เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ - บทที่ 344 อย่าตัดสินวีรบุรุษจากอายุ
ติ้งๆ ติ้งๆ …
เลือดสดๆ ไหลหยดลงมาจากกลางอากาศ คล้ายกับเสาเลือดอย่างไรอย่างนั้น หลินตวนได้เห็นพลันต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก กระบี่ไท่อาและวิญญาณนั้นไม่สามารถเลือดไหลได้ ถ้าเช่นนั้นเลือดนี้จะต้องเป็นของพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินแน่นอน หรือว่าเย่เทียนเฉินจะถูกกระบี่ไท่อาและวิญญาณที่ระเบิดออกมาจากตัวกระบี่ฆ่าไปแล้ว?
“พี่ใหญ่…”
หลินตวนร้อนใจไปทั้งใจ กลัวว่าเย่เทียนเฉินจะเกิดเรื่องขึ้น ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ บางทีในใจของหลินตวนอาจจะมีความสงสัยในความสามารถของเย่เทียนเฉินอยู่ เนื่องจากจะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็มีอายุแค่ยี่สิบปี ยังเด็กขนาดนั้น ต่อให้ความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดาก็ไม่แน่ว่าจะพัฒนากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ให้รุ่งโรจน์ขั้นสุดยอดได้ ไม่แน่ว่าจะเป็นคนที่เหมาะสมจะเป็นคนนำกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ให้ยิ่งใหญ่ แต่หลังจากผ่านการฆ่าล้างตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและการต่อสู้กับมือสังหารที่คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงส่งมา เมื่อดูจากสองเรื่องนี้ หลายคนจึงเกิดความชื่นชมเลื่อมใส ในใจพวกเขาเพิ่งจะรู้ว่าไม่อาจตัดสินวีรบุรุษจากอายุ เย่เทียนเฉินเป็นจักรพรรดิโดยสมบูรณ์แบบ ถึงแม้จะอายุเพียงยี่สิบปี แต่จะมีสักกี่คนที่แข็งแกร่งเหมือนกับเขา?
ฉัวะ!
เงาคนร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากฝุ่นที่ตลบอบอวลไปทั้งฟ้า ในมือถือกระบี่ไท่อาอยู่ หลินตวนมองไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร ไม่รู้ว่าเป็นเย่เทียนเฉินหรือวิญญาณที่ระเบิดออกมาจากกระบี่ เขาคิดไม่ทันแล้ว เนื่องจากกระบี่ไท่อาฟันลงมาแล้ว
“อา!”
หลินตวนตะโกนเสียงดัง นั่นเป็นการคำรามโจมตีอย่างสุดกำลัง และคิดไปว่าพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินเกิดเรื่องเศร้าไปแล้ว มือทั้งสองจับดาบเจ็ดดาวฟันลงไปโดยไม่หลบเลี่ยง
เคร้ง ตู้ม!
กระบี่ไท่อาและดาบเจ็ดดาวปะทะกัน หลินตวนปลิวกระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพง ในชั่วขณะที่เขาคิดจะยืนขึ้น ลำแสงเย็นยะเยือกสายหนึ่งก็ปรากฏบริเวณลำคอเขาแล้ว ขอเพียงเขาขยับเล็กน้อย ขอเพียงประกายเย็นยะเยือกนั้นขยับเข้ามาเล็กน้อย หลินตวนก็คงหัวกับตัวแยกออกจากกัน
อย่างไรก็ตาม หลินตวนไม่ใช่ชายที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ต่อให้ถูกกระบี่ไท่อากดอยู่บนลำคอ เขาก็ไม่มีความหวาดกลัวและความขี้ขลาดแม้แต่น้อย ถึงแม้ในใจจะตื่นตกใจ แต่เจตนาการต่อสู้ไม่ได้ถูกกำจัดไปง่ายๆ ขนาดนั้น เขาพยายามฝืนลุกขึ้นยืน ไม่ว่าชั่วขณะนั้นกระบี่ไท่อาจะฟันหัวเขาขาดหรือไม่ หลินตวนก็เตรียมใช้ดาบเจ็ดดาวลงมืออีกครั้งแล้ว
“เมื่อกี้แกลงมือเต็มกำลังหรือเปล่า? รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ในตอนนี้เอง หลินตวนได้ยินเสียงเย่เทียนเฉิน ทั่วทั้งร่างชะงักไป จากนั้นบนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มออกมา ดูท่าพี่ใหญ่เย่เทียนเฉินจะสยบกระบี่ไท่อาได้แล้ว คนที่โจมตีเขาเมื่อครู่นี้ก็คือพี่ใหญ่เย่เทียนเฉิน
“พี่ใหญ่ ยินดีด้วยที่คุณสยบกระบี่ไท่อาได้!” หลินตวนเก็บดาบเจ็ดดาวกลับมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่ยากจะเชื่อเลยว่า คนที่เคยใช้สิบกระบี่บรรพกาลจะแข็งแกร่งขนาดไหน!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างทอดถอนใจ
ฝุ่นค่อยๆ สลายไป เย่เทียนเฉินและหลินตวนยืนเผชิญหน้ากัน ในตอนนี้หลินตวนมองได้อย่างชัดเจน ทั่วทั้งร่างของเย่เทียนเฉินล้วนเต็มไปด้วยเลือด เพื่อที่จะสยบกระบี่ไท่อาต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปมากมายนัก อย่างไรก็ตาม ในที่สุดวิญญาณที่เกิดจากพลังเดชานุภาพก็ถูกสยบแล้ว
“วิญญาณเมื่อกี้นี้คืออะไร? ถึงกับแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว กระทั่งพี่ใหญ่ก็เกือบตายแล้ว…” หลินตวนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“เป็นจิตวิญญาณที่อยู่ในกระบี่ไท่อา เกิดจากจินตภาพของพลังเดชานุภาพที่แฝงอยู่ด้านใน แข็งแกร่งมาก ฉันเดาว่าคงเป็นสิ่งที่คนที่เคยใช้กระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบทิ้งเอาไว้ มีจิตวิญญาณของเขาติดแนบอยู่ด้านใน คนคนนี้เป็นใครกันแน่? แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่? ตายไปแล้วหรือเปล่า?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงความสงสัยทั้งสามออกมา คนคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหน? สามารถใช้อาวุธเทพบรรพกาลทั้ง สิบในเวลาเดียวกันได้ ต้องทราบว่ากระบี่เทพทั้งสิบนี้ ทุกเล่มต่างก็มีพลังอำนาจถึงขั้นทลายฟ้าถล่มดิน หากใช้ดาบสิบเล่มในเวลาเดียวกันจะมีอำนาจระดับใดกัน? ยิ่งไปกว่านั้น คนคนนี้ยังสร้างเป็นค่ายกลกระบี่แห่งหนึ่งด้วย ค่ายกลกระบี่ที่เกิดจากกระบี่เทพทั้งสิบแบบนี้ หากพูดว่ามีพลังอำนาจล้นฟ้า สามารถสังหารเทพได้ก็คงไม่เกินไป?
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สู้กับเย่เทียนเฉินเป็นเพียงแค่วิญญาณร่างหนึ่งเท่านั้น และอาจเป็นเพราะคนที่เคยใช้กระบี่สิบเล่มนี้ประทับหยดเลือดของตนลงในตัวกระบี่ มีจิตวิญญาณเล็กน้อยหลงเหลืออยู่ภายในเลือด ตอนที่มีคนคิดจะสยบกระบี่ไท่อา เลือดหยดนี้จึงระเบิดพลังออกมาเป็นจิตวิญญาณของตน เมื่อรวมกับการสนับสนุนของพลังเดชานุภาพจึงปรากฏเป็นวิญญาณคนเช่นนี้ขึ้นมา สิ่งที่ใช้กระบี่ไท่อาสู้กับเย่เทียนเฉินเป็นเพียงหยดเลือดหยดหนึ่งเท่านั้น และเกือบจะทำให้เย่เทียนเฉินตายแล้ว คนที่เคยใช้กระบี่เทพบรรพกาลทั้งสิบแข็งแกร่งจนถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่กล้าจินตนาการจริงๆ
“ร้ายกาจขนาดนี้เชียว? งั้นตอนนี้พี่ใหญ่ก็ทำให้มันสงบได้แล้วใช่ไหม?” หลินตวนอดไม่ได้ที่จะถามอย่างระมัดระวัง
“ฉันฆ่าวิญญาณนั้นไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น พลังเดชานุภาพในกระบี่ไท่อาและพลังของฉันยังหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วด้วย ตอนนี้ฉันใช้กระบี่ไท่อาได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ที่ฟันเมื่อกี้ฉันแค่คิดอยากจะลองพลังของกระบี่ไท่อาดู สหาย ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากถาม
“ไม่เป็นไรพี่ใหญ่ อำนาจของกระบี่ไท่อายิ่งใหญ่มากจริงๆ ไม่เสียทีที่เป็นหนึ่งในสิบกระบี่บรรพกาล!” หลินตวนพูดอย่างดีใจ จะอย่างไรพี่ใหญ่ก็สยบกระบี่ไท่อาได้แล้ว สำหรับกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเขานับเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การยินดี เส้นทางที่สิบสามจ้าวสวรรค์จะยิ่งใหญ่ยังอีกยาวไกล ต้องเดินไปทีละก้าวจนถึงจุดสูงสุด ทุกคนต้องเพิ่มพลังการต่อสู้ไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะเย่เทียนเฉินที่มีฐานะเป็นพี่ใหญ่ ถ้าเขาไม่แข็งแกร่งมากพอจะเป็นแบบอย่างและทำให้สิบสามจ้าวสวรรค์เชื่อใจได้อย่างไร?
“กระบี่เมื่อกี้ฉันใช้พลังไปห้าส่วน แกใช้พลังทั้งหมดหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถาม
“เมื่อกี้ผมใช้แรงทั้งหมดขวางเอาไว้ แต่ก็ยังถูกโจมตีกระเด็นไปอยู่ดี พี่ใหญ่ คุณร้ายกาจจริงๆ!” หลินตวนส่ายศีรษะยิ้มๆ
เย่เทียนเฉินพยักหน้า ไม่ใช่ว่าเขาต้องการพิสูจน์ว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าหลินตวน เดิมทีเขาก็แข็งแกร่งกว่าหลินตวนอยู่แล้ว แต่ระหว่างพี่น้องในครอบครัวไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกแพ้ชนะอะไร เขาเพียงต้องการทดสอบอำนาจของกระบี่ไท่อาเท่านั้น หากตนไม่สามารถสยบกระบี่ไท่อาได้จนพลังการต่อสู้เพิ่มพูน ถ้างั้นทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่า ไม่มีความหมายใดๆ
หากพูดตามสถานการณ์จริง กายเนื้อของเย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด สภาพพลังก็ไปถึงขีดจำกัดที่จะต้องทะลวงไปนานแล้ว เพียงแต่เนื่องจากพลังหลิงชี่ของโลกแห่้งเหือดไปแล้ว กฎเกณฑ์ธรรมชาติก็เปลี่ยนไป ทำให้ไม่อาจทะลวงขอบเขตได้ มิฉะนั้นเย่เทียนเฉินคงทะลวงจากขอบเขตจอมราชันไปสู่ขอบเขตจักรพรรดินานแล้ว ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังพยายาม ถ้าหากอาศัยความสามารถในร่างกายตนทะลวงพลังได้ ถ้างั้นเขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนอื่นที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันมากโดยไม่ต้องสงสัย เพียงแต่น่าเสียดายที่ตลอดมาเย่เทียนเฉินจดจ่ออยู่กับพลังในร่างกาย ต้องการทะลวงมันไปทีละก้าว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความมั่นใจเช่นนั้น
ระหว่างที่เกิดเรื่องทั้งสองนี้ เย่เทียนเฉินก็อยากจะอาศัยพลังจากนอกโลกช่วยเหลือ จึงต้องการสยบกระบี่ไท่อา นี่เป็นหนึ่งในสิบกระบี่บรรพกาล และเป็นกระบี่แห่งเดชานุภาพ มีคำว่า “เดชานุภาพ” อยู่ ในเรื่องพลังอำนาจย่อมชัดเจนมาก
หลังจากสยบกระบี่ไท่อาแล้วเย่เทียนเฉินก็ให้หลินตวนจากไป ถึงแม้จะสยบกระบี่ไท่อาได้แล้ว แต่เย่เทียนเฉินก็ยังใช้พลังในร่างกายของตนย้อมเข้าไปในกระบี่ไท่อาไม่หยุด เพื่อต้องการได้ผลลัพธ์การหลอมรวมที่ดีที่สุด จะอย่างไรก็เพิ่งจะสยบกระบี่ไท่อาได้ หากต้องการฟาดฟันกระบี่ กระตุ้นพลังเดชานุภาพในตัวกระบี่ไท่อาออกไป ยังไม่ง่ายขนาดนั้น
ม่านราตรีปกคลุม เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างสระน้ำของคฤหาสน์อยู่เช่นนั้น เบื้องหน้าของเขามีกระบี่ที่ส่องประกายสีฟ้ารลอยอยู่ ไม่ได้มีความพิเศษอะไร เพียงแค่สั่นในบางครั้งท่านั้น แสงสีฟ้าระเบิดออกมา เย่เทียนเฉินใช้พลังพิเศษของตนไม่หยุด ใช้ใจเข้าไปรับรู้ ต้องการไปถึงขั้นรวมใจเป็นหนึ่งกับกระบี่ไท่อา
ในตอนนี้ ถ้าหากมีคนนอกอยู่ด้วย โดยเฉพาะถ้ามีคนธรรมดาอยู่ด้วย จะต้องตกใจจนเบิกตากว้างแน่นอน คนคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ บางทีอาจจะคิดว่าเขากำลังฝึกโยคะ แต่เบื้องหน้าของเขามีกระบี่สีฟ้าลอยอยู่เล่มหนึ่ง นี่ทำให้คนต้องตกใจอย่างหาใดเปรียบ หากอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเมืองธรรมดา จะต้องทำให้ผู้คนสั่นสะท้านแน่นอน
เย่เทียนเฉินนั่งอยู่บนพื้นอย่างเงียบงันไม่ขยับเขยื้อน มีกระบี่ไท่อาลอยอยู่เบื้องหน้าตน ไม่ว่ารอบด้านจะมีลมพัดหญ้าเคลื่อนไหวก็สัมผัสได้ กระทั่งมีคนเข้ามาเงียบๆ เตรียมจะฆ่าตน เย่เทียนเฉินก็รู้ เพียงแต่ไม่ได้ลงมือทันทีก็เท่านั้น เพื่อเปิดช่องให้ศัตรูเข้ามาลึกๆ
ผู้มาเยือนแข็งแกร่งมาก ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะไม่ได้ลงมือทันทีที่ศัตรูมาลอบสังหาร แต่ก็ใช้พลังพิเศษแห่งการรับรู้ออกไปด้วยความระมัดระวัง สัมผัสถึงทุกการเคลื่อนไหวของศัตรูเพื่อเตรียมลงมือสังหารทุกเวลา
ฟุ่บ!
ทันใดนั้น มีเงาคนสีแดงเลือดปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเย่เทียนเฉิน ในมือของคนสีแดงเลือดมีมีดเล่มหนึ่ง แทงเข้ามาที่ลำคอของเย่เทียนเฉินโดยตรง
เคร้ง!
เย่เทียนเฉินไม่ได้ขยับ ยังคงนั่งสมาธิอยู่บนพื้นหญ้า กระบี่ไท่อาเบื้องหน้าเขาเคลื่อนไหวในตอนที่คนสีแดงเลือดลงมือ ขวางมีดในมือของคนสีแดงเลือดอย่างแม่นยำ ปะทะกันจนเกิดประกายไฟสีทอง ทำให้คนสีแดงเลือดตกใจจนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะสยบกระบี่ไท่อาได้เร็วขนาดนี้ ต้องทราบว่าเสวี่ยโม่เจียวได้กระบี่ไท่อาไปนานแล้ว ความสามารถของเสวี่ยโม่เจียวก็ไม่อ่อนแอ แต่ในเวลาสิบปีเต็มๆ ก็ยังไม่สามารถสยบกระบี่ไท่อาได้ แต่เย่เทียนเฉินทำได้แล้ว และยังทำได้ถึงเร็วเช่นนี้ด้วย ช่างทำให้เขายากจะเชื่อจริงๆ
อย่างไรก็ตาม คนสีแดงเลือดก็ไม่เสียทีที่เป็นยอดฝีมือแข็งแกร่งที่หาได้ยาก การโจมตีเดียวฆ่าไม่ตาย พริบตาเดียวก็ซัดฝ่ามือลงมายังศีรษะของเย่เทียนเฉิน
วิ้ง!
กระบี่ไท่อาสั่นสะท้าน ประกายแสงสีฟ้าพุ่งออกมา มุ่งสังหารไปทางคนสีแดงเลือด ทำให้คนสีแดงเลือดตกใจจนชะงัก รีบพลิกตัวถอยออกไป ทำได้เพียงละทิ้งโอกาสสังหารเย่เทียนเฉินไปเท่านั้น
ผู้มาเยือนคือใครเย่เทียนเฉินย่อมรู้ดี เขารู้ว่าคนคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาไม่จะฆ่าผู้มาลอบสังหารได้หรือไม่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่ได้ลงมือโดยตรง เพราะเขาต้องการ “บังคับกระบี่” ใช้ความคิดของตนควบคุมกระบี่ไท่อาผสานกับการใช้พลังพิเศษที่แข็งแกร่งในร่างของตน ดูเสียหน่อยว่าจะฟาดฟันพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ออกไปได้หรือไม่ การบังคับกระบี่เป็นอาวุธที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่ง ถ้าหากต้องใช้มือควบคุมถึงจะฟาดฟันพลังอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของอาวุธออกไปได้ นี่จะเป็นข้อจำกัดอันใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“คิดไม่ถึงว่าจะควบคุมกระบี่ไท่อาได้เร็วขนาดนี้ ดูถูกไม่ได้เลยจริงๆ!” คนสีแดงเลือดยืนอยู่ด้านหลังเย่เทียนเฉิน พูดขึ้นอย่างเย็นชา