เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 333 ของของผู้หญิงแปลก
จางหลาน ผู้หญิงคนนี้นำพาความแปลกใจที่แตกต่างออกไปมาให้เย่เทียนเฉิน ในตอนที่หานเจี๋ยยังไม่ได้เล่าเรื่องของจางหลาน เย่เทียนเฉินก็คิดว่าจางหลานเป็นผู้หญิงแปลกคนหนึ่งที่หน้าตาสวยงาม ฝีมือแข็งแกร่ง และมีบางครั้งที่พึ่งพาไม่ได้อยู่บ้าง พูดให้ชัดเจนก็คือยังมีส่วนที่น่ารักด้วย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจางหลานจะมีด้านฉลาดเฉลียวแบบนี้ด้วย ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดี นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้เย่เทียนเฉินมีความแปลกใจต่อจางหลานเพิ่มมากขึ้น ในสังคมปัจจุบันนี้ ผู้หญิงแบบนี้หาได้ยากมาก เป็นคนเข้มแข็ง อายุน้อย หน้าตาสวยงาม ในขณะเดียวกันก็ใจดี
“เทียนเฉิน นายคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว หลานเอ๋อร์แค่แข็งกระด้างไปบ้างก็เท่านั้น!” หานเจี๋ยพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ไม่มีปัญหา พี่ชายสุดหล่อปกติก็ไม่จดจำความแค้นกับผู้หญิงอัปลักษณ์พวกนั้นหรอก ที่สำคัญเป็นเพราะฉันมันหล่อไง!” เย่เทียนเฉินหัวเราะแล้วพูดจาหยอกล้อขึ้นมา
หานเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา บางครั้งเธอก็รู้สึกจริงๆ ว่าเมื่ออยู่ด้วยกันกับเย่เทียนเฉินเธอมีความสุขมาก ขอเพียงเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลาย ผู้ชายคนนี้ก็จะมีนิสัยเหมือนกับอันธพาลเกียจคร้าน ชอบพูดขำขันหยอกล้อคนอื่นให้เบิกบานใจ บางครั้งด้านที่แสดงออกมาก็แปลกประหลาดและดูพึ่งพาไม่ได้อยู่บ้าง แต่ถ้าหากคุณคิดว่าผู้ชายคนนี้มีฝีปากแพรวพราวทำได้เพียงพูดจาหยอกล้อ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ผิดแล้ว เมื่ออยู่ข้างกายเขา เขาจะมอบความรู้สึกปลอดภัยให้แก่คุณ จะไม่ทำให้คุณเป็นอันตรายแม้แต่ครึ่งส่วน เพราะเขาก็เป็นเทพสังหารที่ทำให้ศัตรูดับดิ้นเช่นเดียวกัน
“นายนี่ล่ะก็…” หานเจี๋ยไม่รู้จะพูดอะไรดีจริงๆ ความรู้สึกที่เย่เทียนเฉินมอบให้เธอนับวันยิ่งไม่เหมือนเดิม
ยังจำได้ว่า ในตอนที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเข้ากองทัพ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหานและตระกูลเย่ อีกทั้งตอนเด็กหานเจี๋ยก็เคยรู้จักกับเย่เทียนเฉิน เพียงแต่ไม่ได้สนิทสนมเป็นเพื่อนในวัยเด็กเหมือนกับหลิงอวี่สวิ๋น อย่างไรก็ตาม ในตอนที่อยู่ในกองทัพหานเจี๋ยดูแลเย่เทียนเฉินดีมาก มิฉะนั้นด้วยชื่อเสียงของเย่เทียนเฉินที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวตลกและเศษสวะไปทั่วทั้งเมืองหลวง เมื่อเข้ากองทัพมา ไม่ถูกรังแกก็แปลกแล้ว
ตอนแรกที่เย่เทียนเฉินเข้ากองทัพ เป็นเพราะแอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำ นำพาความอัปยศอันใหญ่หลวงมาให้ตระกูลเย่จนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งเมืองหลวง ในตอนที่เห็นพ่อแม่ของตนพาตนไปทำการขอโทษถึงประตูบ้านตระกูลหลิ่วจนได้รับความอัปยศอับอาย ในชั่วขณะนั้น เย่เทียนเฉินถึงได้เข้าใจว่า เมื่อก่อนตัวเองอกตัญญูขนาดไหน ทำให้พ่อแม่ลำบากขนาดไหน พ่อแม่ก็เริ่มแก่แล้ว อายุมากแล้ว หากตนยังเป็นอย่างนี้ต่อไป จะทำให้พวกเขาตายไปโดยที่ยังเป็นห่วงตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
ในตอนที่คุกเข่าอยู่นอกประตูใหญ่ของตระกูลหลิ่ว ในใจของเย่เทียนเฉินก็ลอบสาบานว่า เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง จะไม่ยอมให้เป็นแบบนี้ต่อไป ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาไม่เพียงแต่จะทำให้พ่อแม่ปวดใจ อีกทั้งยังไม่สามารถปกป้องพ่อแม่อีกด้วย เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ตระกูลเย่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ตระกูลอื่นก็เริ่มที่จะมารังแก นี่ไม่มีสาเหตุและเหตุผลอันใด หากคุณตกต่ำ หากคุณอ่อนแอ ก็จะถูกรังแก นี่เป็นเหตุผลที่ธรรมดามาก
ดังนั้น หลังจากที่ออกมาจากตระกูลหลิ่ว วันต่อมาคือวันที่เย่เทียนเฉินต้องไปมหาวิทยาลัยหลงเถิงเพื่อลงทะเบียนเรียน แต่เขากลับไม่ได้ไป เส้นทางที่เขาเลือกก็คือไปเข้ากองทัพ ถึงแม้อำนาจของตระกูลเย่จะตกต่ำลงแล้ว แต่หากต้องการส่งเย่เทียนเฉินเข้ากองทัพก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพียงแค่ไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษเท่านั้น
เย่เทียนเฉินที่เข้าร่วมกองทัพไปแล้ว เดิมทีก่อนหน้านี้ก็เป็นคนที่ไม่เล่าเรียนหนังสือ รวมกับที่เกิดเรื่องของตระกูลหลิ่วจนเกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งเมืองหลวง ต่อให้เป็นเขตทหารที่เป็นเขตปิดกั้นก็มีข่าวเข้ามาบ้าง ดังนั้นคิดได้เลยว่าเย่เทียนเฉินจะได้รับการปฏิบัติแบบไหนในกองทัพ รวมกับที่หลิ่วหรูเหมยมีคนแอบรักไม่น้อยเพราะมีใบหน้างดงามล่มบ้านล่มเมือง ในตอนที่ผู้ชายหลายคนรู้ว่าเย่เทียนเฉินซึ่งเป็นเศษสวะของตระกูลคนนี้ถึงกับแอบดูเธออาบน้ำสำเร็จ หลายคนอยากฆ่าเขาให้ตาย ดังนั้นย่อมไม่ทำตัวดีๆ กับเย่เทียนเฉินแน่ และเป็นเช่นนี้จริงๆ ไม่ใช่เพียงการพูดเท่านั้น มีคนจ้างวานมือสังหารจริงๆ และต้องการฆ่าเย่เทียนเฉิน แต่โชคดีที่เย่เทียนเฉินเข้ากองทัพมาแล้วจึงเก็บชีวิตกลับมาได้
ในกองทัพ มีหลายคนที่แบนเย่เทียนเฉิน มีทั้งคนที่รู้ว่าเขาเป็นเศษสวะและลูกหลานไม่เอาไหนของตระกูลจากเมืองหลวงจึงไม่เต็มใจจะอยู่ด้วยกันกับเขา มีทั้งคนที่โกรธจนต้องกัดฟัน เมื่อคิดว่าเย่เทียนเฉินแอบดูหลิ่วหรูเหมยอาบน้ำ ทำเรื่องที่ผู้ชายหลายคนคิดฝันแต่ไม่กล้าทำจริงๆ จนสำเร็จก็ อยากจะบีบคอเขาให้ตายทั้งเป็น หากไม่ใช่ว่าหลายคนกลัวเรื่องกฎระเบียบในกองทัพจึงไม่กล้าแตะต้องเขา เกรงว่าเย่เทียนเฉินคงตายไปนานแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้มีเพียงหานเจี๋ยที่มาพูดคุยกับเย่เทียนเฉินและดูแลเย่เทียนเฉิน เดินเป็นเพื่อนเย่เทียนเฉินมาโดยตลอดจนถึงช่วงเวลาที่เขาได้กลายเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ เพียงแต่เรื่องเหล่านี้คนทั้งสองไม่เคยพูดถึง เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จะอย่างไรหานเจี๋ยก็ดีกับตน เขาจดจำอยู่ในใจมาโดยตลอด ดังนั้นในตอนที่รู้ว่าหานเจี๋ยอยู่ในอันตราย เย่เทียนเฉินจึงละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและตรงมาที่ป่าหมอกดำ ผู้หญิงคนนี้มีบุญคุณกับเขา ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับหานเจี๋ย แต่บุณคุณจำเป็นต้องตอบแทน มิฉะนั้นคงไม่ใช่ลูกผู้ชาย
การที่เย่เทียนเฉินได้เป็นทหารหน่วยรบพิเศษทำให้ใครหลายคนต้องเปลี่ยนมุมมองจริงๆ กระทั่งผู้นำในเขตทหารจำนวนหนึ่งก็คิดไม่ถึงว่า เย่เทียนเฉินที่เป็นลูกหลานไม่เอาไหนของตระกูลและไม่ยอมร่ำเรียนคนนี้จะถึงกับกลายเป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งได้ หรือช่วงเวลาที่ตระกูลเย่จะได้พลิกผันมาถึงแล้ว?
เรื่องราวหลังจากนั้นใครหลายคนต่างก็ทราบดี ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดที่น่าตื่นตะลึงมาบรรยายแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เทียนเฉินที่กลับเมืองหลวงไปแล้ว ทุกเรื่องนั้นต่างทำให้คนที่รู้จักกับเขาและคนที่ดูถูกเขาต้องตื่นตกใจจนคางแทบร่วง ตระกูลฉินและตระกูลลั่วถูกเขากำจัด อีกทั้งคนที่มีตำแหน่งสูงจำนวนหนึ่งยังได้ยินเรื่องที่เย่เทียนเฉินทำในเมืองวอชิงตันแห่งประเทศ M ด้วย ก่อเรื่องไปทั่วทั้งวอชิงตันจนวุ่นวาย ต้องการให้โฮบาม่าเลี้ยงข้าว นี่จะต้องมีความสามารถและความแข็งกร้าวขนาดไหนถึงจะทำได้?
“นายสิอัปลักษณ์ หลงตัวเองขนาดนี้ น่าไม่อายจริงๆ!” ในตอนนี้เอง ไม่รู้ว่าจางหลานหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องนอนตั้งแต่เมื่อไหร่ เย่เทียนเฉินรีบพลิกตัวขึ้น นี่เป็นผู้หญิงที่ไปหาเรื่องด้วยไม่ได้ จำเป็นต้องระมัดระวังเอาไว้ เผื่อเธอจะลงมือกับตนอย่างกะทันหัน
หานเจี๋ยลุกขึ้นยืนจากเตียงของเย่เทียนเฉิน รีบเดินไปเบื้องหน้าจางหลานผู้เป็นญาติผู้น้องแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “หลานเอ๋อร์ เทียนเเฉินคนนี้ไม่เลวเลย เธออาจจะยังไม่คุ้นเคยกับเขา ต่อจากนี้อยู่ด้วยกันบ่อยๆ ก็รู้จักกันแล้ว!”
“ใครอยากจะสนิทกับเขา(เธอ)กัน!” เย่เทียนเฉินและจางหลานโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน
จากนั้น วินาทีต่อไปเย่เทียนเฉินและจางหลานก็จ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง จางหลานกรอกตาซึ่งเป็นท่วงท่าอันเป็นเอกลักษณ์ของ เธอราวกับทุกอย่างบนโลกไม่เกี่ยวกับเธอ ส่วนเย่เทียนเฉินก็แลบลิ้นใส่จางหลาน ท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“คิกๆ หลานเอ๋อร์ เธอเป็นอะไรไป ยังไม่นอนหรอ?” หานเจี๋ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเพื่อทำลายบรรยากาศกระอักกระอ่วน
จางหลานไม่ได้พูดอะไร เดินไปข้างเตียงเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินรีบตั้งท่าราวกับเตรียมต่อสู้ ผู้หญิงแปลกคนนี้ฝีมือแข็งแกร่งมาก ตอนนี้ตนเองก็ได้รับบาดเจ็บ ไม่ป้องกันไม่ได้ ถูกต่อยจนตาเขียวขึ้นมาคงน่าเศร้าแย่
ไหนเลยจะรู้ว่า จางหลานจะทำท่าทางคล้ายกับว่าฉันขี้เกียจสนใจนายขี้เกียจสู้กับนายแล้วออกมา ที่ทำให้พูดไม่ออกก็คือจางหลานถึงกับดึงผ้าห่มของเย่เทียนเฉินขึ้น เย่เทียนเฉินรีบปิดบังด้านล่างเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ในใจก็คิดว่า ผู้หญิงแปลกคนนี้จะห้าวหาญเกินไปหรือเปล่า? หรือโกรธจนทนไม่ไหว คิดจะตอนเขาแล้ว? เรื่องนี้จะมากเกินไปแล้ว!
“ปิดอะไรของนาย นายคิดว่าใครอยากดูนายกัน?” จางหลานมองเย่เทียนเฉินอย่างเหยียดหยามแล้วพูดขึ้น
“ฉันกลัวว่ามันใหญ่เกินไปจนทำให้พวกเธอตกใจน่ะสิ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้เองจางหลานก็ไปอยู่บนเตียงเย่เทียนเฉินและหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา ถึงแม้นิสัยของจางหลานจะไม่ค่อยสนใจอะไรแต่ก็ยังหน้าแดง จ้องเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน นำของในมือซ่อนเอาไว้ด้านหลังและรีบเดินจากไป
ถึงแม้การเคลื่อนไหวของจางหลานจะเร็วมากแต่เย่เทียนเฉินกับหานเจี๋ยก็เห็นของของจางหลานในสมองของเย่เทียนเฉินปรากฎคำว่า “เสื้อใน” ขึ้นมาในสมองของหานเจี๋ยปรากฎคำว่า “คอร์เซต” ขึ้นมา
จะอย่างไรเย่เทียนเฉินและหานเจี๋ยก็คิดไม่ถึงว่าที่จางหลานกลับมาไม่ใช่เพราะโกรธจนทนไม่ไหว ต้องการมาลงมือสู้กับเย่เทียนเฉินอีกครั้ง แต่เป็นเพราะในระหว่างที่ต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ เสื้อชั้นในของจางหลานคลายออกจนตกอยู่บนเตียงเย่เทียนเฉิน หลังจากที่กลับมาถึงห้องแล้วจางหลานจึงเพิ่งจะรู้ตัว ไม่พบเสื้อชั้นในที่ติดตัวของตนแล้ว เมื่อคิดดูก็มั่นใจว่าจะต้องตกอยู่ในห้องของเย่เทียนเฉินแน่นอน คิดไปว่าไม่อาจให้เจ้าหมอนี่เห็นได้ จะอย่างไรเจ้าหมอนี่ก็มีความคิดเจ้าเล่ห์ ดังนั้นจางหลานจึงรีบกลับมานำเสื้อชั้นในของตัวเองกลับไป
จางหลานเดินออกไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ หานเจี๋ยก็ใบหน้าแดงก่ำ จะอย่างไรหากมีเสื้อผ้าชั้นในที่ติดตัวของผู้หญิงปรากฏต่อหน้าผู้ชาย ถึงแม้จะไม่ใช่ของตน แต่ผู้หญิงธรรมดาก็จะต้องหน้าแดง ส่วนเย่เทียนเฉินก็รู้สึกหดหู่มาก โชคดีที่ที่นี่มีแค่ชางหลาง หลัวเหว่ยเคอและหานเจี๋ยสามคน ล้วนเป็นคนกันเองและรู้เรื่องเขาและจางหลานดี มิฉะนั้นหากฉากนี้ปรากฏขึ้น ไม่แน่ว่าจะถูกพูดไปแบบไหน ไม่แน่อาจจะมีคนพูดไปว่า ตนกับจางหลานทำศึกเนื้อแนบเนื้อกันยามค่ำคืน สุดท้ายจางหลานจึงทำเสื้อชั้นในของตนหายไว้บนเตียงเขาและกลับมาเอาไป
“พี่คะ พี่ยังไม่ไปอีก เจ้าหมาป่าตัวนี้บ้ากาม เดี๋ยวจะเสียตัว!” จางหลานยืนอยู่ตรงประตู หันมามองหานเจี๋ยแล้วพูดขึ้น
“ฉัน…” เย่เทียนเฉินเพิ่งจะเอ่ยปากว่า ตนยังไม่ได้ทำอะไรจางหลานก็พูดว่าตนเป็นหมาป่าบ้ากามแล้ว ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ
“งะ งั้นฉันไปนอนก่อนนะ นายก็รีบพักผ่อนล่ะ!” หานเจี๋ยลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“อื้อ!” เย่เทียนเฉินมองจางหลานอย่างอับจนคำพูด ทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น ผู้หญิงแปลกคนนี้ไม่เกรงใจเลยจริงๆ หาเรื่องไม่ได้เลย!