เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 320 เดิมพันกับจางหลาน
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน สาวงามผู้แปลกประหลาดที่เดิมทีเดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วโดยไม่สนใจอันธพาลเบื้องหน้าคนนี้เลยแม้แต่น้อย ถึงแม้จะเป็นคนที่มีฝีมือไม่เลวและหน้าตาดีแต่ก็ไม่สามารถทำให้ความกระตือรือร้นในใจของสาวงามผู้แปลกประหลาดนี้สงบลงได้ เธอต้องการไปช่วยญาติผู้พี่ของตนออกมาให้เร็ว
เพียงแต่เมื่อได้ยินเย่เทียนเฉินตะโกนเรียกชื่อตนเองออกมา สาวงามผู้แปลกประหลาดก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลง หมุนตัวไปมองเย่เทียนเฉินด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นมุมปากอันเซ็กซี่ยังยกขึ้นเล็กน้อย ประดับไปด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์และความน่ารัก
“เธอกำลังคิดว่าฉันรู้ชื่อของเธอได้ยังไงใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่อยากรู้หรอก สถานที่แห่งนี้นายยังกล้ามาล้อเล่นอีก เดี๋ยวจะตายเอาได้!” สาวงามผู้แปลกประหลาดทำหน้าทะเล้นใส่เย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“งั้นเหรอ? เธออยากจะช่วยหานเจี๋ยที่เป็นญาติผู้พี่ของเธอ ถ้าหากไม่ร่วมมือกับฉันเกรงว่าจะทำไม่ได้!” เย่เทียนเฉินยักไหล่พูด
“ดูท่าทางความสัมพันธ์ระหว่างนายกับญาติผู้พี่ของฉันจะไม่เลวเลย นายควรจะเป็นเย่เทียนเฉินที่เธอชอบพวกถึงต่อหน้าฉันบ่อยๆ ละมั้ง?” สาวงามผู้แปลกประหลาดมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
“จนปัญญาจริงๆ นี่เป็นสาเหตุของเสน่ห์ส่วนบุคคล จางหลาน ฉันเองก็ต้องการช่วยหานเจี๋ยมาก ดังนั้นฉันหวังว่าจะสามารถร่วมมือกันได้!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
สาวงามผู้แปลกประหลาดคนนี้ชื่อว่าจางหลาน เป็นญาติผู้น้องของหานเจี๋ย เมื่อพูดถึงตรงนี้ก็ไม่อาจไม่พูดว่า ความทรงจำของเย่เทียนเฉินดีมาก บางทีอาจจะเรียกได้ว่าความทรงจำสำหรับสาวงามและคำพูดของสาวงามจะดีมากเป็นพิเศษ เขาเคยได้ยินหานเจี๋ยพูดขึ้นโดยบังเอิญครั้งหนึ่ง บอกว่าเธอมีญาติผู้น้องอยู่คนหนึ่งชื่อว่าจางหลาน เคยเป็นหัวหน้าหน่วยสวาทหญิง ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ ไม่เพียงแต่จะหน้าตาน่ารักงดงามแต่ยังมีความเป็นวีรสตรีอยู่ด้วย หลายครั้งที่ต้องพบกับความไม่ยุติธรรมและจัดการคนเลวไปไม่น้อย
จินตนาการได้เลยว่า สาวงามอายุยี่สิบปีคนหนึ่งสามารถเป็นหน่วยสวาทได้ อีกทั้งยังกลายเป็นหัวหน้าหน่วยสวาทหญิงอีกด้วย สำหรับทั่วทั้งประเทศจีนแล้วเกรงว่านี่จะเป็นครั้งแรก แต่จางหลานไม่เพียงแต่หน้าตางดงาม แต่ยังมีฝีมือและความสามารถแบบนี้อีกด้วย ไม่ใช่แค่ผู้หญิงประเภทไม้ประดับพวกนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกนับถือยิ่งขึ้น
เย่เทียนเฉินตั้งชื่อให้จางหลานในใจว่า “สาวแปลก” ความจริงชื่อนี้ไม่ได้ตั้งผิด ด้วยนิสัยของจางหลานที่ชอบพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าและเป็นผู้หญิงที่ไม่เลวคนหนึ่ง มีหน้าตาสวยงามแต่กลับไม่ใช่พวกดอกไม้ประดับงดงามที่ทำอะไรไม่เป็น มีความเด็ดเดี่ยวมาก ถ้าใช้คำพูดของเธอมาพูดนั่นก็คือผู้หญิงควรจะมีงานเป็นของตัวเอง อาศัยอะไรถึงไปพึ่งพาผู้ชายทั้งหมด? ตนเองทำให้ตนเอง ตนเองยืนหยัดเพื่อตนเอง แข็งแกร่งให้ได้ถึงจะเป็นการดีที่สุด
เมื่อปีนั้นสิ่งที่ทำให้หานเจี๋ยคิดไม่ถึงมากที่สุดก็คือ จางหลานญาติผู้น้องซึ่งมีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยสวาทหญิง มีอนาคตส่องสว่าง เป็นไปได้มากว่าจะสามารถเข้าร่วมการจัดการกองทัพได้นั้น จะเลือกลาออกไม่ทำแล้วและไม่สนใจเสียงคัดค้านของคนในครอบครัว ไม่สนใจการฉุดรั้งของหัวหน้าระดับสูง ลาออกจากหน่วยสวาทและกลับไปที่เมืองหลวงแล้วไปทำงานในบริษัทที่ทำเกี่ยวกับผ้าเช็ดหน้าฆ่าเชื้อ
หลายปีมานี้ถึงแม้จางหลานจะเป็นผู้หญิงทำงานที่ไปทำงานธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไม่มีอะไรแตกต่าง แต่ข้อดีที่เธอชอบพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้า มีนิสัยแปลกประหลาด และทนรับความไม่ยุติธรรมไม่ได้ ในที่สุดก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ขอเพียงเห็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมเธอก็จะลงมือ โสดมาหลายปี ไม่ใช่ว่าเธอไม่สวย ไม่ใช่ว่าเธอไม่ยอดเยี่ยม แต่เป็นเพราะเธอยอดเยี่ยม ต้องการความสามารถก็มี ต้องความความสวยก็มี ต้องการฝีมือก็มี ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบแบบนี้มีผู้ชายน้อยมากที่จะกล้าลงมือจีบ และไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายธรรมดาทั่วไปจะเหมาะสม
“ร่วมมือ? ร่วมมือยังไง? หรือว่านายจะให้ฉันช่วย?”
จางหลานไม่ใช่คนที่หาเรื่องได้ง่ายๆ มีความเป็นเอกลักษณ์มาก ผู้ชายธรรมดาทนไม่ไหวจริงๆ แน่นอนว่าเย่เทียนเฉินไม่ใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน มีนิสัยที่เป็นอันธพาลและเทพแห่งความตายทั้งสองด้าน ในตอนที่หยอกล้อก็ดูเหมือนอันธพาลอย่างมาก
“ใครช่วยใครก็ยังไม่แน่ถ้า ยังงั้นมาดูกันว่าเธอจะหาญาติของเธอเจอก่อนหรือว่าฉันจะหาเจอก่อน!” เย่เทียนเฉินแสร้งทำเป็นพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“ถ้ายังงั้นจะบอกว่านายต้องการเดิมพันกับฉันเหรอ?” จางหลานมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างซุกซนแล้วถามขึ้น
เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะชะงักไป ผู้หญิงสวยคนนี้แปลกมากจริงๆ แต่ในแต่ไรมีแต่เขาเย่เทียนเฉินที่เชื้อเชิญให้คนอื่นมาเดิมพันด้วย วันนี้ถึงกับมีสาวงามคนหนึ่งต้องการเดิมพันกับเขาด้วยตัวเอง เขาเย่เทียนเฉินจะยอมรับสิ่งนี้รึไง?
ความประทับใจที่เย่เทียนเฉินมีต่อจางหลานไม่เลวเลยจริงๆ ในสังคมปัจจุบันนี้ยากที่จะหาผู้หญิงที่ทั้งสวยและมีความสามารถแบบนี้ได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือความสวยงามความสามารถและฝีมืออันไม่ธรรมดาของจางหลานแม้ดูแปลกไปบ้าง ดูขาดๆ เกินๆ มีการพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าและมีบรรยากาศของวีรสตรีหญิงอยู่ด้วย
“เธอพูดมาเถอะ จะเดิมพันยังไง?” เย่เทียนเฉินมองจางหลานอย่าสบประมาทแล้วพูดขึ้น
“ถ้าฉันช่วยญาติผู้พี่ของฉันออกมาได้ก่อนนายจะต้องมายกน้ำชาเสิร์ฟน้ำให้ฉันหนึ่งเดือน!” จางรั่วถงพูดอย่างน่ารักซุกซน
“ถ้าหากว่าฉันหาเจอก่อนล่ะ?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“นายเอาชนะฉันไม่ได้หรอก ต่อให้ชนะฉันก็จะยกน้ำชาเสิร์ฟน้ำให้นายเดือนหนึ่งเป็นยังไง?” จางหลานยิ้มอย่างน่ารักแล้วพูดขึ้น
“ช่างมันเถอะ นี่มันไม่มีความหมายอะไร…ถ้าเธอแพ้ก็จูบฉันก็พอแล้วเป็นยังไงล่ะ?” เย่เทียนเฉินถามออกมาด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เมื่อจางหลานได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะกรอกตาใส่เย่เทียนเฉิน ทำท่าทางทั้งเซ็กซี่และน่ารัก มุมปากยกยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “เจ้าบ้า…ฉันรับปากนาย ถ้าหากนายแพ้ก็มายกน้ำชาเสิร์ฟน้ำให้ฉันสามเดือนถ้าฉันแพ้ฉัน…ฉันก็จะจูบกับนาย!”
ในตอนที่คำพูดนี้ออกมาจากปาก จางหลานอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามเธอเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ถูกความลำบากโจมตีให้ตกใจ แต่ตอนนี้เธอหน้าแดงจริงๆ แล้ว เหมือนกับที่หานเจี๋นพูดกับเย่เทียนเฉิน จางหลาพึ่งพาตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะมีคนมาจีบไม่ขาดสายนับไปก็นับได้เป็นแถว แต่ไม่เคยมีแฟนแม้แต่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าทำไมส่วนลึกในใจของจางหลานถึงมีน้อยคนที่จะทะลวงเข้าไปได้ หรือดูเหมือนจะไม่มีเลย ดังนั้นจนถึงตอนนี้จูบแรกของจางหลานยังคงอยู่ เมื่อถูกเย่เทียนเฉินพูดถึงจะไม่เขินอายได้อย่างไร?
เมื่อรวบรวมความกล้าแล้ว จางหลานจึงได้ตอบตกลงเย่เทียนเฉินไป ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะช่วยหานเจี๋ยออกมาได้ก่อน เธอก็จะมอบจูบแรกของตนให้กับเย่เทียนเฉิน จางหลานเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมแพ้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เจอกับคนที่ไม่ยอมแพ้แบบเย่เทียนเฉิน ทั้งสองจึงเสมอกันโดยสิ้นเชิงมีความรู้สึกน่าขันและโรแมนติกอยู่บ้าง
ฟิ้ว! เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไรแต่พุ่งเข้าไปบริเวณหุบเขาหมอกทมิฬเป็นคนแรก เขาไม่ได้กังวลว่าจางหลานจะได้รับบาดเจ็บอะไร ในฐานะที่เป็นหัวหน้าหน่วยสวาทหญิงย่อมผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน จากความเร็วดุจสายฟ้าของเธอเมื่อสักครู่นี้ที่สามารถฆ่ามือสังหารชุดดำได้ในพริบตา ขอเพียงไม่พบกับผู้อาวุโสที่จากสำนักโฮคุชินอิตโตริวคนนั้นก็คงจะพอรับมือได้
จางหลานคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะพุ่งไปที่หุบเขาหมอกทมิฬอย่างกระทันหัน ทันใดนั้นจึงกระทืบเท้า มุมปากก่นด่าออกมาประโยคหนึ่ง “เจ้าบ้า รอให้ฉันช่วยญาติผู้พี่ออกมาก่อนเถอะ นายต้องได้เห็นดีแน่ หึ!”
จางหลานซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยสวาทหญิงที่ฆ่าคนมาแล้วครึ่งทาง ไม่แปลกใจเลยว่านี่เป็นการเพิ่มพลังการต่อสู้ให้แก่เย่เทียนเฉิน ชางหลางและหลัวเหว่ยเคออย่างใหญ่หลวง ภารกิจในครั้งนี้คนธรรมดาไม่อาจทำสำเร็จได้จริงๆ และไม่สามารถเอาชนะได้ ต้องทราบว่าศัตรูทั้งหมดตั้งต่างเป็นลูกศิษย์ของสำนักดาบอันโอคุชินอิตโตริว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ถึงขั้นเป็นตายได้ กระทั่งเย่เทียนเฉินที่สามารถใช้พลังพิเศษในขอบเขตจักรพรรดิขั้นต้นออกมาได้จางๆ ก็ยังไม่กล้ารับประกันว่าตนจะเอาชนะผู้อาวุโสแห่งสำนักโฮคุชินอิตโตริวคนนั้นได้
ตอนนี้เองภายในเต็นท์ตรงกลางหุบเขาหมอกทมิฬ ชายชราคนหนึ่งที่สวมชุดต่อสู้สไตล์ชิบะแบบโบราณนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรม เบื้องหน้าของเขามีมือสังหารชุดดำยืนอยู่สามคน นี่เป็นสามในสี่ยอดฝีมือที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวพาออกมาในครั้งนี้ ส่วนมือสังหารอีกคนหนึ่งที่ถูกหลีหวังฆ่าตายไปแล้วนั่นก็คือเซนโทอิน ทุกคนในยอดฝีมือทั้งสี่มีความสามารถเหนือกว่าเซนโทอิน กระทั่งมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า เพียงแค่คนเดียวก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวัดกลัวแล้ว
“ผู้อาวุโสซาโต้ตามหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ?” มือสังหารชุดดำที่ยืนอยู่ตรงกลางถามขึ้นอย่างเคารพ
“ถามอะไรออกมาจากปากของทหารหน่วยรบพิเศษเหล่านั้นได้หรือไม่?” ผู้อาวุโสซาโต้ลืมตาขึ้นแล้วเอ่ยถามด้วยความเรียบเฉย
“ยังไม่รู้ชั่วคราว พวกเขาปากแข็งมาก ตัดมือตัดเท้าไปแล้วก็ยังไม่ยอมพูดแม้แต่ครึ่งคำ!” มือสังหารที่อยู่ตรงกลางพูดอย่างรู้สึกผิด
เดิมทีกลุ่มของสำนักโฮคุชินอิตโตริวนี้คิดว่า หลังจากจับตัวทหารหน่วยรบพิเศษชั้นยอดทั้งยี่สิบคนมาแล้วจะทำการทรมานให้พวกเขาพูด กระทั่งใช้ความตายมาข่มขู่ ใช้การทรมานที่เจ็บปวดที่สุดมาทรมานพวกเขา จะต้องได้รับข้อมูลบางอย่างแน่นอน เพียงแต่น่าเสียดายที่พวกเขาคาดเดาความภาคภูมิใจของทหารหน่วยรบพิเศษแห่งประเทศจีนต่ำเกินไป ไหนเลยจะรู้ว่าต่อให้เป็นความตายก็ไม่ยอมพูดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เพราะเขาคือวีรบุรุษชาวจีนทำเรื่องปกป้องประเทศถึงแม้ว่า การเสียสละเช่นนี้ของพวกเขาคนธรรมดาทั่วไปจะไม่รู้ไปตลอดกาล แต่พวกเขาก็ไม่มีข้อกังขาอยู่ในใจ พวกเขาเป็นชายที่เงยหน้าสู้ฟ้าได้
“ไม่ต้องถามแล้ว ลงมือกับผู้หญิงคนนั้นโดยตรงเถอะ ผู้หญิงไม่กลัวตายแต่เธอต้องกลัวพรหมจรรย์ของตนถูกแย่งชิงไปแน่นอน เรียกได้ว่านี่เป็นของที่ล้ำค่าที่สุดของร่างกายของเธอ!” ซาโต้พูดอย่างไร้อย่างอาย
“ไฮ่!” มือสังหารชุดดำที่อยู่ตรงกลางพยักหน้าตอบ
“ใช่แล้ว ฆ่าทหารหน่วยรบพิเศษของจีนคนอื่นให้หมดเหลือไว้แต่ผู้หญิงคนนั้นก็พอ…” ซาโต้คิดครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา
“ทำไมเหรอครับผู้อาวุโส? บางทีจะมากจะน้อยพวกเราก็อาจจะถามออกมาได้บ้าง!” มือสังหารชุดดำที่อยู่ตรงกลางถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ต้องแล้ว เพราะว่าอีกฝ่ายมียอดฝีมือมาหลายคนมาช่วย เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งมาก ความสามารถไม่ได้ไปกว่าพวกแกเลย และยังมีคนหนึ่งที่ปิดล้อมหุบเขานี้เอาไว้ทั้งหมดพลังแล้ว ของเขาแข็งแกร่งมาก ไอสังหารแบบนั้นมากพอที่จะเทียบได้กับฉันเลย พวกแกเตรียมรับมือกับการต่อสู้ให้ดี!” ในดวงตาของซาโต้ปรากฏความโหดเหี้ยมออกมา
มือสังหารชุดดำทั้งสามคนชะงักไปครู่หนึ่ง สามารถได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากของซาโต้ได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ต้องทราบว่าผู้อาวุโสซาโต้เป็นอันดับสิบในสำนักโฮคุชินอิตโตริว ยากที่จะหายอดฝีมือที่สามารถต่อกรกับเขาได้