เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 341 ไม่เคยหวาดกลัว เตรียมรับการต่อสู้นองเลือด
“ความสามารถส่วนตัวของซาโต้แข็งแกร่งมาก นี่เป็นสิ่งที่ฉันคิดไม่ถึงเหมือนกัน ดูท่าสำนักโฮคุชินอิตโตริวแห่งประเทศชิบะที่เป็นตำนานเล่าลือมาตลอดจะสามารถเทียบได้กับสำนักเส้าหลินของประเทศจีนของพวกเรา พรรควรยุทธโบราณที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองเทียบได้กับเขาไท่ซานเป่ยโต่ว นี่ไม่นับว่าโอ้อวดเลยจริงๆ ระหว่างเดินทางกลับ ฉันประเมิณได้ว่าความสามารถของผมกับซาโต้พอๆ กัน แต่ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันของประเทศชิบะ หากพัฒนาสำเร็จอาจจะสามารถช่วยให้ประเทศชิบะสั่นสะเทือนโลกได้เลย!” เย่เทียนเฉินพูดอดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา
นี่ไม่ได้เป็นการแสร้งพูดเพื่อข่มขวัญผู้อื่น จินตนาการได้เลยว่า ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันนี้สามารถทำให้กำลังของมนุษย์ปะทุออกมาได้ในพริบตา ความสามารถในการต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ก็เหมือนกันกับซาโต้ กลายเป็นคนก็ไม่ใช่ปีศาจก็ไม่เชิง เป็นสัตว์ประหลาดโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมนี้จะยังมีจุดอ่อนอยู่ นั่นก็คือต้องใช้การเผาผลาญพลังชีวิตของมนุษย์มาเป็นข้อแลกเปลี่ยน หลังจากที่ใช้เข้าไป ผู้ใช้จะไม่มีความหวังที่จะมีชีวิตต่อไปได้ เพียงแต่คนประเทศชิบะโหดเหี้ยมมาก เพื่อความคิดที่จะรวมโลกให้เป็นหนึ่งของพวกเขา ไม่แน่ว่าอาจจะยอมเสียสละทหารทั้งหมดเป็นข้อแลกเปลี่ยนก็ได้ เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของพวกเขา สำหรับรัฐบาลแห่งประเทศชิบะ การเสียสละคนของตนเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เดิมทีพวกเขาก็โหดเหี้ยมและโหดร้ายต่อกันอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน อู๋เสวี่ยและหูหลงจะต้องสั่นสะท้านอย่างแน่นอน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าซาโต้แห่งสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะแข็งแกร่งขนาดนั้น และยิ่งคิดไม่ถึงว่ายาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมที่ประเทศชิบะพัฒนาขึ้นจะร้ายกาจถึงขนาดนั้น หลังจากที่ซาโต้ใช้ยาปรับเปลี่ยนพันธุกรรมฉับพลันก็ดูเหมือนจะอัดเย่เทียนเฉินจนไม่มีแรงจะตอบโต้ เกือบจะตายอยู่แล้ว พลังการต่อสู้แบบนั้นจะต้องน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งแน่นอน เนื่องจากเดิมทีเย่เทียนเฉินก็เป็นคนที่มีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดาอยู่แล้ว สามารถบีบบังคับเขาจนเหนือกว่าได้ ไม่ว่าใครก็จินตนาการถึงระดับความน่าหวาดกลัวของการต่อสู้นั้นได้
“ความสามารถของซาโต้ในหมู่สำนักโฮคุชินอิตโตริวสามารถนับเป็นสิบอันดับแรกได้ ซึ่งอธิบายให้เห็นว่าเขายังไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักโฮคุชินอิตโตริว ท่าทางสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างตกตะลึง
“ถูกต้อง การตายของซาโต้ในครั้งนี้ สำนักโฮคุชินอิตโตริวจะต้องมาแก้แค้นแน่นอน เป็นไปได้มากว่าพวกเขาจะส่งยอดฝีมือมาลอบสังหารพวกเราในประเทศจีน!” เย่เทียนเฉินพูด มุมปากของปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“พี่ใหญ่ พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าคุณอันตรายมากเหรอ? ถ้างั้นพวกเราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมให้ดีถึงจะถูก!” หูหลงพูดด้วยความเคร่งเครียดเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่การดูถูกตนเองเพราะได้ยินกิตติศัพท์ของผู้อื่น แต่เป็นการรับมือกับปัญหานี้ตามสภาพจริง ความสามารถของประเทศชิบะทั้งประเทศไม่สามารถสู้ประเทศจีนได้จริงๆ แต่ความสามารถของสำนักโฮคุชินอิตโตริวกลับแข็งแกร่งมาก หากดูหมิ่นศัตรู จะทำให้คนของตนลำบากครั้งใหญ่
“ที่ฉันบอกเรื่องนี้กับพวกแก เพราะต้องการมอบคำสั่งให้พวกแก!” เย่เทียนเฉินมองอู๋เสวี่ยและหูหลงแล้วพูดขึ้น
ทันใดนั้นอู๋เสวี่ยและหูหลงต่างลุกขึ้นยืน ยืนอยู่เบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน ยืนตรงอยู่ตรงนั้น รอพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินออกคำสั่ง ถึงแม้แต่ไหนแต่ไรเย่เทียนเฉินจะไม่เคยเห็นพวกเขาเป็นลูกน้อง ปฏิบัติเหมือนกับเพื่อนที่ดีหรือพี่น้องที่ดีมาตลอด ทั้งไม่เคยวางมาดพี่ใหญ่ต่อหน้ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ แต่ในใจของพวกเขาค่อยๆ รับรู้ได้ถึงความสามารถและกลิ่นไออำนาจของเย่เทียนเฉิน ถึงแม้พี่ใหญ่คนนี้จะอายุน้อย แต่ความสามารถที่แสดงออกมาก็มากพอที่จะทำให้กลุ่มยอดฝีมืออย่างกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ชื่นชมนับถือ หากไม่มีกฎเกณฑ์ย่อมไม่อาจรวมเป็นหนึ่ง ในยามปกติทุกคนสามารถหยอกล้อกันได้ แต่ในตอนที่จริงจังก็จำเป็นต้องมีความจริงจังและเข้มงวด
“เชิญพี่ใหญ่สั่ง!” อู๋เสวี่ยและหูหลงพูดพร้อมกัน
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ให้กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ทั้งหมดเข้าสู่ขั้นตอนการฝึกฝน โดยวิธีการฝึกฝนอย่างละเอียดให้อู๋เสวี่ย เจ้ารองและเปาเทียนหลงสามคนเป็นผู้ไตร่ตรอง จุดประสงค์ก็คือ ยกระดับความสามารถในการต่อสู้ของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ภายในระยะเวลาสั้นๆ โดยเฉพาะระดับการต่อสู้โดยรวม!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างจริงจัง
“ครับพี่ใหญ่!”
เย่เทียนเฉินพิจารณาทั้งหมดมานานแล้ว ความสามารถของสำนักโฮคุชินอิตโตริวแข็งแกร่งมาก นี่เป็นสำนักแห่งหนึ่งที่ไม่สามารถดูถูกได้ ครั้งนี้ การที่เขาฆ่าซาโต้ในป่าหมอกดำ ทำให้สี่ราชานักฆ่าซึ่งเป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวตายไปทั้งหมด และทำลายทุกคนที่สำนักโฮคุชินอิตโตริวส่งมาสร้างปัญหาที่ชายแดนป่าหมอกดำ จะต้องสร้างคลื่นลมครั้งใหญ่ในสำนักโฮคุชินอิตโตริวหรือกระทั่งในประเทศชิบะแน่นอน
ความอาฆาตแค้นของคนประเทศชิบะแข็งแกร่งมาก ดังนั้นไม่ว่าจะพิจารณาจากด้านใด สำนักโฮคุชินอิตโตริวก็ต้องคิดแก้แค้นแน่นอน และประเทศชิบะก็จะร่วมมือกับสำนักโฮคุชินอิตโตริวเพื่อแก้แค้นด้วยแน่ เนื่องจากหากเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูของประเทศอื่น ต่อให้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แต่ก็ยังทำให้ประเทศชิบะทั้งประเทศกลายเป็นตัวตลกอยู่ดี ประเทศจีนเองก็จะมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ขึ้นด้วย ทุกคนต่างรู้ดีว่าสำนักโฮคุชินอิตโตริวแห่งประเทศชิบะแข็งแกร่งมาก พวกเขาส่งยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนมายังชายแดนป่าหมอกดำของประเทศจีน คิดจะก่อเรื่องและชิงข้อมูลสถานการณ์ทางการทหารของชายแดนประเทศจีนไปไว้ในมือ ไหนเลยจะรู้ว่าจะถูกฆ่าตายทั้งหมด ประเทศจีนแข็งแกร่งมาก ประเทศชิบะของพวกเขาไม่ถูกคนอื่นหัวเราะจนฟันร่วงตายก็แปลกแล้ว
คนของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะมาลอบโจมตีตน นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดเดาของเย่เทียนเฉินนานแล้ว เพียงแต่ในความคิดของเขา นี่เป็นโอกาสฝึกฝนที่ดีเป็นอย่างยิ่งครั้งหนึ่ง เป็นโอกาสการฝึกฝนที่ดีต่อตัวเขาเองและยังเป็นโอกาสฝึกฝนที่ดีต่อกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ด้วย การได้ต่อสู้กับยอดฝีมือของสำนักโฮคุชินอิตโตริวจะทำให้ประสบการณ์ในการต่อสู้จริงเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะหากวันข้างหน้าได้พบกับยอดฝีมือชั้นสูงของสำนักโฮคุชินอิตโตริวก็จะไม่ถูกกระทำมากเกินไป
กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เพิ่งจะรวมตัวกันไม่นาน ถึงแม้ว่าความสามารถของกลุ่มจ้าวสวรรค์ทุกคนจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการทำงานร่วมกันและความสามัคคีที่ขาดอยู่มาก ทุกคนต่างมีความคิดอยากเป็นวีรบุรุษเพียงผู้เดียวอย่างเข้มข้น หากจะทำให้กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์กลายเป็นกองทัพที่ไม่มีใครต่อต้านได้ยังต้องฝึกฝนเสียหน่อย ยอดฝีมือในสำนักโฮคุชินอิตโตริวมีมากมาย นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
“อู๋เสวี่ย แกบอกคนอื่นได้เลยว่าคู่ต่อสู้ของพวกเราในครั้งนี้แข็งแกร่งมาก ความสามารถของอีกฝ่ายทุกคนอาจทำให้พวกเราตายได้ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หวังว่าทุกคนจะพยายามฝึกฝนให้แข็งแกร่งมากขึ้น!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะพูดเตือน ครั้งนี้เขารู้สึกกดดันมากจริงๆ
“พี่ใหญ่ หัวเรือใหญ่ของสำนักโฮคุชินอิตโตริวคือจักรพรรดิดาบ นี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจจนไม่อาจจินตนาการได้!” อู๋เสวี่ยพูดอย่างกังวล
“เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป เรื่องของซาโต้ยังไม่ทำให้สำนักโฮคุชินอิตโตริวเห็นพวกเราอยู่ในสายตามากนัก โดยเฉพาะบุคคลอย่างจักรพรรดิดาบ เขาเป็นหนึ่งในสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก ถ้าหากเรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังต้องลงมือเอง ถ้างั้นจักรพรรดิดาบคนนี้ก็จะดูไม่มีตำแหน่งอำนาจเกินไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หากว่าจักรพรรดิดาบลงมือด้วยตัวเองจริงๆ ถ้างั้นฉันก็ไม่เสียดายที่จะจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่างเพื่อฆ่าเขาให้ได้!” ในดวงตาของเย่เทียนเฉินมีประกายความกระหายการต่อสู้ปรากฏอยู่ ต่อให้อีกฝ่ายคือจักรพรรดิดาบ คู่ต่อสู้เช่นนี้อาจจะทำให้เขาในตอนนี้ไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็ไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นด้านหนึ่งของนิสัยเทพสังหารที่มีอยู่ ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งแข็งแกร่ง
“ถ้างั้นพี่ใหญ่ พวกเราขอไปเตรียมตัวก่อน!” หูหลงเอ่ยปาก
“อืม ใช่แล้ว ให้หลินตวนนำกระบี่ไท่อามาด้วย!” เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น
เจ้าเลือดและหูหลงออกไปจากคฤหาสน์แล้ว เย่เทียนเฉินหมุนตัวเดินขึ้นไปชั้นสอง เขารู้ว่าในใจของเสี้ยวหยายังเจ็บปวดอยู่มาก จะอย่างไรแม่ของเธอก็เพิ่งจากไป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเดินออกจากความโศกเศร้าเช่นนี้ได้เร็วนัก สิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คืออยู่ข้างกายเป็นเพื่อนเสี้ยวหยา ข้ามผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบากที่สุดของผู้หญิงที่ดีคนนี้เป็นเพื่อนเธอ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก และไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนเงียบๆ ก็เพียงพอแล้ว
หลังจากเย่เทียนเฉินเดินขึ้นไปชั้นสองก็พบว่าเสี้ยวหยาอยู่ในห้องหนังสือของตน หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านด้วยความสนใจ ดูท่าทางจริงจังมาก ขนาดเขาเดินเข้าไปใกล้เสี้ยวหยาก็ยังไม่รู้ตัว ยังคงอ่านอย่างละเอียด
“หยาเอ๋อร์ ถ้าเธอชอบหนังสือเล่มนี้ ฉันก็ให้เธอเลยแล้วกัน!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ธุระของนายเสร็จแล้วเหรอ?” เสี้ยวหยาเอ่ยปากถาม
“อืม หิวหรือยัง พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ หลายวันนี้ไม่ได้กินดีๆ นอนดีๆ เลย!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างใส่ใจ
“ไม่เป็นไร ฉันไปต้มบะหมี่ให้นายดีไหม?”
เสี้ยวหยาเสนอว่าจะต้มบะหมี่ให้เย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินคิดครู่หนึ่งจึงตกลง เขาไม่สามารถ “ดูแล” เสี้ยวหยาได้ ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้เสี้ยวหยาจมอยู่ในความโศกเศร้าที่สูญเสียแม่อยู่ตลอด มีเพียงต้องให้เธอกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติถึงจะค่อยๆ เดินออกมาจากความเจ็บปวดได้ ยิ่งไปกว่านั้น เย่เทียนเฉินต้องการให้เสี้ยวหยาใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้ จึงอยากทำให้เธอคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเสียหน่อย
เพียงไม่นานเสี้ยวหยาก็ยกบะหมี่ร้อนๆ ออกมาสองถ้วย เพียงแต่ถ้วยหนึ่งมีไข่ต้ม อีกถ้วยหนึ่งไม่มีและยังมีเส้นบะหมี่น้อยกว่า นี่คงเป็นบะหมี่ที่เสี้ยวหยาเตรียมให้ตัวเอง เย่เทียนเฉินไม่ได้พูดอะไร รับถ้วยมาด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้ว แม่ของเสี้ยวหยาจากไปกระทันหันเกินไป นี่เป็นเรื่องที่เย่เทียนเฉินเองก็คิดไม่ถึง เดิมทีเขาคิดว่ามียาหลงสุ่ยของจางอีเต๋ออยู่ อย่างน้อยก็สามารถทำให้แม่ของเสี้ยวหยามีชีวิตต่อไปได้อีกสองปี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอาการป่วยจะทรุดลงเร็วขนาดนี้ มีเรื่องมากมายที่พลังของมนุษย์ไม่อาจต่อต้านสวรรค์ได้ นี่ทำให้เย่เทียนเฉินตัดสินใจแน่วแน่มากว่าจะต้องตามหาความลับของชีวิตยืนยาวให้ได้
“ว้าว รสชาติไม่เลวเลย หยาเอ๋อร์ ฉันไม่รู้เลยว่าเธอจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้!” เย่เทียนเฉินกินบะหมี่เข้าไปคำใหญ่แล้วพูดชม
“อืม ถ้านายอยากกิน ฉันจะทำให้กินบ่อยๆ!” เสี้ยวหยาพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
ในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินคีบไข่ต้มในถ้วยตนไปใส่ในถ้วยของเสี้ยวหยา ขณะที่เสี้ยวหยายังไม่ทันปฏิเสธ เย่เทียนเฉินก็กดมือของเธอลงเบาๆ มองไปยังเสี้ยวหยาด้วยความลึกล้ำและอ่อนโยน กล่าวว่า “หยาเอ๋อร์ ฉันรู้ว่าในใจของเธอเจ็บปวดมาก แต่ฉันหวังว่าเธอจะร่าเริงขึ้นได้ ฉันรู้มาจากปากแม่ของเธอว่าเธอเป็นเด็กดีตั้งแต่เด็ก เชื่อฟังรู้ความ คะแนนการเรียนก็ยอดเยี่ยม คุณน้ามักจะชมเธอต่อหน้าคนอื่นบ่อยๆ ฉันคิดว่าหากแม่ของเธอมาเห็นสภาพเธอในตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ชมเธอ แต่ยังจะปวดใจอีกด้วย ดังนั้นเธอต้องทำตัวเป็นลูกที่ยอดเยี่ยมที่คุณน้าบอกถึงจะดี!”
เสี้ยวหยาได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินในใจก็ตื่นตะลึง มองไปยังผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า พลันนั้นเธอคิดว่าผู้ชายคนนี้ยอดเยี่ยมถึงขนาดนั้น ดีกับเธอขนาดนั้น นี่ไม่ใช่ผู้ชายที่รู้จักแต่เรื่อยเฉื่อยไปวันๆ เย่เทียนเฉินมีด้านที่พิเศษและยอดเยี่ยมของเขาด้วย!