัดหนึ่งซัดลงสู่พื้นราวกับหมาป่าหิวโหย ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้นขึ้น อีกหมัดหนึ่งซัดถูกเครื่องจักรตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ถึงกับทำให้เครื่องจักรที่หนักหลายตันยุบลง ที่ร้ายกาจที่สุดก็คือหมัดที่สามซึ่งหมัดนี้ซัดถูกเสาเหล็กต้นใหญ่ที่อยู่หลังเย่เทียนเฉิน ถึงกับทำให้มันทะลุเลยทีเดียว ต้องทราบว่านี่เป็นเสาเหล็กกล้าที่ใช้คนหนึ่งคนถึงจะสามารถโอบรอบได้ แต่ด้านในเป็นแบบตัน ท่ามกลางโรงงานรกร้างแห่งนี้ อย่างน้อยก็มีเสาเหล็กแบบนี้อยู่หลายสิบต้น คอยค้ำยันโครงสร้างที่สำคัญของห้องโรงงานรกร้างนี้เอาไว้
“ถ้าหากแกมีดีแค่หลบ งั้นวันนี้แกจะต้องตายแน่นอน!” เถี่ยเป้ามองเย่เทียนเฉินอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น
“ความสามารถในขอบเขตนักรบราชัน ยังฆ่าฉันไม่ได้หรอก!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
จนถึงตอนนี้ความรู้สึกที่เถี่ยเป้ามีต่อเย่เทียนเฉินก็คือ เผชิญหน้ากับความตายแล้วยังปากแข็งอยู่อีก ยังจะมัวพูดจาใหญ่โตอยู่อีก ความสามารถในขอบเขตนักรบราชันฆ่าเขาไม่ได้งั้นหรือ? ชัดเจนแล้วว่านี่ทำให้เถี่ยเป้าไม่เชื่อ กระทั่งต้องการจะหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ ต้องทราบว่าในโลกปัจจุบันแห่งนี้ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมกับการบ่มเพาะนานแล้ว ผู้มีพลังพิเศษที่สามารถไปถึงขอบเขตจอมราชันได้ ยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณที่สามารถไปถึงขอบเขตนักรบราชันได้ คนเหล่านี้มีจำนวนน้อยมาก ด้วยความสามารถในขอบเขตนักรบราชันในตอนนี้ของเถี่ยเป้า แม้จะไม่นับว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พรรควรยุทธโบราณ แต่ก็เกรงว่าคงยากที่จะหาคู่ต่อสู้ออกมาได้ เย่เทียนเฉินถึงกับบอกว่าตนเองที่มีขอบเขตพลังในระดับนักรบราชันฆ่าเขาไม่ได้ เถี่ยเป้ารู้สึกทั้งโกรธทั้งขำ
“ฉันจะให้แกเห็นตัวเองตาย ดูซิว่าตอนนั้นแกยังจะปากแข็งอีกหรือเปล่า!” เถี่ยเป้ากำหมัดแน่นแล้วพูดออกมา
เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อย ถึงแม้มุมปากจะกล่าวออกมาอย่างผ่อนคลาย แต่ในใจกลับไม่ได้ผ่อนคลายไปด้วย เพราะมือทั้งสองที่ได้รับบาดเจ็บ หากต้องการที่จะใช้ความสามารถพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันระดับสูงสุดออกมาก็เป็นเรื่องยากมาก ถ้าหากฝืนใช้ออกไป เกรงว่าแขนทั้งสองของเขาคงจะพิการแน่นอน ไม่อาจใช้งานได้ตลอดไป ถ้าเช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่โคตรเศร้า
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความสามารถที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ของเถี่ยเป้าซึ่งฝีมือในขอบเขตนักรบราชัน เย่เทียนเฉินรู้ว่าหากต้องการที่จะเอาชนะเถี่ยเป้า ถ้าไม่ดวลกันซึ่งๆ หน้าคงเป็นไปไม่ได้ ช่างลำบากใจจริงๆ และเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายขั้นเป็นตาย แต่กลับเป็นอันตรายถึงขั้นเป็นตายที่ไม่สามารถถอยได้
“ย่ะ!”
เสียงตะโกนดังขึ้น แขนทั้งสองข้างของเถี่ยเป้ามีประกายเรืองรองปะทุออกมา นั่นเป็นภาพที่ต้องกระตุ้นลมปราณออกมาจนถึงขั้นสุดยอดถึงจะปะทุพลังเช่นนี้ออกมาได้ ในโรงงานรกร้างทั้งหลัง มีลมบ้าคลั่งเกิดขึ้น ชิ้นส่วนของเครื่องจักรจำนวนหนึ่งรวมถึงเครื่องจักรอันใหญ่โตต่างสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าเถี่ยเป้าโกรธเข้าแล้ว ลงมือเต็มที่แล้ว ต้องการที่จะฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด
“เป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ !” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
ความสามารถของเถี่ยเป้าไม่ใช่เพียงลมปาก แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ในตอนที่ระเบิดความโกรธและเริ่มลงมือ เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจอย่างตกตะลึง แข็งแกร่งเหลือเกิน ตอนนี้พบว่าแขนทั้งสองข้างของเถี่ยเป้าเคลื่อนไหววาดเป็นรูปแผนภาพไทเก๊กอันใหญ่โตออกมา เดิมทีไทเก๊กนั้นใช้หลักอ่อนชนะแข็ง เป็นพลังสายอ่อน ทว่าเมื่อถูกวาดออกมาจากมือของเถี่ยเป้ากลับเต็มไปด้วยไอสังหารและความดุดัน ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้าน
ซู่ม!
ไม่มีการหยุดเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เถี่ยเป้าวาดแผนภาพไทเก็กแปดทิศอันใหญ่โตออกมาแล้ว ก็ใช้มือทั้งสองผลักออกไปด้านหน้าอย่างแรง มุ่งสังหารไปยังเย่เทียนเฉิน ระหว่างทางที่พุ่งออกไป ไม่ต้องพูดถึงชิ้นส่วนเครื่องจักรเล็กๆ เลย ต่อให้เป็นเครื่องจักรชิ้นใหญ่ที่หนักหลายตันก็ยังถูกซัดจนปลิวและพุ่งเข้าหาเย่เทียนเฉินไปพร้อมกัน
ภายในโรงงานอันรกร้างเต็มไปด้วยไอสังหารที่ปะทุออกมาจากเถี่ยเป้า ทั้งบ้าคลั่งและมหาศาล อากาศถูกฉีกขาด เครื่องจักรที่เสียหายทั้งหมดต่างสั่นสะท้าน ถูกกวาดไปด้วยกันจนกลายเป็นอาวุธอย่างหนึ่ง พุ่งไปพร้อมกับแผนภาพไทเก๊กแปดทิศเพื่อมุ่งสังหารเย่เทียนเฉิน
เดิมทีก็ไม่มีทางให้ถอยอยู่แล้ว และไม่มีทางให้หนี เย่เทียนเฉินอดกลั้นความเจ็บปวดอันมหาศาลเอาไว้ สยายมือขวาเป็นฝ่ามือพลางขมวดคิ้ว ในมือขวามีประกายแสงสายฟ้าส่องออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าโจมตีอันแข็งแกร่งเช่นนี้ และยังมีชิ้นส่วนเครื่องจักรชิ้นใหญ่ที่แปรเปลี่ยนไปเป็นอาวุธสังหารอันรุนแรง หากเย่เทียนเฉินยังไม่ลงมืออีกก็ทำได้แค่รอความตายแล้ว
เขาไม่สนใจความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนมือขวาเกือบจะระเบิดออกมา เย่เทียนเฉินใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษธาตุสายฟ้า ในมือขวาและมือซ้ายมีดาบสายฟ้าเล่มใหญ่ปรากฏออกมาเล่มหนึ่ง ฟาดฟันออกไปในแนวขวาง ในอากาศบริเวณโรงงานรกร้างเต็มไปด้วยพลังสายฟ้า เข้าปะทะกับพลังภายในอันแข็งแกร่งที่เถี่ยเป้าปล่อยออกมาด้วยความรวดเร็ว
“ดาบสายฟ้า!”
เย่เทียนเฉินตะโกนออกมา มือขวาฟาดฟันดาบออกไปสุดแรง ถึงกับสามารถฟันแผนภาพไทเก็กแปดทิศที่เถี่ยเป้าปล่อยออกมาจนแยกเป็นสองส่วนได้ ในขณะเดียวกันเขาก็พุ่งเข้าไปหาเถี่ยเป้า
เถี่ยเป้าตกใจจนหน้าซีดคิดไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาสังหารที่รุนแรงของตนจะถูกเย่เทียนเฉินทำลาย เขากำหมัดทั้งสองแน่น พุ่งเข้าไปสู้เช่นเดียวกัน
ทั้งสองปะทะกัน ฆ่าฟันกันอย่างรุนแรง หลังจากเสียงหนึ่งดังสนั่น ภายในโรงงานรกร้างก็เต็มไปด้วยฝุ่นควัน เย่เทียนเฉินถูกโจมตีจนปลิวออกไปไกลห้าเมตรแล้วตกลงสู่พื้นอย่างแรง บนมือขวาเต็มไปด้วยเลือด น่าอนาถแทบดูไม่ได้ สวนเถี่ยเป้าเองก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไป บริเวณหน้าอกด้านซ้ายถึงกับมีดาบสายฟ้าปักอยู่เล่มหนึ่ง มีเลือดสดๆ ไหลออกมา ดูแล้วน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
อั่ก!
เย่เทียนเฉินดิ้นรนพยายามลุกขึ้นยืน มุมปากอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาครั้งหนึ่ง หลังจากที่เขาสู้กับอาชูร่าเสร็จก็ต้องมาสู้กับเถี่ยเป้าที่มีพลังขอบเขตนักรบราชันทันที ต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็ต่อต้านไม่ได้ รวมกับที่ฝืนสู้โดยไม่สนใจความสามารถของร่างกาย ใช้พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันออกมาอีกครั้ง ตอนนี้ไม่เพียงแต่มือขวาของเขาที่อาจจะเสียหายหนัก กระทั่งอวัยวะภายในก็ถูกโจมตีอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าบาดเจ็บขนาดไหน
ตอนนี้เองเถี่ยเป้าพยายามลุกขึ้นยืนจากพื้น มือขวากุมหน้าอกด้านซ้ายของตนเอาไว้ เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บหนักเหมือนกัน ในดวงตามองไปยังเย่เทียนเฉินด้วยความตื่นตะลึงและความโกรธ เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินที่สู้กับอาชูร่าและได้รับบาดเจ็บมาแล้ว จะยังสามารถสู้กับตนเองได้อีก และทำให้เขาเถี่ยเป้าได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
“อายุเท่าแกก็สามารถแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้ หาได้ยากจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่แกจะต้องตาย!” เถี่ยเป้าเดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉินแล้วกัดฟันพูด ดาบสายฟ้าที่ปักอยู่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายของเขาเลือนหายไปแล้ว เหลือเพียงรอยเลือดจำนวนมากที่ยังไหลออกมาไม่หยุด เถี่ยเป้ากลับไม่สนใจ เขาต้องการจะฆ่าเย่เทียนเฉินเพื่อระบายความโกรธเกลียดในใจของเขา
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่เถี่ยเป้ายกมือขึ้นเตรียมจะออกกระบวนท่าสังหารอีกครั้ง และดูเหมือนว่าเย่เทียนเฉินจะไม่มีแรงที่จะตอบโต้แล้วนั้น จะมีเงาร่างเงาหนึ่งพุ่งลงมาจากบนหลังคาของโรงงานรกร้าง เกิดประกายแสงขึ้น เถี่ยเป้าถูกฟันจนขาดเป็นสองท่อน ทั้งโหดร้ายและรุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้คนที่ได้เห็นอดไม่ได้จะสั่นสะท้าน เย็นยะเยือกไปถึงจิตวิญญาณ
ฮ่าๆ แกก็คือเย่เทียนเฉินงั้นเหรอ? ฉันไม่ยอมให้คนอื่นฆ่าแกหรอก เพราะคุณชายใหญ่มีคำสั่งลงมา ให้ตัดแขนขวาของแกกลับไปก่อน!”
“คุณชายใหญ่? คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเหรอ?” เย่เทียนเฉินขมวดคิ้วถาม
ตอนนี้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ซึ่งกระโดดลงมาจากด้านบนโรงงานรกร้างอย่างกะทันหัน ในมือขวามีดาบอยู่เล่มหนึ่ง เขาเป็นคนที่ฟันเถี่ยเป้าจนขาดเป็นสองท่อน เขาก็คือเสวี่ยโม่เจียว ลูกน้องที่คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงส่งมา เขาเป็นคนหลังค่อมเหมือนกับคนชรา หน้าตาอัปลักษณ์ แต่เมื่อได้ยินเสียงของเขาก็รู้ว่าอายุไม่มาก อย่างมากก็ไม่เกินสี่สิบปี ดาบในมือขวาของเขาอาบยอมไปด้วยเลือดของเถี่ยเป้า และยังคงหยดลงมาไม่หยุด
“ถูกต้อง ถ้าคุณชายใหญ่ไม่ยอมให้แกตายก็ไม่มีใครกล้ามาทำให้แกตาย!” เสียงของเสวี่ยโม่เจียวแปลกมาก ให้ความรู้สึกไม่ชัดเจน
“งั้นเหรอ? เขาทนไม่ไหวถึงได้ลงมือแล้ว ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่?” เย่เทียนเฉินต้องการพบคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงผู้ลึกลับคนนี้มาโดยตลอด และเรียกได้ว่าต้องการที่จะฆ่า คนคนนี้แข็งแกร่งเกินไปและอันตรายมากเกินไป ไม่กำจัดไม่ได้
“ซูด…รสชาติของเลือดนี้ไม่เลวเลย ฉันไม่ได้ดื่มเลือดคนมานานแล้ว…”
เสวี่ยโม่เจียวใช้ลิ้นเลียลงไปที่เลือดบนคมดาบ แล้วกลืนลงไป มีท่าทางโหดเหี้ยมวิปริต และสามารถเห็นความอำมหิตได้ส่วนหนึ่ง ความโหดเหี้ยมและความสามารถของคนคนนี้เหนือกว่าเถี่ยเป้าเสียอีก เย่เทียนเฉินที่บาดเจ็บจนมีสภาพแบบนี้แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าเสวี่ยโม่เจียวก็ดูเหมือนว่าจะต้องตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย
…………….